ครอบครัววอนมอง “เหม ภูมิภาฑิต” ใหม่! หลังได้ทำสิ่งที่ค้างคาใจก่อนตายสำเร็จ

“ครอบครัวเหม” เฮลั่น หลังศาลตัดสินให้ชนะคดีเจ้าของบ้านโพสต์หมิ่นประมาท เผยเป็นสิ่งสุดท้ายที่อดีตนักแสดงหนุ่มค้างคาใจก่อนตาย ลั่นอยากให้ทุกคนมองให้มุมใหม่ อย่าตัดสินจากข่าวที่เกิดขึ้น เผยเตรียมทำบุญครบรอบ 1 ปีที่มหาสารคาม

หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้อดีตนักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับ “เหม ภูมิภาฑิต” ชนะคดีฟ้องหมิ่นประมาทเจ้าของบ้านเช่าที่โพสต์กล่าวหาโกงค่าเช่าบ้านและทำลายข้าวของภายในบ้าน ย้อนกลับไปก่อนเหมจะคิดสั้นจบชีวิตตนเองลงในวันที่ 25 กันยายนปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้อดีตนักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับได้มีปัญหากับเจ้าของบ้านเช่า โดยอีกฝ่ายได้โพสต์ข้อความกล่าวหาว่ามีนักแสดงคนดังไม่ยอมจ่ายค่าเช่าบ้าน ขโมยทีวี และยังทำลายข้าวของภายในบ้านจนเสียหาย ซึ่งหลังจากนั้นนักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับก็ได้ออกมายอมรับว่าดาราที่ถูกเจ้าของบ้านเช่าโพสต์แฉก็คือตนเอง แต่ข้อความที่เจ้าของบ้านโพสต์เกินจริง ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงตัดสินใจฟ้องเจ้าของบ้านเช่าในข้อหาหมิ่นประมาท และถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ทางครอบครัวก็ยังเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลได้นัดฟังคำตัดสินคดีนี้แล้ว โดย “เมย์ ณัฐนพิน” น้องสาวของอดีตนักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับ ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ว่าศาลตัดสินให้พี่ชายตนเองชนะคดี ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เจ้าของบ้านเช่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มีความผิดทั้งหมด 3 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวมจำคุก 24 เดือน และปรับ 60,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี // ขณะที่ในส่วนของคดีแพ่ง เจ้าของบ้านเช่าต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหมมูลค่า 300,000 บาท และให้โฆษณาคำพิพากษาลงหนังสือพิมพ์ 3 วัน

“ล่าสุดที่เมย์ไปขึ้นศาลมาเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนคำตัดสินออกมาวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งทนายไปฟังแทน ข้อมูลก็ตามที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่จะเป็นเพียงคร่าวๆ แต่ถ้าเป็นคำพิพากษาฉบับเต็มมันต้องใช้เวลากว่ามันจะออกมา ประมาณ 10 กว่าวันตามที่ทนายบอกไว้ ซึ่งก็จำคุก 24 เดือน แบ่งเป็น 3 กระทง กระทงละ 8 เดือน ปรับ 3 แสนแต่ว่ารอลงอาญา 2 ปี ส่วนเรื่องเงินที่เขาจะจ่ายให้ทางเรานั้น ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับทนายฝั่งนั้นเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่ามันจบที่ศาลชั้นต้นหรือเปล่า เพราะเขาก็มีสิทธิ์อุทธรณ์ ซึ่งทนายก็ยังไม่ได้แจ้งว่าทางนั้นจะดำเนินการอะไรต่อไป เพราะมันมีระยะเวลาให้ตัดสินใจประมาณ 1 เดือนว่าเขาจะยื่นอุทธรณ์ไหม

ตอนนี้เราก็สบายใจขึ้น เราได้ทำอะไรที่มันค้างคาให้เขาหลังจากที่เขาได้จากเราไปแล้ว แต่เราก็ไม่ได้บอกเขาโดยตรง แต่มีนึกถึงว่าอยากให้เขารับรู้อะไรประมาณนี้ เพราะก่อนเขาจะจากพวกเราไป ข่าวนี้ทำให้เขากังวล เป็นเรื่องที่ทำให้เขาเสียใจพอสมควร เขาเครียดมากกับข่าวนี้ ปกติเขาจะเป็นคนพูดๆ บ่นๆ ตามสไตล์ของเขา แต่พอมีข่าวนี้ออกมา เขากลายเป็นคนเก็บเงียบ ไม่ค่อยพูด บวกกับช่วงหลังที่มีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นอีกด้วย เลยทำให้เขาเกิดอาการเครียดขึ้นมา

ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจ ก็เหมือนก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีโอกาสพูดอะไรมากมายว่าเรื่องมันเป็นยังไง เพราะสิ่งที่เขาโพสต์มันก็มีบางอย่างที่ไม่จริงและก็จริงบ้าง แต่ตอนแรกก็คิดว่ามันน่าจะตกลงกันได้ดีกว่านี้ แต่ว่าเขาก็เลือกทางที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี จนทำให้เราต้องตัดสินใจฟ้อง แต่พอมันจบแล้ว ทั้งพ่อแม่และครอบครัวก็รู้สึกดีขึ้น และปกติพ่อแม่ก็ทำบุญให้เขาอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้จัดใหญ่ แต่ก็ทำให้เรื่อยๆ น่าจะทำครบรอบ 1 ปี เพราะคิดๆ กันเอาไว้ น่าจะเป็นวัดใกล้ๆ บ้านที่มหาสารคาม (ฝากถึงอะไรกับคนที่เขาอาจจะยังเข้าใจผิดในตัวของพี่ชายเราอยู่?) ก็ฝากถึงคนที่อาจจะได้รับรู้ข่าวแค่ฝ่ายนั้นฝ่ายเดียว ว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด อยากให้มองเขาใหม่อีกมุม เพราะเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น”