xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดนักสู้ "เพลง" เผย 10 ปี "แม่อ้อย" ป่วยโรคหัวใจ ก่อนพบเป็นมะเร็งที่เยื่อหุ้มปอด-กระดูกระยะลุกลาม แต่ห้ามบอกใคร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เพลง ภตภร" เปิดใจเสียงสั่น วินาทีจาก "แม่อ้อย กาญจนา" ตลอดกาล ได้ยินแต่ตอบสนองไม่ได้  เผยแม่ป่วยโรคหัวใจ 10 ปี แต่เพิ่งตรวจพบเป็นมะเร็งที่เยื่อหุ้มปอดกับกระดูกเมื่อ 2 ปีก่อน อาการทรงและทรุดมาตลอด ก่อนจากไปด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง เผยที่ผ่านมาแม่ฝืนทำตัวแข็งแรง สั่งห้ามบอกใคร ไม่อยากเป็นภาระใคร ภูมิใจได้เลือดนักสู้จากแม่ 

บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ท่ามกลางญาติสนิท และเพื่อนนักแสดงที่ต่างทยอยเดินมาร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของนักแสดงอาวุโส “อ้อย กาญจนา จินดาวัฒน์” ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ซึ่งได้มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่ศาลา 2 วัดมกุฎกษัตริยาราม ย่านราชดำเนิน โดยเบื้องต้นทางหลังสวดครบ 7 วัน ญาติตั้งใจเก็บศพไว้ 100 วันตามที่นักแสดงอาวุโสได้บอกไว้ก่อนจากไป

โดยมีเหล่าคนบันเทิงชื่อดังมาร่วมส่งดวงวิญญาณครั้งสุดท้าย อาทิ ส้ม ชนากานต์ ชัยศรี (อดีตมิสไทยแลนด์ปี 1990), เกมส์ ศานติ สันติเวชชกุล, สุเชาว์ พงษ์วิไล, ปู ปริศนา, ตุ๊ก เดือนเต็ม, รอง เค้ามูลคดี, หมู ดิลก

จากนั้น “เพลง ภตภร สีบุญเรือง”ลูกสาวคนโตของนักแสดงอาวุโสชื่อดัง ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าคุณแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจมาเกือบ 10 ปี โดยระหว่างนั้นหมอได้เสนอวิธีเปลี่ยนเป็นหัวใจเทียม แต่ด้วยร่างกายและอายุ รวมไปถึงครอบครัวไม่พร้อมเสี่ยง เลยต้องรักษาด้วยวิธีการให้ยา ประคองอาการมาตลอด แต่พอมาปีหลังๆ จะเปลี่ยนจะเป็นวิธีผ่าตัด แต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่งตรวจมะเร็งที่เยื่อหุ้มปอดกับกระดูก และล่าสุดที่แอทมิดเนื่องจากเปลี่ยนตัวยาที่รักษามะเร็ง โดยอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งอาการทรุดและทรงมา หลังจากนั้นได้จากไปด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

พร้อมเผยว่าภาพล่าสุดที่เห็นแม่ไปออกรายการโทรทัศน์ และเดินโดยไม่ใช้รถเข็น ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าแม่มีอาการทรุดลงหนักมาก และแม่ย้ำมาตลอดว่าไม่อยากให้คนมองว่าตนเองป่วย เพราะแม่ไม่อยากเป็นภาระใครและอยากให้ทุกคนเรียกไปทำงาน การจากไปของแม่ ทำให้ตนเองได้เรียนรู้ ใจสู้ อดทน เข้มแข็ง เพราะชีวิตตนเองก็เจออุปสรรคหลายครั้งก็ได้กำลังใจจากแม่ เพราะแม่เป็นแบบอย่างให้เราตลอด แม่อยากให้เราดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ทำให้เรามีทุกวันนี้

"คุณแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจมาเป็นเวลา 10 ปีได้แล้วนะคะ แต่อาจจะไม่ค่อยมีใครทราบเพราะที่ผ่านมาคุณแม่ใช้ชีวิตปกติมาก ยังทำงานยังทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม แต่พอช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ มีการตรวจพบมะเร็งแทรกซ้อนเข้ามาอีก ดังนั้นจากที่หัวใจของคุณแม่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เดิม มันก็กลายเป็นว่ามีอาการอื่นๆ ตามมาด้วย

