xs
xsm
sm
md
lg

"เอส" เห่อ ลูกมาก่อนกำหนด เปิดบทสวดมนต์ให้ลูกฟัง - จูบท้องเมีย ดี๊ด๊าเตรียมโรงเรียนให้ลูก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




"เอส กันตพงศ์" เผยช็อกกันหมด "คริสติน่า" ป่อง ทั้งที่มดลูกไม่แข็งแรง กินยาคุมมานานนับสิบๆ ปี แฮปปี้จูบท้องเมียทุกวัน เปิดบทสวดมนต์ให้ลูกฟัง ลั่นแพลนแต่งงานปลายปี 64 อุ้มลูกร่วมงานแต่งด้วย แต่ขอดูสถานการณ์โควิด ฟุ้งแพลนไปถึงเรื่องโรงเรียนลูกแล้ว อยากให้ได้ 3 ภาษา เผยโมเมนต์ประทับใจ รักครั้งแรก ขอแต่งงาน

รับโชคสองเด้งเลยทีเดียว สำหรับพระเอกหนุ่ม "เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์" ที่เพิ่งออกมาประกาศข่าวดีมีแพลนแต่งงานกับแฟนสาวชาวเยอรมัน "คริสติน่า วิงเคลอร์" ในช่วงกลางปี พร้อมเผยว่าสาวคริสติน่ากำลังตั้้งครรภ์ ซึ่งล่าสุดหนุ่มเอสก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์พูดคุยกันสดๆ ผ่านวิดีโอคอลที่แฟนเพจ Ch7HD ผ่านการพูดคุยโดยสองผู้ประกาศข่าวของช่องอย่าง "หนุ่ม อนุวัต" และ "ปุ้ม เปรมสุดา" โดยเจ้าตัวเผยว่ารู้มาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่มีความเชื่อว่าอยากให้พ้น 3 เดือนไปก่อนค่อยเปิดเผย

"ความจริงเราทราบข่าวดีนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคมครับ แต่เราถือกันคือฝั่งตะวันตกเขาถือว่าช่วง 3 เดือนแรกเป็น 3 เดือนอันตราย เพราะมันสามารถเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ว่าเราจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปไหม ก็เลยรอให้พ้น 3 เดือนก่อน คือตอนที่เราลงรูปคือวีกที่ 13 แล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยมากขึ้น แต่เรียกว่าปลอดภัย 100% หรือยัง เราก็ต้องดูต่อไปเรื่อยๆ ยันคลอดเลยครับ แต่เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยสูงขึ้นมากแล้ว เราก็เลยอยากจะแบ่งปันข่าวนี้ให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ และแฟนคลับทุกคนได้ทราบครับ"

"วินาทีแรกที่รู้ก็คือวันนั้นเป็นวันเกิดน้องชายผม วันที่ 3 มีนาคม ซึ่งเขาตรวจตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนผมไปถ่ายละคร พอเสร็จเราก็ไปงานด้วยกัน ตอนหัวค่ำที่เราไปงานเรายังให้สัมภาษณ์พี่ๆ นักข่าวอยู่เลย ซึ่งตอนสัมภาษณ์พี่ๆ นักข่าวก็ถามว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ยังไง ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาท้องแล้ว เขาก็เก็บอาการ อยากจะบอก อยากจะพูดนะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้เราที่บ้าน พอกลับมาที่บ้านเขาก็เอากล่องมาให้ผม แล้วก็บอกว่าให้ของขวัญ ผมก็งงว่าของขวัญอะไรวันนี้วันเกิดน้องชายผม พอเปิดกล่องมาปุ๊บก็เจอเป็นแท่งตรวจอยู่ด้านใน แล้วมันขึ้น 2 ขีด ผมก็ร้องเฮ้ย ดีใจ ช็อก (ยิ้ม) แล้วก็หอมแก้มเขา ขอบคุณเขา คือดีใจมากๆ ครับ"

