“สีดา พัวพิมล” ตกงานครึ่งปี ไม่มีข้าวกิน ต้องอาศัยข้าวแจกโควิดกิน ถ้าวันไหนมีเงินก็จะซื้อข้าววันละกล่อง แบ่งกินวันละ 2 มื้อ พยายามหางานแต่ก็ไม่ได้ เครียดไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน วอนผู้ใจบุญจ้างงาน งานอะไรก็ทำหมด ขอแค่ให้มีงานมีเงินเลี้ยงชีพ
วิกฤตโควิด-19 ทำเอากระทบไปทั่วประเทศ "สีดา พัวพิมล" อดีตนักแสดงและผู้จัดละคร แม่ของ "อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล" ก็เจอพิษโควิดทำให้ตกงานมาครึ่งปีแล้ว ไปหางานที่ไหนก็ไม่ได้ ต้องอาศัยไปช่วย "ต่าย สายธาร นิยมการณ์" แจกข้าวให้ผู้เดือดร้อนโควิด เพราะจะได้มีข้าวกินทุกวัน อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะคนเมตตาให้ทีละ 500 ทีละ 1000 แต่อยากมีงานทำจะได้มีเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้านและเลี้ยงชีพ ประกาศหางาน วอนผู้ใจบุญรับเป็นลูกจ้างจะให้ทำงานอะไรก็ได้
“ชีวิตช่วงนี้ค่อนข้างลำบากค่ะเพราะตกงานตั้งแต่โควิด ก็หางานอยู่นะคะแต่ยังไม่มีคนรับ ก่อนหน้านี้ก็ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแถวเมืองไทยก็ดีค่ะ แต่เราลาออกเพราะมีที่ใหม่เรียกไปเขาให้เงินเดือนมากกว่าเลยลาออก แต่ปรากฏว่าพอไปทำที่ใหม่กลับไม่ได้เงินเดือน เราก็เลยไปช่วยเพื่อนทำร้านอาหารแต่เปิดได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าของที่เอาที่คืนร้านก็เลยต้องปิดตัวลง ก็ไม่รู้เป็นเพราะเวรกรรมอะไร พอมาเจอโควิดก็ยิ่งแย่เลย มีคนบอกจะชวนไปทำงานแต่เขาก็ยังไม่รับสาย ไม่รู้ว่าร้านเขาเปิดหรือยัง”
“ก็กินอยู่ไปตามที่มี ก็มีเพื่อนมีคนที่รู้จักเอาอาหารเอาอะไรมาให้กินบ้าง ตกงานหลายเดือนแล้วค่ะ ก็หางานไปสมัครงานแต่ก็ยังไม่มีคนรับ ถามว่าอยู่ยังไง ก็อยู่แบบมีรอยยิ้มเห็นใครเจอใครก็ทักทายก็จะยิ้ม ยิ้มแต่ว่ามันทุกข์ข้างใน แต่ว่าเราก็ไม่สามารถจะไปบอกอะไรเขาได้ก็ต้องอยู่อย่างที่เห็นอย่างที่เป็นนี่แหละค่ะ ก็ต้องอยู่ให้ได้”
“เดือนๆ นึงก็ต้องวิ่งเอาของเราไปขาย ก็ขายพวกของใช้ ขายจนไม่มีอะไรจะเหลือ ก็ขายพวกกระเป๋า เข็มขัด ของเก่าของเรา ก็ให้เพื่อนช่วยซื้อ เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน”
“พูดไปมันก็ดราม่า แต่มันคือเรื่องจริง มันไม่มีกิน เงินเราเองมันไม่มีจะใช้ ต้องใช้คำว่า มันไม่มีจะใช้เลย แต่ถ้าบางวันได้เงินมาจากไหนที่เขาเมตตาเรา ให้เรามา 500 หรือ 1000 บาท คือทุกวันนี้จะไปช่วยเพื่อนดูแลบ้านเขาก็จะให้เรามา แล้วก็ช่วยเขาทำอาหารส่งเดลิเวอรี่ ก็จะได้เงินมาอาทิตย์ละ 1000 บาท เราก็ทำไปก่อนเพื่อมารวบรวมเป็นค่าเช่าบ้านและซื้อของใช้ที่จำเป็น”
