องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ประกาศจัดแคมเปญ “Let’s eat JAPAN อาหารญี่ปุ่น! ยิ่งทานยิ่งสนุก! ยิ่งทานยิ่งอร่อย!” ระหว่างวันเสาร์ที่ 5 กันยายน - วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งเพื่อเผยแพร่ให้ร้านอาหารที่ได้รับการรับรองเครื่องหมาย “Japanese Food Supporter” เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถิติการนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากญี่ปุ่นสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ในปัจจุบัน ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีจำนวนกว่า 3,600 ร้าน และยังมีร้านเปิดใหม่เกิดขึ้นในทุก ๆ ปี ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีความหลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ ทั้งร้านที่มีรสชาติความอร่อยแบบต้นตำรับเหมือนกินอยู่ที่ญี่ปุ่น และร้านที่มีการปรับเปลี่ยนรสชาติให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผสมผสานความเป็นไทย ซึ่งถือว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก”
ประธานเจโทรฯ กล่าวถึงที่มาและแนวคิดในการดำเนินโครงการว่า “ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19 เจโทรฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญในการช่วยกระตุ้นธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยให้กลับมาฟื้นตัวและส่งเสริมให้อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมเพิ่มอย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมทั้งยังมุ่งหวังให้ผู้บริโภคชาวไทยคลายความคิดถึงญี่ปุ่นผ่านทางการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ในขณะที่ไม่สามารถเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นได้ในขณะนี้”
แคมเปญ “Let’s eat JAPAN อาหารญี่ปุ่น! ยิ่งทานยิ่งสนุก! ยิ่งทานยิ่งอร่อย!” เกิดขึ้นจากความร่วมมือของร้านอาหารที่ได้รับการรับรองเครื่องหมาย “Japanese Food Supporter” ในประเทศไทยจำนวนมากกว่า 150 ร้านค้าที่นำเสนอเมนูซึ่งใช้วัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS และผู้ให้บริการจัดส่งอาหาร Gojek และ GrabFood เพื่อประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งกระตุ้นธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดแคมเปญดังนี้
แคมเปญ ‘คุ้ม 3 ต่อ’ กับ “Let’s eat JAPAN อาหารญี่ปุ่น! ยิ่งทานยิ่งสนุก! ยิ่งทานยิ่งอร่อย!”
คุ้มที่ 1 “Share 555! – มอบส่วนลด 50% สำหรับเมนูที่เข้าร่วมแคมเปญให้กับลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์” เมื่อรับประทานอาหารที่ร้าน ระหว่างวันพุธที่ 16 กันยายน - วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2563 (จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วม 58 ร้านค้า)
คุ้มที่ 2 “Share 555! – มอบโค้ดส่วนลดบนแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่” เมื่อสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ระหว่างวันพุธที่ 16 กันยายน - วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 สำหรับแอปพลิเคชัน Gojek (จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วม 42 ร้านค้า)และวันจันทร์ที่ 14 กันยายน - วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2563 สำหรับแอปพลิเคชัน GrabFood (จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วม 59 ร้านค้า)
คุ้มที่ 3 “Japan Diner 3000! – ประกวดภาพถ่ายอาหารลุ้นรับรางวัลรับประทานอาหารญี่ปุ่นมูลค่า 3,000 บาท” เมื่อร่วมสนุกกับกิจกรรมประกวดภาพถ่ายอาหารสุดน่ากิน โดยโพสต์ลง Social Media ระหว่างวันเสาร์ที่ 5 กันยายน - วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563 สามารถโพสต์ภาพถ่ายอาหารของร้านค้าที่ได้รับการรับรองเครื่องหมาย “Japanese Food Supporter” จำนวน 516 ร้านค้า และรับรางวัลสิทธิ์รับประทานอาหารญี่ปุ่นจากร้านดังจำนวน 36 ร้านค้า
แคมเปญนี้ตั้งใจมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้ทุกท่านมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในราคาที่เอื้อมถึงได้ที่ร้านอาหารที่บรรจงคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าชั้นเลิศจากญี่ปุ่นจำนวนมากที่เข้าร่วมแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็นเมนูปลาดิบ ซูชิหรือเมนูเนื้อวากิว เจโทรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผสานความร่วมมือมอบส่วนลดรวม 5.55 ล้านบาท ผ่านโปรโมชั่นสุดพิเศษ และมอบสิทธิ์รับประทานอาหารญี่ปุ่นสุดหรูให้กับผู้บริโภคจำนวน 555 คน เราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะช่วยส่งต่อรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ “555” ให้กับคนไทยได้ไม่มากก็น้อย