ยอมรับตอนแรกห่วงเรื่องมีลูก เพราะภรรยาทานยาคุมมานานและมดลูกไม่แข็งแรง
"คือเราห่วงมาตลอดว่าสุขภาพเขาในการที่จะมีบุตรจะเป็นยังไง เพราะว่าเขาทานยาคุมมาตั้งแต่เขามีประจำเดือนแรกๆ เลย ก็ทานมาจน 16-17 ปี คุณหมอก็บอกว่าด้วยความที่มดลูกเขาไม่แข็งแรงมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และทานยาคุมมาเป็นสิบกว่าปี ถ้าอยากจะมีบุตรจริงๆ แนะนำว่าให้หยุดยาก่อนประมาณปีนึง เพื่อเคลียร์ยา เคลียร์ร่างกาย และพอครบปีนึงแล้วเราก็ค่อยไปคุยกับคุณหมอว่าแนวทางต่อไปจะทำยังไง จะใช้วิธีธรรมชาติหรือจะต้องใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งคุณหมอก็ไม่ได้รับปากว่าคุณจะมีได้หรือมีง่ายนะ คุณหมอก็บอกว่าถึงวันนั้นครบปีค่อยมาคุยกัน"

"พอแพลนก่อนที่จะมีโควิด เราก็วางไว้ว่ากลางปีนี้เราจะบินไปเยอรมันเพื่อไปดูที่แต่ง แล้วสักปลายปีหรือต้นปีหน้าเราแต่งงานกัน ก็คิดว่าถ้าต้นปี 64 พร้อมแล้วและคุณหมอบอกโอเคก็จะได้มีลูกได้เลย แต่กลายเป็นว่าเราหยุดยาไปตอนปลายต.ค.ถึงต้นพ.ย. ก็เลยมีข่าวดีช่วงมี.ค. เลยคิดว่าลูกน่าจะเกิดขึ้นช่วงก่อนวาเลนไทน์นิดหน่อย (ยิ้ม)"

บอกตอนนี้ไม่ให้ภรรยาทำอะไรเลย และตนก็เห่อลูกหนักมาก ต้องเข้าไปจูบที่ท้องตลอด
"อายุครรภ์ตอนนี้น่าจะเข้าวีกที่ 13-14 แล้วครับ ก็ประมาณ 3 เดือนกับอีก 2 อาทิตย์ครึ่ง ถามว่าใครเห่อกว่ากันเหรอ ผมว่าผมนะ คือปกติเราก็ค่อนข้างเป็นคนตามใจอยู่แล้ว แต่พอเขาท้องเรายิ่งตามใจมากเลย ผมไม่ให้เขาจับอะไรในบ้านเลย คือปกติเขาชอบทำงานบ้าน ส่วนผมเป็นคนไม่ชอบทำงานบ้านเลย แต่ตอนนี้เราก็พยายามทำให้มันดีที่สุด เขาจะยกตระกร้าผ้า ผมก็ไม่ให้ยก ใม่ให้ทำอะไรเลย เราทำให้หมด"

"แล้วก็คุยกับลูก ลูบท้องเขาเช้า-กลางวัน-เย็น คือช่วงแรกเขาแพ้เยอะ ทานอะไรไม่ค่อยได้เลย ตอนเช้าๆ นี่เขาจะเพลียมาก อ้วกตลอดเลย เขาก็จะหลับยาวมาก ผมก็จะ good morning kiss เขาก่อนทีนึง แล้วก็ค่อยมาจูบที่่ท้องแล้วก็ good morning กับลูก แล้วก็เดินวนไปวนมาจูบอยู่นั่นแหละครับ จนคริสติน่าบอกว่าทำไมต้องปลุกเขาเนี่ย (หัวเราะ) คือจูบอยู่นั่นแหละ ถ้าเขายังหลับอยู่ผมก็เดินกลับไปจูบๆ ที่ท้องเขา ก่อนจะนอนพอคุยกับลูกเสร็จ ผมก็บอกคริสติน่าว่าคุยกับลูกด้วยสิ ผมก็เปิดเพลงโมสาร์ท เปิดบีโธเฟนให้ฟัง เปิดบทสวดมนต์ให้ฟังด้วย (หัวเราะ)"

