xs
xsm
sm
md
lg

"รัศมีเเข" ใจคอไม่ดี พ่อเเท้ๆ อยากเจอก่อนตาย แต่บินไปหาไม่ได้เพราะโควิด เครียดพ่อไม่รู้เป็นเกย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"รัศมีเเข" ตื่นเต้นตามหาพ่อแท้ๆ เจอแล้ว แต่ใจคอไม่ดีที่พ่อบอกอยากเจอก่อนตาย เผยตนบินไปหาไม่ได้เพราะโควิด แอบเครียดพ่อไม่รู้เป็นเกย์ แถมอวยพรให้มีเมียที่ดี รู้สึกหนักใจไม่รู้จะบอกพ่ออย่างไรว่าตนมีสามีแล้ว รับโควิดทำให้ปลงตก ได้แง่คิดเรื่องครอบครัวและเรื่องเงิน

ตื่นเต้นดีใจเกือบจะร้องไห้ที่ตามหาพ่อแท้ๆ เจอซะที แต่แล้วกลับมีอุปสรรคทำให้ "รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น" ไม่สามารถบินไปเจอพ่อที่สาธารณรัฐเซเนกัล ได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ก็เลยทำได้แค่โทรศัพท์พูดคุยกัน ล่าสุด รัศมีแข ได้มาออกรายการ คุยแซ่บ show ทางช่อง one31 พร้อมเผยรู้สึกใจคอไม่ดีที่พ่อบอกว่าอยากเจอก่อนตาย แอบเครียดไม่รู้จะบอกพ่ออย่างไรว่าตนเป็นเกย์

"คือรู้ว่ามีพ่อแต่ไม่เคยเจอกันเลย ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอ แค่เป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ก่อนหน้านี้มีความรู้สึกว่าถ้าได้เจอก็จะเจอเอง เราก็เลยไม่พยายามอะไร แล้ววันนึงเราไปออกรายการหนึ่งแล้วพูดว่าพ่อเคยทำงานอยู่ตรงนั้น แล้วคนที่เคยทำงานกับพ่อเมื่อสมัยก่อน เขารู้แล้วติดต่อไปยังเพื่อนแข เขาจัดการทุกอย่างเลย จนวันหนึ่งเขาโทร.มาร้องไห้ แล้วบอกว่าได้เบอร์ของพ่อแล้วนะ แล้วเขารอโทรศัพท์เราอยู่ ซึ่งไทยกับประเทศที่พ่ออยู่ เวลาห่างกันประมาณ 5 ชั่วโมง"

"ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งอเมริกัน แต่จริงๆ แล้วผิด จริงๆ แล้วเป็นลูกครึ่งไทย-เซเนกัล ซึ่งอยู่ในแอฟริกา(สาธารณรัฐเซเนกัล เป็นประเทศที่อยู่ในแอฟริกาตะวันตก) ตอนนี้ได้โทร.คุยกันกับพ่อเรียบร้อยแล้ว พอได้เบอร์มาปุ๊บตื่นเต้น จะร้องไห้ ทำตัวไม่ถูก ตอนนั้นอยู่บ้านเพื่อน เพื่อนก็เห็นว่าเราเดินไปเดินมา รน ไม่รู้จะตั้งต้นยังไงดี สุดท้ายเราก็โทร.ไปคุย"

"พ่อเขาก็เสียใจ เขาก็ขออภัยกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นมา ไม่อยากให้เป็นอะไรแบบนี้ พ่อร้องไห้ด้วย แขว่าเขาคงตื่นเต้น แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย เราก็ตอบกลับเขาไปว่า ไม่เป็นไร อันนั้นมันเป็นปัญหาของพ่อกับแม่ไม่ใช่ปัญหาของฉัน"