“ถ้ามีเงินตอนเช้าก็จะซื้อกับข้าวมากล่องนึง ข้าวกล่องเราก็จะแบ่งเป็น 2 มื้อ ช่วงเช้าเราจะไม่ทานจะพยายามไม่หิวไม่อะไรเลย ต่อให้หิวก็จะกินกาแฟช่างมัน แล้วก็ไปทานเอาตอนเที่ยงหรือไม่ก็บ่ายนิดนึง เพื่อยืดเวลาการหิวลง และก็ไปกินส่วนที่เหลือตอนกลางคืนเพื่อให้ทุกอย่างมันอยู่ท้อง แต่เพื่อนๆ ก็ดีนะคะ เขาก็จะซื้อกาแฟซื้อซุปซื้อมาม่ามาไว้ให้”
อาศัยไปช่วย “ต่าย สายธาร” แจกของช่วงโควิด เพราะจะได้กินข้าวฟรี และยังได้บุญด้วย
“ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสออกไปช่วยแจกของกับต่าย สายธาร คือเราว่างไม่มีงานทำ พอว่างก็อยากจะไปช่วยเหลือสังคมบ้าง อะไรที่เราทำได้เราก็ทำ ว่างแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ถึงจะไม่ได้เงินไม่ได้ทองก็ยังสบายใจว่าได้ทำบุญ แล้วก็อาศัยว่าได้มีข้าวทานทุกวัน แล้วเราก็ได้บุญด้วย ทำตรงนี้ไปก่อนเก็บบุญเอาไว้เก็บเล็กผสมน้อย”
วอนของานทำ จะเป็นงาน แม่บ้าน , เด็กเสิร์ฟ ก็ทำได้หมด ขอให้มีงานทำจุนเจือชีวิต
“อยากทำงานจริงๆ ทำงานอะไรก็ได้ขอให้ทำงาน เราไม่อยากอยู่เฉยๆ นิ่งๆ เพราะมันไม่มีค่าอะไรเลย ชีวิตเราตั้งแต่เด็กจนโตทำแต่งานมาโดยตลอด จะเป็นงานเสิร์ฟอาหาร งานแม่บ้าน เราทำได้หมด เราไม่ได้เกี่ยงงานแต่งานหายากมาก งานละครถ้ามีใครติดต่อมาก็รับหมดค่ะ เอาหมดค่ะทุกอย่างคืองานคือเงินเพื่อจุนเจือชีวิตเรา เราอยากจะเก็บเล็กผสมน้อยเพื่อที่จะตั้งตัว ก็วาดหวังไว้ว่า อยากจะทำร้านอาหารเล็กๆ ขายข้าวแกงอาหารตามสั่ง เราจะได้เก็บเงินเคลียร์หนี้กับคนที่เราเป็นหนี้เขา แต่ตอนนี้เรายังไม่มีงานไม่มีเงิน”
“เราก็เครียดนะแต่ก็พยายามยิ้มเจอใครก็พูดหยอกล้อเค้า แต่จริงๆ มันเครียดจะสิ้นเดือนแล้วจะทำยังไงดี จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าบ้าน จะไปวิ่งหาเงินที่ไหน จะทำยังไงดีไม่มีอะไรจะขายแล้ว บางทีมันตันนะ นี่ก็สิ้นเดือนแล้ว(สัมภาษณ์วันที 31 ก.ค.) ก็ยังไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็ต้องไปวิ่งหางานว่ามีงานอะไรให้ทำไหม วิ่งไปหาตามซอยแถวบ้านด้วยว่ามีงานอะไรให้ทำไหม”
“บางวันก็ไม่มีเงินเลย วันนี้ก็ไม่มี ก็อยากได้งานทำ ปีนี้อายุ 60 กว่าแล้วแต่ก็ไหวค่ะ ใจเราสู้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าร่างกายเราเป็นยังไงแต่เราก็สู้ ทำงานแม่บ้านอะไรก็ได้ค่ะทำหมด ก็อยากจะบอกว่า ถ้ามีงานอะไร ก็ขอความเมตตา งานอะไรก็ได้ ทำได้ทั้งนั้นค่ะ”
“เวลาเหนื่อยท้อจะนึกถึงแม่ ลูก คิดถึงคุณงามความดีคนที่มีน้ำใจกับเรา ที่สำคัญเลยเราต้องให้กำลังใจตัวเอง อย่าไปหวังกำลังใจจากใคร เราต้องให้กำลังใจตัวเอง แล้วเราก็จะฮึดสู้ขึ้นมา”