เผยครอบครัวสองฝ่ายพอรู้ก็ดีใจมาก ถือเป็นโมเมนต์ที่ประทับใจตนมากๆ
"ครอบครัวพอรู้ทุกคนก็ดีใจ ช็อกมากเลย โดยเฉพาะคุณพ่อผมก็คะยั้นคะยอมาตั้งแต่เราคบกันประมาณ 3 ปีมั้งครับว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ จะมีหลานให้ป๋าเมื่อไหร่ พอโมเมนต์ที่เราบอกคุณพ่อคือเราก็ไม่ได้บอกตรงๆ แต่เราชวนคุณพ่อไปทานข้าว แล้วเรามีใบอัลตร้าซาวด์ ผมก็บอกว่าคริสติน่ามีของขวัญให้ป๋า ผมก็เอาใบอัลตร้าซาวด์ใส่ซองจดหมายไว้ พอคุณพ่อเปิดซองออกแล้วดู ผมยังจำหน้าคุณพ่อได้เลยว่าคุณพ่ออึ้ง น้ำตาคลอแล้วค่อยๆ ไหลออกมา เป็นโมเมนต์ที่ผมกับคริสติน่ารู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์ที่มีคุณค่าและมีความสุขมากๆ สำหรับเรา เพราะทุกคนทั้งครอบครัวผมและครอบครัวคริสติน่าเขาก็รอคอยมาก"

"ส่วนโมเมนต์ที่ประทับใจของคริสติน่าคือ วันที่ผมซื้อแหวนซึ่งไม่มีใครทราบนอกจากคุณพ่อคุณแม่ผม และคุณพ่อคุณแม่คริสติน่า ตอนนั้นผมกับคริสติน่าก็โทร.วิดีโอคอลหาคุณพ่อคุณแม่คริสติน่า ก่อนอื่นก็บอกว่าผมขอโทษมากๆ เลยที่ผมใช้วิธีวิดีโอคอลไป ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะบินไปหาด้วยซ้ำ แต่ยังไม่สามารถทำได้ ก็เลยขอวิดีโอคอลก่อน ผมอยากจะโทร.มาขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ ขอแต่งงานกับคริสติน่าได้ไหมครับ คุณแม่เขาน้ำตาคลอ คุณพ่อเขาก็ยิ้มแก้มแดง ดีใจ แล้วก็บอกว่าแน่นอน เอสเหมือนลูกชายอยู่แล้ว อนุญาตอยู่แล้ว ก็เป็นโมเมนต์ที่เราพยายามทำให้ดีที่สุดในส่วนของครอบครัวครับ"

บอกช่วงโควิด-19 แบบนี้ยิ่งต้องดูแลภรรยามากกว่าเดิม โดยเฉพาะสุขอนามัย
"ช่วงโควิดแบบนี้ดูแลคริสติน่ายังไงเหรอครับ ไม่กล้าเล่าเลย (หัวเราะ) คือเริ่มจากต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน ผมกับคริสติน่าเราจะมีแว่นใหญ่ๆ มีหน้ากาก และมีถุงมือแพทย์อีกคนละคู่ใส่ไว้ (หัวเราะ) ก็ทำเหมือนในหนังเลยครับ คือไม่จับอะไรเลย (หัวเราะ) ถ้าคริสติน่าต้องจับอะไร ผมจะจับแทน ไม่ว่าจะซองหรือจะยาอะไรก็ตาม และแต่ละครั้งผมก็จะบีบแอลกอฮอล์มาล้างถุงมืออีกที ก่อนขึ้นรถก็จะมีวิธีถอดถุงมืออีก พอเสร็จก็จะใช้สเปรย์ฉีดทั้งตัวก่อนขึ้นรถ"

"แล้วตอนนี้คือไม่รับแขกเลย แต่ถ้าคุณแม่จะมาเยี่ยม ผมก็จะมีสเปรย์ฉีดทั้งตัวแม่ก่อนเข้าบ้าน (หัวเราะ) คนรอบข้างก็บอกว่าผมเยอะครับ คือเราห่วงลูกกับภรรยาไง (หัวเราะ) ถามว่าอยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย คือเราสองคนชอบเด็กผู้ชาย แต่พอมาถึงในจุดที่เรามีลูกจริงๆ จะเป็นเพศไหนได้หมดเลย ขอให้แข็งแรงสมบูรณ์ครบ 32 นั่นคือเป็นสิ่งที่ดีใจที่สุดแล้วของพ่อแม่ทุกคนครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเพศนะครับ น่าจะทราบประมาณเร็วสุดคือ 12 พ.ค. ช้าสุดก็ประมาณ 15 พ.ค. ครับ"