เผยจริงๆ ต้องได้เจอพ่อแล้ว แต่เพราะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ตนบินไปหาพ่อไม่ได้ หนักใจพ่อไม่รู้ว่าเป็นเกย์
"ถ้าเกิดไม่มีโควิดก็จะไปหาพ่อแล้ว แต่ตอนนี้ไปไม่ได้ พ่อบอกว่าอยากเจอแขก่อนตาย ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะพูดคำนี้ เราก็อ้าว...ทำไมพ่อพูดแบบนี้ ด้วยความที่พ่อเป็นโรคหัวใจด้วย แล้วตอนคุยกับพ่อ พ่อบอกว่าญาติฉันถามใหญ่เลยว่าลูกชายเธอ เขาโตเป็นผู้ชาย แล้วอีกวันก่อนวางสายพ่อบอก ฉันดีใจมากเลยที่ได้เจอเธอ ขอให้ทุกอย่างดี ให้เธอมีภรรยาที่ดี ซึ่งอันนี้แขแอบคิด แอบซีเรียส ก็เลยไปปรึกษาพี่สาวคนที่อยู่อเมริกาว่าพ่อมาอวยพรอย่างนี้ ฉันใจไม่ดีเลย ฉันไม่รู้จะพูดยังไงว่าฉันเป็นเกย์"

"แต่ถามว่ากลัวมั้ยว่าถ้าบอกไปแล้วพ่อจะรับไม่ได้ แขไม่กลัว ถ้าเจอแล้วรับไม่ได้ แยกย้ายได้นะคะพ่อ ยังไม่ได้บอกพ่อเลย แต่พี่สาวบอกว่า อย่าไปบอกเขานะ เขาเป็นคนรุ่นก่อนรับอะไรยาก ตอนนั้นพอคุยกับพี่สาวเสร็จก็คิดว่าจะทำยังไงดี"

"แขอยากให้เขารับรู้มากกว่า ว่าที่ผ่านมาเราแต่งงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะว่ามันคือชีวิตของเรา จริงๆ ก็อยากให้เขาเห็นว่าเราเก่งนะ เราอยู่มาได้ขนาดนี้ ก็คิดว่าเขาน่าจะภูมิใจ ถ้าไปหาพ่อคงไม่พาแฟนไปด้วย แขจะไปกับเพื่อน แฟนพักไว้ก่อน เรามีความรู้สึกว่าเราไปกันเองก่อนก็ได้ เพราะถ้าแฟนไปด้วยเดี๋ยวมันจะมีเรื่องความลำบากหลายอย่างเข้ามา"

พร้อมเปิดใจถึงชีวิตหลังโควิดระบาด ต้องกักตัวอยู่บ้านอาทิตย์แรกเบื่อเหมือนกับโลกถล่ม จิตตกคิดว่าตัวเองติดโควิด
"ช่วงอาทิตย์แรก เหมือนกับโลกถล่มไปแล้ว ชีวิตหลุดหาย ฉันไม่รู้จะทำยังไง นอน โอ๊ย...เบื่อ ปกติถ้าไม่กักตัวแต่ละวันแขจะออกกำลังกาย ออกไปวิ่งสวนสาธารณะ กิจกรรมทุกอย่างเกือบอยู่ข้างนอกหมด แล้วก็ไปเจอหลาน แต่พออยู่ในช่วงกักตัวเราแทบไม่เจอหลานเลย ก็ห่วงตัวเล็ก ก็เลยไม่ไปหาอยู่บ้าน ก็เลยมีเพื่อนใหม่ชื่อ TikTok แล้วก็ถือโอกาสทำความสะอาดบ้าน แล้วก็ไลฟ์สด"

"ทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เลย ฉันเจ็บหน้าอก มันเหมือนมีอะไรมาบาดฉัน จนมีอยู่วันหนึ่งรู้สึกว่าให้เป็นโควิดให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีกว่า แล้วออกสื่อเลย ผมเป็นโควิดจบ ไม่ต้องวิตก คือจิตตกมาก แล้วอยู่คนเดียว ผวาว่ามีคนเดินมาหน้าประตู เห็นรอยเงา แต่จริงๆ คือผ้าม่านมันปลิวลมแอร์ ตอนนี้สามีแขอยู่สวีเดน ก็มีนอยด์ๆ บ้าง แต่ก็ทำใจยอมรับกับสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงไว้"

