"ปู กนกวรรณ" เผยปิดโรงงานลูกชิ้นเพราะปัญหาลูกจ้าง ถูกโกงจนไม่อยากไว้ใจใคร ได้เงินมา 10 ล้านเก็บไว้กินตอนแก่ ไม่ได้ขายสูตร เพราะจะเก็บไว้ให้ลูกเผื่อไว้ทำธุรกิจได้ในอนาคต ยืนยันไม่ได้ตกอับอย่างที่ใครคิด บอกเมื่อก่อนมีตอกกลับว่าถ้าตกอับคงไม่มีเงินส่งลูกเรียนอินเตอร์หรอก แต่คนก็ด่าอีกอวดรวย ตอนนี้ชีวิตสุขสบายดี ส่งลูกเรียนได้ถึงระดับด็อกเตอร์ ฟุ้งธุรกิจขายครีมตอนนี้ก็มีสมาชิกเป็นหมื่นคน เพิ่งจับแจกกระเป๋าหลุยส์ไปหมาดๆ
เคยโดนคนจับตามองว่าที่ต้องขายโรงงานลูกชิ้นปู-เด๋อเพราะไม่มีงาน ตกอับ ล่าสุด "ปู กนกวรรณ บุรานนท์" ภรรยาตลกรุ่นเดอะ "เด๋อ ดอกสะเดา" ก็ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ที่ตัดสินใจขายโรงงานก็เพราะเบื่อกับปัญหาจุกจิกที่ต้องเจอกับเหล่าลูกจ้าง ทั้งโดนโกง ทั้งต้องตามง้อ และไม่อยากไว้ใจใครให้ทำแทน ก็เลยตัดสินใจที่จะขายเอาเงินไว้ใช้ดีกว่า
"ตอนขายลูกชิ้นปกติก็จะออกบูธตามงานต่างๆ หรือตลาดนัด ทีนี้พออายุมากขึ้นจะไปยืนมันก็ไม่ไหวแล้ว ปวดขา อีกอย่างไม่มีตัวตายตัวแทนที่จะไว้ใจในการทำลูกชิ้นได้ เราก็ต้องดูลูก จะให้เราไปคุมมันก็ไม่ได้ เรื่องคนงานก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งนะคะ ทำให้รู้สึกว่าเบื่อในการที่จะต้องทำอะไรแล้วต้องขึ้นอยู่กับคนงาน ต้องอยู่ใต้เขาตลอดก็ไม่ไหว ก็เลยคุยกับพี่เด๋อว่าส่วนตัวปูพอแล้วนะ ปูไม่ได้อยากมีอะไรมากไปกว่านี้แล้วนะ 10 ปีที่ทำลูกชิ้นมา เราขายโรงงานกันเถอะคุณ อย่างน้อยเราก็ได้เงินก้อนเก็บไว้กินตอนแก่ พี่เด๋อก็ตามใจปู เพราะปูเป็นคนทำ ปูก็เลยติดป้ายขายโรงงาน 3 เดือนเองก็ขายได้แล้ว"
"ขายไปประมาณ 10 กว่าล้าน แต่สูตรลูกชิ้นไม่ขาย ขายแค่ตัวโรงงาน เขาก็เอาไปทำโรงงานเฟอร์นิเจอร์อะไรก็เรื่องของเขา มันเป็นที่ 1 ไร่ แต่สูตรลูกชิ้นไม่ขายเพราะตั้งใจเก็บไว้ให้ลูก ในอนาคตถ้าลูกจะมีครอบครัวและอยากจะทำ ก็ทำ แต่ถ้าลูกไม่ทำก็เรื่องของลูก เพราะปูไม่ได้คิดที่จะมาเอาสตางค์จากสูตรตรงนี้ ก็มีคนมาขอซื้อสูตรนะคะ แต่ไม่ขาย ให้เงินก็เยอะค่ะ ปูก็เรียกเป็นล้าน แต่ต้องบอกจริงๆ ว่าไม่ได้หวังจะเอาเงินตรงนี้ เพราะตอนนี้ชีวิตปูโอเคมากแล้ว ปูมาไกลมาก"