เผยชอบ "คริสติน่า" มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว
"เริ่มต้นเจอกันเมื่อ 6 ปีที่แล้วครับ ผมเจอเขาในฟิตเนส เราก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มากับเพื่อน เขาหน้าตาสวย น่ารักจังเลย เขาก็เดินผ่านไปผ่านมา แต่ผมไม่กล้าคุยกับเขา จนเวลาผ่านไปเขาก็บินกลับประเทศ แล้วมันคงเหมือนพรหมลิขิต เขากลับมาอีกที เราเจอเขายืนคุยกับรุ่นพี่ของเรา ก็เลยคิดว่าโอกาสนี้ปล่อยผ่านไม่ได้แล้ว ก็รีบเข้าไปสวัสดีรุ่นพี่เลยครับ (หัวเราะ) แล้วเขากำลังคุยกันเรื่องจะไปเล่นโยคะกัน ผมก็เลยหลังเจ็บขึ้นมาทันที (หัวเราะ)"

"คือผมเป็นหมอนรองกระดูกอักเสบอยู่แล้ว คุณหมอก็แนะนำมาตลอดว่าต้องทำโยคะ แต่ 2-3 ปีผ่านไปก็ยังไม่ได้ไปทำ จนกระทั่งมาเจอเขานี่แหละครับ จากนั้นผมก็บอกว่าไว้เจอกัน แล้วก็เดินออกมาเลยนะ ไม่ขอเบอร์อะไรทั้งสิ้น เราก็ไว้เชิงนิดนึง เขาก็เลยเรียกไว้ แล้วก็บอกว่าเอาไลน์มาก่อน เขาจะได้บอกคลาสโยคะให้ว่ามีตอนไหน เราก็โอเค ก็ทำเป็นเฉยๆ ไม่อยากให้นะ แต่ในใจคือดีใจมาก (หัวเราะ) ก็เข้าคอร์สโยคะกัน 2 ครั้งครับถึงเริ่มชวนเขาไปทานข้าว ก็ยังไม่ได้พูดนะครับว่าจีบไม่จีบ แต่ผมว่าด้วยอาการแสดงออก การเทคแคร์ การคุยกันไลน์หาเช้าเย็น ผมว่าเขาก็รู้ครับ"

บอกกว่าจะมีโมเมนต์ขอแต่งงานได้ เจออุปสรรคไม่น้อยเลย
"โมเมนต์ตอนขอแต่งงาน วันนั้นต้องบอกว่าเราแอบรู้สึกผิดนะครับ เพราะเราคิดว่าคบกันเลขกำลังสวยคือ 5 ปี ผมก็คุยกับพี่ๆ ว่าใครรู้จักสนามม้าบ้าง เพราะคริสติน่าชอบขี่ม้ามาก เราตั้งใจว่าอยากจะเซอร์ไพรส์เขาด้วยการไปขอเขาที่สนามม้า เราก็เตรียมการทุกอย่าง ซึ่งคือก่อนโควิดและก่อนที่จะรู้ว่าเขาท้อง แต่พอรู้ว่าเขาท้องแล้วก็มาช่วงโควิดเลย แผนที่เราเตรียมไว้มันก็เลยทำไม่ได้ และกลายเป็นว่าหลังจากมีโควิดในไทยที่หนักๆ จากนั้นอีก 1-2 อาทิตย์เราก็คิดว่ายังไงก็ต้องเซอร์ไพรส์เขา ก็เลยคิดว่าจะเอาม้ามาเซอร์ไพรส์ที่หมู่บ้านเลยดีไหม"

