วันที่ 26 สิงหาคม 2563 เวลา 9.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน พิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2563 (Prime Minister’s Export Award 2020) โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รายงาน ร่วมกับนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะ ณ ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคการผลิตและบริการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาทักษะผู้ประกอบธุรกิจให้สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การดําเนินธุรกิจ พร้อมทั้งสนับสนุนและกําหนดมาตรการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด นายกฯกำชับเรื่องการปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal ช่วยกันขยายตลาดและโดยเฉพาะให้ดูตลาดชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมในสถานการณ์นี้และต้องขอบคุณทุกๆกับการที่ดูแลภาคธุรกิจและลูกจ้าง ไม่ให้คกงาน
นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าสินค้าวันนี้เป็นที่ต้องการของอาเซียน และสินค้าเราแข่งขันได้ ให้เน้นส่งเสริมการขายกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย รัฐบาลพยายามช่วยพลักดันกฏหมายให้เป็นสากล เพื่อคุ้มครองและผลักดันสินค้าของคนไทย ให้ไปสู่สากล เมื่อโลกเปลี่ยนเราก็ต้องปรับ ขอให้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าต่อไป และต้องพัฒนาสินค้าของไทยไปด้วยกัน เพื่อสร้างห่วงโซ่ และอยากให้สินค้าที่พัฒนามาจากฐานราก จากเกษตรกร พัฒนาสินค้าให้เป็นสู่ระดับที่สูงขึ้น พร้อมกำชับเรื่องการท่องเที่ยวขอให้สนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ และให้คนไทยร่วมมือกันโดยไม่ตื่นตระหนก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีการวางแผนและ ปฏิบัติให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจาปี 2563 หรือ Prime Minister’s Export Award 2020 ถือเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่น ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของไทย มีการพัฒนาอย่างบูรณาการในทุกสาขา และสอดคล้องกับการพัฒนาตามแผนแม่บท ที่รัฐบาลได้วางแนวทางไว้
รางวัล PM Award ถือเป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ส่งออกดีเด่น เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของประเทศ และเป็นการประกาศเกียรติคุณให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางถึงความสำเร็จและความทุ่มเทของ ผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาตนเอง พัฒนาสินค้า และบริการให้สามารถแข่งขันได้ ในตลาดโลก ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกผู้เข้ารับรางวัลในแต่ละปี ตลอดระยะเวลาของ การจัดงาน 29 ปี ที่ผ่านมา จะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นระบบและโปร่งใส โดยคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลาย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เราจึงมั่นใจได้ว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ในการผลิตสินค้า และบริการที่ได้ มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้ รางวัล PM Export Award ในปีนี้ มีความพิเศษมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการรับสมัครผ่านช่องทาง ออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อกระจายโอกาสให้ไปถึงผู้ประกอบการไทยทุกท่าน ขยายฐานของผู้สมัครให้ทั่วถึงทั้ง 76 จังหวัด และเพิ่มจำนวนผู้สมัครรายใหม่ๆ ไม่ว่า เขาเหล่านั้นจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ทั้งนี้เพื่อยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้ สามารถเติบโตจากระดับท้องถิ่นไปสู่ระดับสากล และเพื่อให้ก้าวทันพัฒนาการในโลกดิจิทัลในปี 2563 คณะกรรมการพิจารณารางวัลฯ ได้กำหนดให้มีการมอบรางวัล Prime Minister’s Export Award ใน 7 ประเภทรางวัล และมีบริษัทที่ผ่านการ พิจารณาคัดเลือก และตัดสินให้เข้ารับรางวัลรวม 34 บริษัท 37 รางวัล
“กระทรวงพาณิชย์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจไทยผ่านรางวัล PM Award จะเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจให้ผู้ประกอบการรักษามาตรฐาน และคุณภาพ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ อันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่าง ยั่งยืนต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว