“ปอย” เลือกเรียนต่อด้านการตัดต่อพันธุกรรม ลั่นไม่หวังต่อยอดธุรกิจแต่เรียนเพราะชอบ ฟุ้งนำความรู้ที่เรียนมาเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ส่วนเรื่องงานที่ฮ่องกงพักยาว รับขี้กลัวเลยไม่กล้ารับงานอยู่แต่บ้าน แต่ตอนนี้วิเคราะห์แล้วสถานการณ์โรคระบาดในไทยควบคุมได้ดีเลยพร้อมจะออกมาใช้ชีวิตปกติแล้ว
กลับมาอยู่ประเทศไทยได้พักใหญ่แล้ว และไม่ได้รับงานอะไรเลย ล่าสุดสาวขี้กลัวอย่าง “ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์” ตัดสินใจรับงานเปิดนิทรรศการผ้าครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินผู้สร้างสรรค์งานผ้าไทยมรดกภูมิปัญญา ในงาน Iconcraft : thai textile heroes ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม เป็นงานแรก เพราะวิเคราะห์แล้วว่าสถานการณ์โรคระบาดปลอดภัยในระดับนึง ส่วนงานที่ฮ่องกงนั้นพักไปแบบไม่มีกำหนด
“ปอยไม่ได้กลับที่ฮ่องกงตั้งแต่เดือนก.พ. ปอยไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศเลย ตอนช่วงแรกๆ ที่มันเกิดสถานการณ์นี้ขึ้นเราก็เข้าใจว่าสถานการณ์ระยะสั้น อาจจะ1-2 เดือน ตอนนั้นกำหนดถ่ายใหม่คือ เม.ย. แต่ในวันนี้เดือน ส.ค.ก็เป็นการเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะนักแสดงหลายๆ คนในเรื่องมาจากหลายประเทศ มีนักแสดงจากประเทศอเมริกาด้วย เลยทำให้การเดินทางไม่สะดวก”
บอกตอนนี้งานที่ฮ่องกงมีถ่ายภาพยนตร์ค้างอยู่ซึ่งก็ยังไม่มีกำหนดกลับไปถ่ายทำ
“ตอนนี้สัญญาอะไรที่ยังค้าง ทุกคนก็เดินทางกันไม่ได้หมดเลยไม่ใช่ปอยคนเดียว ทุกคนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ก็มีงานภาพยนตร์นี่แหละที่ยังถ่ายค้างอยู่ คือเมื่อก่อนเขาทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ แต่ตอนนี้ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องง่ายๆ ยังไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้กลับไปทำงาน แอบสงสารเขาเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่โปรดักชั่นของปอยอย่างเดียว มันน่าจะมีโปรดักชั่นอีกเยอะมากๆ ที่น่าจะมีปัญหา เหตุผลเดียวกันหลายๆ งานมันจะต้องมีการรวมตัวกันของนักแสดงต่างชาติ เท่าที่ปอยทราบ แม้แต่ทางฝั่งฮอลลีวูดเองก็เกิดปัญหาเดียวกัน คือหยุดการทำงานหมด”
เสียหายเยอะ แต่เป็นความเสียหายที่ทุกคนต้องร่วมมือรับผิดชอบร่วมกัน
“เสียหายเยอะอยู่แล้ว แต่เป็นความเสียหายที่ทุกคนจะต้องร่วมมือรับผิดชอบด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนทั้งที่นี่และต่างประเทศต่างอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันไม่ได้มีว่าใครจะได้ทำงาน ทุกคนหยุดเท่ากัน งานที่เราเห็นกันนอกจากจะเป็นงานที่ทำในเล็กๆ เท่านั้น หรืองานเก่าที่รีรันเท่านั้น”
ตอนนี้หันมารับงานเมืองไทยไปก่อน บอกที่ผ่านมาไม่กล้ารับงานเลยเพราะห่วงความปลอดภัยทางสุขภาพ