แคมเปญนี้มีแผนประชาสัมพันธ์ครั้งยิ่งใหญ่ ยิงตรงสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านทางคลิปประชาสัมพันธ์โครงการโดย ‘เสือร้องไห้’ แฟนพันธุ์แท้อาหารญี่ปุ่น Youtube Creator ชั้นนำของประเทศไทยที่มีผู้ติดตามมากกว่า 4.2 ล้านคน และบทความแนะนำร้านอาหารโดยฟู้ดบล๊อกเกอร์ชื่อดัง 12 คน ประธานเจโทรฯ กล่าวเสริมว่า “ผมหวังว่า ‘เสือร้องไห้’ จะช่วยเป็นสื่อกลางให้กับร้านอาหารญี่ปุ่น ให้ได้เป็นที่รู้จักและให้คนไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านทางการเล่าเรื่องและนำเสนอเสน่ห์ของวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่นในสายตาของผู้บริโภคชาวไทย”
AIS, Gojek, GrabFood ร่วมเชิญชวนและกล่าวย้ำถึงสิทธิเศษที่ผู้บริโภคจะได้รับจากแคมเปญนี้ รวมทั้งความคาดหวังต่อการเติบโตของตลาดการบริโภคอาหารญี่ปุ่น
คุณบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) กล่าวว่า “เอไอเอส รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญในครั้งนี้ นอกจากลูกค้าเอไอเอส, เอไอเอส ไฟเบอร์ และเซเรเนด ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศ เมนูปรุงจากวัตถุดิบพรีเมียมที่นำเข้าจากญี่ปุ่นในราคาสุดพิเศษ ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง”
คุณอรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการฝ่ายพาร์ทเนอร์ร้านค้า แอปพลิเคชัน Gojek กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้รับเชิญให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ซึ่งถือเป็นจังหวะเหมาะที่จะสื่อสารกับผู้บริโภค เพราะเราจะมีการรีแบรนด์จาก GET เป็น Gojek เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้บริการในเดือนกันยายน โดยแคมเปญ “Let’s eat JAPAN” นี้จะเป็นหนึ่งแคมเปญหลักที่จะเปิดตัวในนามแอปพลิเคชัน Gojek เรามั่นใจว่าผู้ใช้บริการจะได้รับข้อมูลร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่นำเข้าจากญี่ปุ่นและอิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับในราคาสุดพิเศษอย่างแน่นอน”
นางสาวสุขุมาลย์ เลิศปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ แกร็บฟู้ด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Let’s eat JAPAN” ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นในด้านรสชาติและความพิถีพิถัน ทำให้อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากคนไทยและติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเภทอาหารที่มียอดสั่งสูงสุดตลอดกาลในแอปพลิเคชัน Grab วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพถือเป็นหัวใจสำคัญ แกร็บหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่เราได้ร่วมสนับสนุนช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับร้านค้าและส่งเสริมให้เกิดการใช้บริการ จะช่วยให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้” ทั้งนี้ โค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัดแคมเปญจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการใช้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้
นอกจากนั้นแล้วเพื่อเป็นการต่อยอดโครงการดังกล่าว ทางเจโทรฯ ยังมีกำหนดการจัดงานจับคู่ธุรกิจออนไลน์ JETRO Japan Food Products Online Matching Fair 2020 ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม เพื่อขยายช่องทางการตลาดให้กับผู้ส่งออกสินค้าอาหารจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโครงการทั้งสองน่าจะช่วยให้วัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยเป็นอย่างมาก
“เจโทรฯ ก็มีความตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดแคมเปญ “Let’s eat JAPAN อาหารญี่ปุ่น! ยิ่งทานยิ่งสนุก! ยิ่งทานยิ่งอร่อย!” ขึ้นที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมสูงสุดอันดับต้น ๆ ผมหวังว่า แคมเปญนี้จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารที่ซบเซาจากสถานการณ์โควิด-19 กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง รวมถึงช่วยสร้างรอยยิ้มให้คนไทยทุกคน ให้ได้มีความสุขและสนุกสนานกับการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ได้สัมผัสเสน่ห์ของวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยไม่ต้องบินไปไกล ก็อร่อยเหมือนได้กินอยู่ที่ญี่ปุ่น” นายอัทสึชิ ทาเคทานิ กล่าวปิดท้าย