"ที่ไม่อยากทำก็อย่างที่บอกว่าคือเรื่องลูกน้อง คนรอบข้าง ตัวตายตัวแทน คือมันจุกจิกเยอะมาก ไม่ใช่เรื่องการบริหารนะ แต่โรงงานกับบ้านมันอยู่ไกลกัน เวลาที่มันมีปัญหาทีเราก็ต้องขับรถจากบ้านไปรังสิต มันใช้เวลามาก แล้วมันไม่มีคนที่จะมาตัดสินใจแทนเรา เราก็ไว้ใจใครไม่ได้ ลูกน้องโกงก็มี เอาลูกชิ้นไปส่งแล้วมุบมิบไว้ 10-20 กิโลก็มีค่ะ มันเป็นปัญหาหยุมหยิมแบบนี้ค่ะ เราก็เลยไม่อยากทำแล้ว รวมเป็นเงินมากไหมเหรอ ก็โดนเรื่อยๆ นะคะ บางทีจับได้ เราก็รู้อยู่เต็มอก แต่เราก็ยังต้องพึ่งเขา เพราะเรายังหาคนมาแทนไม่ได้ มันก็เป็นภาวะที่บางทีมันก็กล้ำกลืนฝืนทน"
เคยเถียงกลับว่าไม่ได้ตกอับ ก็หาว่าอวดรวย บอกตนสามารถส่งลูกเรียนถึงด็อกเตอร์ได้สบายๆ
"ถามว่าขาดทุนหรือตกอับไหม คนจะชอบพูดกันแบบนี้ แต่ถ้าปูเถียงกลับไป ปูก็จะต้องถูกตอกกลับมาอีกว่าอวดรวย ปูจะพูดกลางๆ ว่าปูให้ลูกเรียนอินเตอร์ตั้งแต่ปูทำลูกชิ้น ปูกำหนดมาเลยว่าถ้าลูกปูจบเกรด 12 คือ ม.6 ปูต้องใช้เงินเท่าไหร่ ปูต้องใช้เงินประมาณ 7 ล้านบาท ตั้งแต่ตอนทำลูกชิ้นปูก็เอา 7 ล้านแยกออกมาเลย ปูจะไม่ทำงานไปแล้วส่งเสียลูกไป อันนั้นไม่ทำ เกิดวันนึงข้างหน้าปูไม่มีแรง ลูกปูต้องออกจากโรงเรียนกะทันหัน เขาเรียนมาขนาดนี้แล้วมันจะกระทบลูก ฉะนั้นปูจะเป็นคนวางแผนเป๊ะๆ หมด"
"ตอนนี้เรื่องเรียนลูกไม่กระทบแน่นอนค่ะ เรียนไปถึงด็อกเตอร์เลยค่ะ (ยิ้ม) ส่วนเรื่องเฟรนไชส์ ปูใช้คำนี้นะ แต่ปูไม่เคยเก็บค่าเฟรนไชส์ ปูก็เรียกให้มันเก๋ๆ แบบนั้นแหละค่ะ (ยิ้ม) ก็คือมารับไปฟรีๆ เลย คุณเอาลูกชิ้นปู-เด๋อไปขาย คุณก็ทำป้าย ค่าทำป้ายก็ประมาณ 2,000-2,500 แค่นั้นเองค่ะ ไม่เคยเก็บอะไรเหมือนคนอื่นเขาหมื่นกว่าค่าโปรโมต ไม่มีค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเราหยุดมันก็เลยง่ายไงคะ"
"สูตรลูกชิ้นนี่ก็เอาไว้ให้เป็นอนาคตลูกค่ะ เรื่องโรงงานนี่ไม่เสียดายเลย เพราะสูตรอยู่กับปู อันนั้นมันแค่สถานที่เท่านั้นเอง อนาคตเดี๋ยวปูอยากทำจริงๆ ปูก็ไปซื้อที่ทำโรงงานได้ เพราะสูตรมันอยู่กับปู แต่พอเราไม่ทำลูกชิ้นคนก็มองว่าเราตกอับ ถามว่าเสียใจไหม คือเวลาไปไหนถ้ามีข่าวตกอับนี่ปูจะปรี๊ดมาก ปูจะไม่ยอม ปูก็จะพูดเลยว่าคุณว่าปูตกอับเหรอ คุณเห็นว่าไม่มีงานแล้วจะตกอับเหรอคะ คุณขาค่าเทอมลูกปูปีละ 7 แสนนะคะ แล้วก็โดนกลับมาอีกว่าอวดรวย อะไรก็โดนน่ะ ก็เลยเงียบๆ เฉยๆ"
บอกชีวิตดีกว่าตอนเป็นนักแสดงอีก ขายครีมก็มีสมาชิกเป็นหมื่นคน