ลั่นตนไม่ได้กลัวโควิด แต่กลัวทัศนคติลบๆ ของคนมากกว่า
"จริงๆ แขไม่ได้กลัวโควิด แขศึกษามาเยอะพอรู้วิธีป้องกัน แต่สิ่งที่แขกลัวที่สุดก็คือมนุษย์ ณ ตอนนี้มันได้เห็นมนุษย์หลายคน ความอีโก้ของมนุษย์ เพราะโควิดวันหนึ่งมันจะเป็นวัคซีน แต่มนุษย์ถ้าเป็นแบคทีเรียแล้วเนี่ยไม่มีวัคซีนเลยนะ"

"ทัศนคติลบๆ ของคนมากกว่าที่น่ากลัว มันน่ากลัวมาก เราก็ถามตัวเองตลอดถ้าเราติดเราจะทำงานยังไง กับการที่โควิดมันหายไปแล้ว แล้วถ้ามีคนแค่ 3-4 คน พูดว่าโอ๊ย...มันจะหายจริงเหรอ เริ่มแสดงปฏิกริยา ซึ่งเราอยากบอกทุกคนว่าไม่มีใครอยากตาย ไม่มีใครอยากติด แต่ในเมื่อมันเป็นมาแล้ว มันทำอะไรไม่ได้ ณ ตอนนี้เราให้กำลังใจกัน เรามีเงินเท่าไหร่ เงินก็ไม่สามารถซื้อโควิดให้หายไปจากตรงนี้ได้ ยุค 2020 มันกลายเป็นโรคที่ทุกคนต้องร่วมกันช่วยกันอยู่บ้าน อยู่ห่างๆ กัน รักษาความสะอาด แค่นั้นเอง"

"สำหรับแข สิ่งที่สามารถสรุปได้จากโควิดหลังจากที่มันหายไปจากโลก ไม่ใช่จำนวนผู้ตาย จำนวนผู้รอดชีวิต หรือจำนวนผู้ที่ติดโควิดทั้งหมดรวมกัน สิ่งที่เราจะได้จากโควิดเนี่ยมันทำให้เห็นว่ามนุษย์เป็นยังไง เราพึ่งพาใครได้บ้าง มีใครยื่นมือช่วยเหลือเราบ้าง มีใครมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้เราได้บ้าง นี่แหละแขว่าคือสิ่งที่เราจะเห็นหลังจากโควิดหายไป"

วิกฤตครั้งนี้ให้แง่คิดเรื่องครอบครัวและเรื่องเงิน
"สถานการณ์โควิดในครั้งนี้สอนแขเรื่องของการทำงาน และการจัดการชีวิต อะไรควรมาก่อน จากที่เราโหมงานจนไม่สนใจครอบครัว ตอนนี้ครอบครัวมาก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ทำงานหนักมาก ไม่มีเวลาไปสวีเดน แฟนต้องบินมา สุดท้ายพอวันหนึ่งทุกอย่างหยุดหมด สายการบินหยุด บินกลับบ้านไม่ได้ เพราะโรค ครอบครัวเราอยู่ตรงโน้น ตายมาทำไง คนที่ตายอยู่ตรงโน้นเราไม่ได้เห็น เราตายอยู่ตรงนี้เขาไม่ได้เห็น เห้ย...ไม่เอาแล้ว"

"อีกอย่างคือได้แง่คิดในเรื่องของเงินด้วย มีเงินทองมากมายตอนนี้ก็ไม่สามารถซื้อตัวเองให้รอดพ้นจากโควิดแล้วใช้ชีวิตปกติได้ จนกระทั่งแขไปเอาเสื้อวิ่งพี่ตูน บอดี้สแลม และเอาทุกอย่าง กระเป๋าแบรนด์เนมที่แขซื้อมา แขเอาไปประมูลแล้วบริจาคหมดเลย ตอนหยิบก็มีเสียดาย แต่ก็บอกตัวเองว่าห้ามยึดติด แล้วเงินที่ประมูลมาได้ก็บริจาคช่วยคนหมดเลย"






กำลังโหลดความคิดเห็น