“เต๋า สมชาย” ห่วง “นิ้ง กุลสตรี” ป่วยไขกระดูกบกพร่อง บอกตัวเองให้เลือดนิ้งไม่ได้ เลือดคนละกรุ๊ปกัน แถมยังเป็นไวรัสตับอักเสบบี บอกเข้าวัด สวดมนต์ขอให้นิ้งหายป่วย เผยดูแลสุขภาพที่หนึ่ง ลูกยังเล็ก อยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกไปนานๆ ลั่นไม่อยากนั่งรถเข็น
อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แถมโด่งดังในยุคเดียวกัน สำหรับ “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” ล่าสุดเจ้าตัวเผยว่ารู้เรื่อง “นิ้ง กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา” ป่วยมาสักพักแล้ว หลังเคยขึ้นเครื่องบินแล้วถามหานิ้ง แต่แอร์โอสเตสบอกว่านิ้งลาออกไปแล้วเพราะป่วย รับที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่ออะไรกัน
“พอทราบครับ จริงๆ ผมทราบเรื่องว่านิ้งป่วยมาสักพักแล้ว เพราะตอนที่ขึ้นเครื่องก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังถามหานิ้งกับน้องๆ ที่แอร์เอเชียอยู่เลย ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม น้องคนนั้นบอกว่านิ้งลาออกไปนานแล้ว เพราะป่วย ก็รู้ตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนโควิด-19 ตอนหลังก็มาทราบข่าว เมื่อได้เห็นภาพที่สื่อนำเสนอออกมา”
“ผมไม่ได้มีคอนแท็กในการติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร. ไลน์ หรือโซเชียลอะไรต่างๆ เวลาที่มีใครไปเจอเขาก็จะฝากบอกว่าให้หายไวๆ จริงๆ ตอนทำงานร่วมกันอยู่ที่อาร์เอสเราสนิทกันหมด ไม่ว่าจะเป็นผม นิ้ง พี่ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง ต้องบอกว่ายุค 90 เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว เราอยู่กันเหมือนครอบครัว แบบพี่น้อง มีอะไรถามสารทุกข์สุกดิบ ช่วยเหลือกันตลอด คนโน้นมีงานนี้ คนนั้นมีงานนี้ ตอนหลังด้วยระยะเวลาของชีวิต การเติบโตของแต่ละคน ก็จะแยกกันทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อปีที่แล้วยังเจอกันเขายังเป็นแอร์ฯ และถ่ายรูปเล่นกันอยู่เลย ยังคุยกับเขาว่าเธอดูดีมากเลย”
บอกเป็นไวรัสตับอักเสบบี แถมคนละกรุ๊ปเลือดกับนิ้ง บริจาคเลือดให้นิ้งไม่ได้
“เมื่อเช้าผมได้เห็นข่าวว่าว่าพี่ทัชไปบริจาคเลือดให้กับนิ้ง เพราะเขากรุ๊ปเลือดเดียวกัน แต่ผมเป็นไวรัสบีที่ตับชนิดที่อยู่กับตัวเอง ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ เพราะคนที่ได้เลือดจากเราจะติดไวรัสไปด้วย แล้วเลือดผมก็กรุ๊ปบี ซึ่งเป็นคนละกรุ๊ปกับของนิ้ง จริง ๆ ตอนนี้ให้กำลังใจผ่านสื่อ อยากให้เขาดีวันดีคืน เขาเป็นเพื่อนเรา เราทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เจอกันสนิทกัน ทำงานด้วยกันตลอด เวลามีงานของค่ายก็จะมาเจอกัน”
เข้าวัดสวดมนต์ขอพรให้หายป่วย
“มันเป็นเรื่องชีวิตของแต่ละคน ที่จะต้องต่อสู้ วันนี้สิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามผมว่ากำลังใจมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าเรามีกำลังใจให้เขา เขามีกำลังใจ หรือมีพลังเพิ่มขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้น อย่างวันนี้เราไปทำบุญที่วัดก็สวดมนต์ ขอพรอยากจะให้เพื่อนเราหายไวๆ ดีขึ้นแล้วก็ดีขึ้นอีก ขอให้ทุกคนที่เรารักมีความสุข แคล้วคลาดปลอดภัยสุดท้ายอยากให้พระคุ้มครองเขาเยอะๆ”
เผยระวังตัวช่วงโควิด ของใช้ในกองถ่ายแยกของใครของมัน
“ผมดูแลตัวเองอยู่แล้ว เพราะผมมีลูกเล็ก สิ่งสำคัญคือเราต้องดูแลตัวเอง ผมออกไปถ่ายละครมาเดือนกว่าแล้ว ที่กองก็จะอยู่กันแบบ นิว นอร์มอล มีหน้ากาก มีเฟซชิลด์ มีแอลกอฮอล์ เวลาทานข้าวจะมีถาดหลุมเหมือนนักเรียน จะแยกเป็นของใครของเรา ภรรยาผมซื้อส่วนตัวให้ ของกองถ่ายเขาก็จะมีให้นักแสดง”
ยันไวรัสตับอักเสบบี ไม่ติดใคร เหตุเกิดตอนเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ปี 2544
“ถามว่าผมต้องหาหมอไหม ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ เรื่องของไวรัสตับอักเสบบี ผมเป็นตั้งแต่ปี 2544 แล้ว ซึ่งประสบอุบัติเหตุแล้วต้องผ่าตัดที่แขน ตอนนั้นเสียเลือดเยอะแล้วผมต้องให้เลือด และรู้สึกผิดปกติกับร่างกาย เลยไปตรวจ ปรากฏว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี ถามคุณหมอว่าผมไม่เป็นเลย อยู่ดีๆ วันนี้ผ่าตัดแล้วผมให้เลือด สามารถเพาะเชื้อในถุงเลือดได้ ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดขึ้นได้ วันนี้ครอบครัวผมตรวจหมด ก็ไม่ได้ติดกับใคร แค่บริจาคเลือดไม่ได้ แต่ก็ทำอย่างอื่นได้ อย่างโควิด-19 ผมก็ไปฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อตามที่ต่างๆ ไปแจกถุงยังชีพ แจกอาหารตามชุมชนต่างๆ”
ตรวจสุขภาพทุกปี เชื้อเท่าเดิม ต้องดูแลสุขภาพ อยากอยู่กับลูกนานๆ
“ต้องตรวจทุกปี แต่ทุกอย่างก็เท่าเดิมครับ คุณหมอพูดน่ารักมาก ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่ปริมาณเชื้อเท่าเดิมกับปี 2544 สิ่งสำคัญผมออกกำลังกายอาทิตย์นึง 2-3 ครั้ง เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว อย่างที่บอกลูกเราเล็ก ก็อยากมีสุขภาพดีอยู่กับลูกไปนาน ๆ วันนี้ลูก 9 ขวบ อีก 6 ปี เขาอายุ 15 ผมก็อยากลงไปเตะฟุตบอลกับลูกได้ ไม่ใช่วันนึงเขาอายุ 15 หรือ 20 แล้วต้องมาเข็นรถเข็นให้เรา ก็แล้วแต่วิธีของแต่ละบุคคล เราเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ เราทำงานเยอะ ถ่ายหนังถ่ายละคร ผมว่าสุขภาพต้องมาที่หนึ่งครับ”