"แต่กลายเป็นว่าในประเทศไทยมีโรคกาฬโรคม้าระบาดอีก ม้าตายเยอะมาก และเจ้าของม้าทุกคนเขาก็ห่วงม้าของเขามาก เราก็ห่วงว่าคริสติน่ากำลังท้องด้วย ก็คิดว่าแผนนี้ล้มเลิกแน่ๆ ผมก็คิดว่าสำหรับผู้หญิงคนนึงเขาก็คงหวังว่าสักครั้งในชีวิตจะได้มีการขอแต่งงาน เราก็ไม่อยากให้โควิดมาทำลายความฝันของแฟนเรา ก็เลยปรึกษาคุณแม่เขา ปรึกษาทุกคนเพราะใจเรายังอยากจะเซอร์ไพรส์อยู่ คุณแม่เขาก็แนะนำว่าให้เอาแหวนไปแขวนไว้ที่คอไรชูสิ ก็คือน้องหมาของเราเองนี่แหละครับ ผมก็คิดว่าดีนะ เอาไรชูมาร่วมในเหตุการณ์นี้ดีกว่า และสามารถทำได้ง่าย ทำในบ้านเรา ไม่ต้องไปข้างนอก ปลอดภัยด้วย"

"แต่วันนั้นเหมือนละครมาก ผมก็ตั้งกล้องแอบถ่ายไว้ และคิดว่าผู้หญิงทุกคนคงอยากให้ถ้าโดนแอบถ่ายทั้งทีอย่างน้อยก็ขอสวยหน่อยเถอะ ก็เลยโกหกคริสติน่าว่าวันนี้ผมกับแม่บุญธรรมจะไปแจกของแถวศรีนครินทร์ มันก็ใกล้ๆ บ้าน เดี๋ยวเราไปแจกอาหารด้วยกันนะ เพื่อเขาจะได้แต่งตัวแต่งหน้านิดนึง เขาก็แต่งตัวของเขา ผมก็ลงมาเซ็ตข้างล่าง แล้วทีนี้ข้างบ้านมีการก่อสร้างเสียงดังมาก ผมก็วิ่งออกไปขอให้หยุดแป๊บนึง เพราะผมจะอัดวิดีโอนั่นนี่ แล้วผมก็ดันนัดคนสวนมาตัดหญ้าวันนั้นอีก คือผมลืม คนสวนก็ตัดหญ้าเสียงดังมาก ผมก็ต้องออกไปขอว่าให้หยุดก่อน"

"พอผมวิ่งกลับเข้ามาก็เจอคริสติน่ายืนอยู่ตรงห้องครัวแล้ว กำลังทำอาหารเช้าของตัวเอง พร้อมกับเห็นกล้อง เห็นทุกอย่างที่ผมเตรียม (หัวเราะ) เขาก็ถามว่านี่อะไร ตั้งกล้องทำไม ผมก็อ้างช่อง 7 เลย บอกที่ช่องอยากจะให้อัดวิดีโอหน่อยว่าสถานการณ์โควิดอยู่บ้านทำอะไร ผมก็บอกให้เขาขึ้นไปข้างบนก่อน แล้วผมก็เลยพูดกับตัวเองเสียงดังๆ เหมือนกำลังอัดวิดีโอให้เขาได้ยิน (หัวเราะ) พอเสร็จเขาก็ลงมา แล้วเขาก็บ่นว่าตั้งดอกไม้นี่มันรก ไม่เห็นจะสวยเลย ตั้งทำไม แต่ตอนนั้นเราเริ่มอัดวิดีโอแล้วนะ"

"ผมก็เรียกไรชูมา ซึ่งไรชูน้องหมาของผมเนี่ยฉลาดมาก ให้แกล้งตาย ให้กลิ้งอะไรได้หมด แต่วันนั้นทั้งเช้าไรชูมาซ้อมกับผมเป็น 10-20 รอบ จนไรชูเบื่อครับ พอถึงเวลาผมเรียกไรชูมา เขากลับไปซ่อนใต้โต๊ะอาหาร ไม่ยอมออกมา ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้น จนผมต้องเอาแก้วโยเกิร์ตมาล่อเขา พอไรชูเดินมา ผมก็บอกคริสติน่าว่าให้ดูปลอกคอไรชูหน่อย มันขาดเป็นอะไรไม่รู้ ซึ่งแหวนแขวนไว้ข้างหลัง แต่คริสติน่าดูข้างหน้า (หัวเราะ) เขาก็บอกไม่เห็นมีที่ขาดเลย ผมก็บอกให้ดูดีๆ พอเขาดูข้างหลังเขาก็ทำหน้างง ตาค้าง น้ำตาซึม แล้วก็เข้าสู่กระบวนการ ผมก็คุกเข่า ถอดแหวนออกจากไรชู แล้วก็ขอเขา"