“งานนี้เป็นงานแรกของปอยเลยนะ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ ปอยพยายามหลีกเลี่ยงการรับงานตลอดเวลา ถึงแม้ว่าบางครั้งเจ้าของงานมองว่าเหมาะสมแต่เราวิเคราะห์แล้วว่ามันยังไม่เหมาะสม ก็ตัดสินใจขอโทษเขา ขออนุญาติไม่ไป แต่งานนี้เรามองว่าสถานการณ์ในประเทศมันเริ่มดีขึ้นแล้ว อีกอย่างในห้างไอคอนสยามก็มีมาตราการที่เข้มงวดมาก ปอยลืมเอาหน้ากากมา ด้วยความไม่เคยชิน ไม่ได้ออกมาห้างนานแล้ว ก็ลืม ก็ไม่ได้เข้า ต้องวิ่งไปเอาหน้ากากที่รถ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษกับใคร ปอยเลยรู้สึกค่อนข้างมั่นใจในความปลอดภัย ภายในงานก็มีการใส่เฟซชิลด์ ปอยเองเป็นคนที่ขี้กลัวคนนึงเลยแหละ ก็เลยรู้สึกสบายใจ รู้สึกดีเลย ต่อจากนี้ก็จะใช้ชีวิตให้เป็นปกติมากขึ้น”
ไม่เสียดายเงินแต่ห่วงสุขภาพมากกว่า
“ที่ผ่านมาแคนเซิลงานไปเยอะ ปอยไม่เสียดายเงิน แต่เป็นห่วงสุขภาพมากกว่าเยอะ ในระหว่างที่เราไม่ได้ทำงานเราก็มีธุรกิจของเรา มันก็ได้ถือโอกาสอัปสเกลบริษัทตัวเองที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วย ด็ถือเป็นการใช้เวลาว่างทดแทนกับที่เราไม่ได้ทำงานในวงการ”
เผยสมัครเรียนต่อ คราวก่อนเรียนด้านการตัดต่อพันธุกรรม
“ปอยเพิ่งสมัครเข้าเรียน พันธุกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ไม่ได้เป็นปริญญานะคะ แต่เป็นการเก็บหน่วยกิจเพื่อสะสมไว้เรียนปริญญาโท ของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เลือกเรียนสาขานี้ เพราะว่าได้ปรึกษากับอาจารย์ที่ปอยเคยเรียนคราวก่อนว่าจะทำยังไงดี เราอยากเรียนจริงจังขึ้น อาจารย์ก็เลยแนะนำให้เรียน Molecular Genetics”
ลั่นที่เรียนไม่ได้หวังต่อยอดธุรกิจแต่เรียนเพราะสนใจเรื่องนี้ ฟุ้งอยากเรียนเพื่อเป็นส่วนนึงในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
“มันเป็นทางอ้อมมากกว่า มันเกิดจากการที่ปอยชอบวิชานี้ การตัดต่อพันธุกรรมเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ มันเป็นการดีไซน์ดีเอ็นเอ หรือว่าโครงสร้างพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตซึ่งแต่ละอย่างเราสามารถนำไปดัดแปลงเพื่อให้มันเกิดประโยชน์กับโลกใบนี้ได้โดยอยู่ในแก่นของจริยธรรม ไม่สามารถทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของสปีชี่ส์หรือเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จริงๆแล้วการดัดแปลงพันธุกรรมถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากนะคะ ถ้าเราเอาไปใช้อย่างถูกวิธี มีผู้เชี่ยวชาญดูแล ก็เพิ่งเปิดเทอมเลย
ตอนแรกปอยไม่ได้คิดว่าจะเรียนไปเพื่อทำอะไรต่อ ต้องพูดว่าเรียนเพราะชอบมากกว่า ปอยอยากจะให้มันเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างหรือนวัตกรรมบางอย่าง ปอยอยากเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ที่ปอยพูดมันอาจจะดูเพ้อฝัน เป็นการเพ้อฝันเชิงวิทยาศาสตร์ได้เลย แต่ปอยก็รู้สึกว่ามันดีกว่าไม่ฝัน เพราะถ้าไม่ฝันก็ไม่ได้เริ่ม สิ่งที่ปอยเรียนมันเปลี่ยนแปลงอะไรได้เยอะเลย แต่ไม่ใช่ปอยคนเดียว ปอยอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”