เป็น 2 นักแสดงชายที่ประสบความสำเร็จทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็น “ฮยอนบิน” ที่ทำเอาสาวๆกรี๊ดทั่วบ้านทั่วเมืองกับลีลาสหายผู้กองในซีรีส์ Crash Landing On You กับเรตติ้งถล่มทลาย รวมถึง “คิมซูฮยอน” นักแสดงหนุ่มที่เพิ่งออกจากกรมทหาร หลังทิ้งผลงานดังพลุแตกในซีรีส์เรื่อง My Love From The Star ก่อนไปรับใช้ชาติ และผลงานคัมแบ็กล่าสุดที่ปังไม่แพ้กันกับ It’s Ok to Not Be Ok มาดูกันว่า 2 หนุ่มใครค่าตัวสูงกว่ากัน
เริ่มที่ ฮยอนบิน ผลงานที่เคยทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกจนขึ้นแท่นเป็นซุปตาร์อันดับ 1 ต้องยกให้เรื่อง Secret Garden เมื่อปี 2010 เขาได้รับค่าตัวต่อตอนอยู่ที่ 32.5 ล้านวอนหรือประมาณ 845,000 บาท ต่อตอน ซีรีส์ 20 ตอนเขากวาดเงินไป 16.9 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าเขาได้เงินเพิ่มเติมจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากซีรีส์อีกเป็นจำนวน 5.6 ล้านบาท และยังได้เงินจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาถึงปี 2012 อีกประมาณ 91.2 ล้านบาท
หลังจากนั้นเจ้าตัวไปรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปีในหน่วยนาวิกโยธินของเกาหลี ก่อนกลับมาพร้อมผลงานเรื่อง Hyde Jekyll and I ในปี 2015 ได้รับค่าตัวต่อตอนอยู่ที่ 100 ล้านวอนหรือประมาณ 2.6 ล้านบาทต่อตอน ซึ่งซีรีส์ 20 ตอน ทำรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 52.6 ล้านบาท
จากนั้นตามมาด้วยผลงานซีรีส์เรื่อง Memories of Alhambra ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 108.25 ล้านวอน หรือประมาณ 2.8 ล้านบาทต่อตอน ได้รับค่าตัวทั้งหมด 45 ล้านบาทต่อซีรีส์ 16 ตอน ส่วนค่าตัวโฆษณาในเวลานั้น รายงานระบุว่าเขาได้เงินถึง 1,082 ล้านวอน หรือประมาณ 28.2 ล้านบาท ต่อโฆษณา 1 ชิ้น
ส่วนค่าตัวจากซีรีส์ Crash Landing on You ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะได้เพิ่มขึ้นจากซีรีส์เรื่องเก่า ประมาณมากกว่า 120.3 ล้านวอนหรือประมาณ 3.1 ล้านบาทต่อตอน กวาดไป 50 ล้านจากซีรีส์ที่มีทั้งหมด 16 ตอน นอกจากนั้นยังคาดการณ์ว่าค่าตัวโฆษณาของเขายังแตะหลักล้านเหรียญสหรัฐฯต่อ 1 ชิ้นและยังได้เงินเพิ่มจากความสำเร็จของซีรีส์รวมถึงรายได้ที่เพิ่มเติมจากการลงฉายซีรีส์ใน Netflix อีกด้วย
ค่าตัว "คิมซูฮยอน"
ทางด้านพระเอกมาแรงอย่าง คิมซูฮยอน ที่เข้าวงการมาเมื่อปี 2007 โดยมีผลงานเรื่องแรกคือซิทคอม Kimchi Cheese Smile แต่เริ่มมามีชื่อเสียงหลังจากนั้นถึง 4 ปี จากการรับบทนำในซีรีส์ Dream High ที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่พูดถึง ก่อนจะมาดังพลุแตกสุดๆจากซีรีส์ 20 ตอนเรื่อง Moon Embracing the Sun ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทำเรตติ้งสูงถึง 42.2%
ซึ่งในปี 2012 มีรายงานว่า คิมซูฮยอน ได้รับเงินถึง 600 ล้านวอนหรือประมาณ 15.6 ล้านบาท ซึ่งทำให้เขาสามารถซื้อบ้านให้ครอบครัวอยู่อาศัยได้เป็นครั้งแรก และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่เขาไม่ต้องอยู่ในบ้านที่พ่อแม่ต้องเช่าซื้ออีกต่อไป จากความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้ เขายังได้ค่าตัวโฆษณาต่อ 1 ชิ้นอยู่ที่ 600 – 700 ล้านวอน ก่อนจะพุ่งไปถึง 800 ล้านวอน หรือประมาณ 20.8 ล้านบาท จากความสำเร็จของภาพยนตร์ The Thieves และ Secretly, Greatly
จากนั้นในปี 2013 ความสำเร็จของเขาทะยานขึ้นสูงสุดกับซีรีส์เรื่อง My Love From the Star ที่ประกบคู่กับยัยตัวร้าย จอนจีฮยอน ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้ คิมซูฮยอน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ และจบค่าตัวที่ได้จากเรื่องนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านวอน ในปีนั้นเขาสามารถซื้อบ้านหรูในย่าน ชองซูดอง มูลค่า 4.02 พันล้านวอนหรือประมาณ 104.5 ล้านบาทได้ด้วย
ในปี 2014 ต้นสังกัด KeyEast Ent. ของเขาได้เปิดเผยว่า คิมซูฮยอน แสดงโฆษณามากถึง 30 ชิ้นในปีเดียว โดยออกอากาศในจีนและประเทศอื่นๆประมาณ 10 ชิ้น ในปีนั้นคาดว่า คิมซูฮยอน มีรายได้รวมทั้งหมดอย่างน้อยอยู่ที่ 3 หมื่นล้านวอน หรือ 780.5 ล้านบาท ในวัยเพียง 26 ปี
นอกจากนั้นยังมีรายได้จากการเดินสายทัวร์โชว์ตัวในเอเชีย 9 เมือง 7 ประเทศในปี 2014 ซึ่งได้รับเงินไปอีก 6.5 พันล้านวอน หรือประมาณ 169 ล้านบาท
นอกจากนั้นค่าตัวเขาทะยานไปอยู่ที่ 500 ล้านวอน ประมาณ 13 ล้านบาท จากการปรากฏตัวในรายการวาไรตี้โชว์ Biggest Brain ของจีน เมื่อปี 2014 โดยคาดว่าในปี 2015 จากความสำเร็จของซีรีส์เรื่อง The Producers เขากวาดรายได้ที่จีนอย่างเดียวก็ปาไป 2 พันล้านวอน หรือ 52 ล้านบาทแล้ว
ซึ่งในปี 2018 สื่อเกาหลีได้คาดการณ์ว่าค่าตัวของเขาน่าจะอยู่ที่ 100 ล้านวอนต่อตอน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาทต่อตอนแต่ในผลงานเต็มตัวล่าสุดหลังปลดประจำการจากเรื่อง It’s Okay to Not Be Okay กลับมีรายงานว่าค่าตัวเขาทะยานขึ้นเป็น 2 เท่าอยู่ที่ 200 ล้านวอนต่อตอน หรือประมาณ 5.2 ล้านบาท ซึ่งซีรีส์มีทั้งหมด 16 ตอน ฟาดค่าตัวเหนาะๆอยู่ที่ 83.2 ล้านบาทกันเลยทีเดียว