เผยแพลนแต่งคงต้องเป็นช่วงปลายปีหน้า แต่จะที่ไทยหรือเยอรมันก่อนยังไม่รู้
"ส่วนแพลนงานแต่งตอนนี้จนถึงต้นๆ ปีหน้าเราดูแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าจะแต่งกันก็น่าจะเป็นช่วงค่อนปีหลังของปี 64 หรือไม่ก็อีกปีไปเลย ส่วนจะแต่งที่ไหนก่อน ถ้าแผนเดิมคือเราจะแต่งที่เยอรมันก่อนแล้วค่อยมาแต่งที่เมืองไทย ที่เยอรมันเราก็จะจัดแบบเรียบง่าย เฉพาะคนสนิท เพราะว่าแขกจากเมืองไทยก็คงบินไปไม่สะดวก ก็มีสถานที่ที่เราดูกันไว้ครับ จะเป็นปราสาทที่เยอรมัน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เลยยังไม่ทราบเลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง เพราะการที่จะคุยกับสำนักงานเขตของเยอรมัน เรื่องเอกสารส่งไปเป็นเดือนแล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมาเลย ก็เข้าใจสถานการณ์ของเขานะครับว่าทางนั้นผู้ติดเชื้อเยอะเหมือนกัน"

"เพราะฉะนั้นคิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือปลายปี 64 เลยครับ ส่วนจะไทยหรือเยอรมันก่อนก็คงต้องดูสถานการณ์โควิดว่าตอนนั้นจะเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าถ้าแต่งช่วงปีหน้าก็คงจะน่ารักดี เพราะถ้าลูกคลอดแล้วเราก็จะพาลูกไปอยู่ในงานแต่งด้วย ส่วนฮันนีมูนยังไม่ได้พูดถึงกันเลยครับ แต่ก็มีประเทศที่เราสองคนชอบมากๆ ก็คืออิตาลีนะครับ แต่อิตาลีก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่โควิดหนักมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกอย่างต้องทำไปโดยเงื่อนไขของโควิดหมดเลยครับ"

บอกตอนนี้แพลนเรื่องลูกไปถึงเรื่องโรงเรียนแล้ว
"แพลนชีวิตต่อจากนี้เหรอครับ ที่แน่ๆ คือแผนที่เราคุยกันเรื่องลูกคือ งานผมถ้าเรายังเป็นฐานะนักแสดง แน่นอนว่าผมยังต้องอยู่ในเมืองไทย ซึ่งคริสติน่าเขาก็ยินดี แต่เราคุยกันว่าเรื่องคลอด เขาขอว่าขอไปคลอดที่เยอรมัน เพราะอย่างน้อยตอนคลอดเขาอยากจะคุยกับคุณหมอให้รู้เรื่อง และอีกอย่างเขาอยากจะคลอดในอ่างน้ำ ซึ่งทางนั้นเขาก็มีคุณหมอ มีบุคลากรที่มีความสามารถด้านนี้อยู่แล้ว พอคลอดเสร็จก็คงต้องอยู่ต่อ แล้วต้องอยู่ต่อนานขนาดไหน จะให้ลูกเรียนที่เมืองไทยหรือจะให้เรียนที่เยอรมัน จะอยู่ไทยกี่ปีดีแล้วค่อยไปเยอรมัน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราคุยกันเยอะที่สุดตอนนี้"

"ก็วางแผนคุยกันไปถึงโรงเรียนลูกเลยว่าจะให้เรียนที่ไหนยังไง เรียนภาษาอะไรบ้าง และวางแผนไปกระทั่งว่าพอลูกโตพอรู้เรื่องแล้ว เวลาเราอยู่ที่บ้านเราจะคุยภาษาอะไรกันดี (หัวเราะ) ซึ่งมันสำคัญมากๆ นะครับ คืออย่างน้อยเราอยากให้ลูกได้ 3 ภาษา"
















กำลังโหลดความคิดเห็น