"คือตอนนี้ชีวิตดีมากๆ ค่ะ ถามว่าดีกว่าตอนเป็นนักแสดงไหม ดีมากๆ ค่ะ (ยิ้ม) ปูก็พูดกลางๆ นะ คิดดูปูเล่นเป็นตัวเห็บเหา ค่าตัวตอนละเท่าไหร่เอง แล้วตั้งกี่เดือนกว่าจะได้ ลองคิดดูสิเบ็ดเสร็จแล้วเป็นเดือนปูได้ไม่เท่าไหร่เองนะ แต่เรามาได้ในการทำธุรกิจ ทีนี้พอเราไม่ได้ทำธุรกิจปุ๊บ เราดันมาโป๊ะได้ขายครีม จากสมาชิกหลักร้อยมาแตะหลักหมื่น จนทุกวันนี้ปูไลฟ์ทีคนดู 5,000-6,000 คน แล้วปูก็จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นๆ ตลอดเลย"
"ที่มาทำตรงนี้มันก็สนุกด้วย เราได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับลูก ปูชอบที่สุด ถ้าเปรียบเทียบรายได้กับตอนเป็นนักแสดง โอ้โหเลยค่ะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าตัวเลขไม่รู้นะ แต่แจกยับเลยค่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็จับแจกหลุยส์วิตตองใบละหมื่นแปด เดี๋ยววันที่ 28 มิ.ย. เป็นวันเกิดของน้องปลาย น้องปลายซื้อเข็มขัดกุชชี่ให้ลูกค้า จับแล้วแจกเลย"
เข้าใจชีวิตเส้นทางวงการ บอกหมดยุคก็ต้องหารายได้อื่นเลี้ยงชีพ
"ตัดสินใจไม่นานกับการที่ยอมทิ้งชื่อเสียง เราต้องยอมรับสภาพตัวเองว่ามันไม่ใช่ยุคเราแล้ว ทุกอย่างมันเป็นวงกลม เราก็เคยไปอยู่ตรงนี้ เมื่อวันนึงที่เราดาวน์ เราก็ต้องไปหาอะไรทำเพื่อความอยู่รอด แต่ทีนี้ในการที่เราหาอะไรทำใหม่ๆ มันดันโป๊ะ ทุกวันนี้ไม่ได้ขัดสนค่ะ อย่าเรียกว่าเหลือกินเหลือใช้เลย เรียกว่าพอได้ค่าน้ำค่าไฟค่ะ พอได้สลากออมสินถูกทุกงวดเดือนละเกือบสองหมื่นเป็นค่าน้ำค่าไฟ (ยิ้ม)"
"พี่เด๋อจะรับงานไหม อันนั้นเรื่องของเขา เขาอายุมากแล้ว ถ้าไม่ได้ไปสังคมก็กลัวเขาจะเฉา แต่ปูชอบอยู่กับลูก ลึกๆ เลยคือแม่ปูตายไปตั้งแต่เรายังเล็ก ปูจะรู้เลยว่าการไม่มีแม่มันไม่อุ่น ปูไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน แต่ ณ วันนี้ปูอยากอยู่กับเขา เมื่อกี้ยังไลน์มาเลยว่าแม่รบกวนแวะเซเว่นให้หนูหน่อยนะคะ เดี๋ยววันที่ 28 มิ.ย.นี้น้องปลายก็อายุ 15 แล้วค่ะ เป็นนางสาวแล้ว"
"ชีวิตตอนนี้อยู่สบายดีค่ะ ไม่ตกอับด้วยค่ะ จริงๆ คำนี้มันกระทบถึงลูกนะคะ คนเข้าใจก็เข้าใจดี แต่คนไม่เข้าใจก็จะบอกว่าพ่อแม่สร้างภาพเหรอทุกวันนี้ ขับเบนซ์นู่นนี่ แต่ลูกปูก็ไม่ได้อะไรหรอกค่ะ ลูกปูเป็นเด็กคิดบวก ลูกปูเป็นคอสเพลย์ด้วยค่ะ ชอบแต่งหน้าโน่นนี่ ก็จะมีคนเอาคลิปไปบูลลี่ พูดหยาบเลยนะ ไอ้... เลย บอกเวลาไม่แต่งหน้าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไปดูได้ในคลิปที่ลูกปูพูดความในใจ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนเรามันความเห็นไม่เหมือนกัน แต่เราก็เคารพความคิดของคุณ"