ตอนที่เจอเราเจอที่เยื่อหุ้มปอดกับกระดูกค่ะ และมันก็เป็นระยะที่ลุกลามไปแล้ว ซึ่งตอนที่คุณแม่เจอ คุณแม่ก็ยังทำงานตามปกตินะคะมและท่านก็ยังสั่งเพลงเอาไว้ด้วยว่าห้ามบอกใคร โดยเฉพาะเรื่องของโรคมะเร็ง เพราะท่านไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง ท่านไม่อยากใช้ชีวิตแบบคนป่วย ท่านอยากใช้แบบที่มีความสุขในทุกวัน ท่านคิดเสมอว่าท่านอยากจะสู้ ท่านอยากจะหาย ท่านก็เลยไม่ให้เพลงพูดเรื่องโรคมะเร็งกับใครเลย

แต่คุณแม่ก็ค่อนข้างโชคดีตรงที่การรักษาโรคมะเร็งของท่านเป็นการรักษาแบบใหม่ เป็นแบบที่ไม่ต้องทำคีโม เนื่องจากร่างกายของท่านสามารถรับยาได้ เป็นยาที่ฆ่าแต่เซลล์มะเร็งอย่างเดียว ถึงแม้ราคาจะสูงแต่เราก็ต่อสู้กันมาตลอด"

เผยทรุดเมื่อ 3-4 เดือนก่อน จากการต้องเปลี่ยนยา เบื่ออาหาร น้ำหนักลด 10 กิโล เข้าแผนกฉุกเฉินในระยะ 2 เดือน เห็นแม่เดินครั้งสุดท้ายคือไปอัดรายการให้ "แอน ทองประสม"
"เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมาค่ะ มันเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนยา เป็นช่วงที่ท่านเริ่มเบื่ออาหาร และก็ร่างกายซูบผอมลง น้ำหนักก็ลดลงไปเป็น 10 กิโลกรัมเลยค่ะ แต่ท่านมาทรุดหนักจริงๆ ก็คือรอบสุดท้ายที่เข้าโรงพยาบาล เนื่องมาจากท่านมีอาการของโรคหัวใจ เริ่มหายใจติดขัด เริ่มหายใจไม่ปกติ ตอนนั้นคุณพ่อก็เลยพาคุณแม่ไปส่งที่แผนกฉุกเฉิน จริงๆ คุณแม่เข้าแผนกฉุกเฉินก่อนหน้านี้ในระยะเวลา 1-2 เดือน มาประมาณ 2 ครั้งแล้วนะคะ แต่ทุกครั้งคุณแม่ก็ดื้อและก็ขอออกก่อนเสมอ เพราะท่านคิดว่าท่านไม่เป็นไร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายนี่แหละค่ะ เป็นครั้งที่เราไม่ได้คิดว่าท่านจะไม่ได้ออกมาอีก

อาการตอนนั้นหนักนะคะ จริงๆ ช่วงหลังๆ ที่อยู่ที่บ้านก็ค่อนข้างหนักมากแล้ว เพลงเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์คือพาไปหาหมอ และทุกครั้งเพลงก็เห็นว่าคุณแม่มีอาการเหงื่อเยอะ เวลาไปไหนมาไหนเพลงก็ต้องให้คุณแม่นั่งรถเข็น เพลงไม่ได้เห็นคุณแม่เดินหรือเที่ยวมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว เพราะเพลงให้แม่นั่งตลอด กระทั่งวันที่คุณแม่ไปถ่ายรายการเสือสิงห์กระทิงแซ่บ ของ พี่แอน ทองประสม นั่นแหละค่ะคือวันสุดท้ายที่เพลงได้เห็นคุณแม่เดินค่ะ"

แม่ใจสู้มากตลอดระยะการรักษา สู้มา 10 ปี
"ใช่ค่ะ คุณแม่ใจสู้มาก เพราะตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วที่คุณแม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ ถึงแม้ตอนนั้นคุณแม่จะใจเสียบ้างแต่ท่านก็สู้ ท่านอยู่มาได้ตั้ง 10 ปีจากโรคนี้ และถ้าหากไม่มีโรคแทรกซ้อน ท่านก็อาจจะยังไหวอยู่ก็ได้"

โชคดีนาทีสุดท้ายได้อยู่กับแม่ แม้จะหนักแต่ใจสู้
"เศร้าค่ะ ตอนที่ไปเฝ้าคุณแม่ที่ห้องไอซียู ก็ยังถือว่าโชคดีค่ะที่ได้อยู่กับคุณแม่ในช่วงเวลาสุดท้าย คุณพ่อก็ได้อยู่ด้วยกัน น้องก็ได้อยู่ด้วยกัน เราได้เห็นว่าถึงแม้คุณแม่อาการจะหนัก แต่ใจท่านก็ยังสู้ แม้ร่างกายท่านจะบอบช้ำและอ่อนแอมาก แต่ท่านก็พยายามฮึบขึ้นมาตลอด จนบางครั้งเราเองก็รู้สึกนะคะว่าท่านกำลังฝืนเพื่อเราหรือเปล่า

รับเคยสั่งเสียให้ตนใจเสียหลายครั้ง บอกหากไม่อยู่ให้ดูแลกันดีๆ
"จริงๆ ตอนที่คุณแม่ยังพูดคุยได้ปกติ คุณแม่เคยสั่งเสียกับเพลงและทำให้เพลงใจเสียหลายครั้งอยู่เหมือนกัน คือคุณแม่จะบอกตลอดว่าท่านเป็นห่วงลูกๆ และคุณพ่อ ท่านบอกว่าถ้าหากวันไหนท่านไม่อยู่แล้วก็ให้ดูแลกันให้ดี ท่านบอกเพลงไว้ว่าอย่าทิ้งน้อง เพลงรู้สึกว่าท่านอาจจะห่วงน้องชายมากหน่อย เนื่องจากน้องชายยังไม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝา แถมยังเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน ท่านจึงเป็นห่วงน้องมากกว่า รวมถึงห่วงคุณพ่อด้วย

เพลงก็พยายามบอกคุณแม่ตลอด บอกให้คุณแม่พูดเรื่องนี้กับทุกคน เพราะทุกคนพร้อมที่จะให้กำลังใจคุณแม่อยู่แล้ว แต่คุณแม่ก็ปฏิเสธว่าไม่ แม่ไม่อยากให้ทุกคนเจอแม่แล้วเห็นว่าแม่ป่วยหรือแม่โทรม แม่เชื่อว่าแม่จะต้องหายและก็ขอให้เราทำตัวเป็นปกติ"

เสียงสั่นได้ความเป็นนักสู้จากแม่ มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะแม่ แม่เป็นแบบอย่างของตน ทุกอย่างของแม่อยู่ในตัวตนหมดแล้ว
"เพลงคิดว่าสิ่งดีๆ ที่เพลงมีก็มาจากคุณแม่นี่ล่ะค่ะ คุณแม่เป็นแบบอย่างของเพลงในทุกๆ เรื่อง และที่เพลงผ่านทุกปัญหามาได้ก็ขอเพลงมีคุณแม่เป็นกำลังใจ (เสียงสั่น) คุณแม่เป็นคนที่เก่ง อดทนมากๆ ค่ะ ตอนสุดท้ายที่เพลงได้พูดกับคุณแม่ เพลงก็บอกกับท่านว่า คุณแม่ไม่ต้องห่วงเพลง ทุกอย่างแม่ให้เพลงมาหมดแล้ว ทุกอย่างอยู่ในตัวเพลงหมดแล้ว ขอให้แม่เชื่อว่าเพลงจะอยู่ต่อไปได้อย่างดีที่สุด"

3-4 วันที่ผ่านมาหลับไม่ได้สติ ได้ยินแต่ตอบสนองไม่ได้
"จริงๆ มันก็เป็นช่วง 3-4 วันหลังที่คุณแม่นอนหลับและไม่ค่อยได้สติ แต่คุณหมอทุกท่านก็ยืนยันว่าคุณแม่ได้ยิน เพียงแค่ท่านไม่ได้ตอบสนองกลับมาก็เท่านั้นเอง"

เผยพ่ออยากเก็บร่างแม่ไว้ 100 วันตามคำสั่งเสีย
"ตอนนี้กำลังรอเช็กกับทางพระค่ะ เนื่องจากคุณพ่อท่านมีความตั้งใจที่จะเก็บร่างของคุณแม่ไว้บำเพ็ญกุศลเป็นระยะเวลา 100 วันรวมถึงตัวคุณแม่เองก็เคยพูดไว้เหมือนกันว่า ถ้าหากท่านเป็นอะไรท่านก็อยากจะให้ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้มันยังติดเรื่องของกำหนดการอยู่นิดหน่อยว่ามันจะสามารถเป็นไปได้ไหม ดังนั้นทางครอบครัวเราจึงต้องขออนุญาตแจ้งอีกครั้งหนึ่งในโอกาสหน้า เราจะคอยแจ้งข่าวอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ที่แน่นอนก็คือจะมีการสวดทั้งหมด 7 วัน และถ้าหากไม่มีการเก็บร่างของคุณแม่ไว้ก็อาจจะเผาในวันที่ 7 เลย"




































กำลังโหลดความคิดเห็น