xs
xsm
sm
md
lg

อยู่บ้านเฉยๆ จะอกแตกตาย "เกรซ" ขายของ ร้อง ไลฟ์ ได้ 2 แสนช่วยรพ. งาน-เงินช็อต ต้องปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เกรซ กาญจน์เกล้า" ยอมรับเกินคาด ขายของ ร้อง ไลฟ์ได้ 2 แสน นำเงินไปบริจาคให้รพ. ที่ผ่านมาพยายามหากิจกรรมทำในช่วงต้องหยุดอยู่บ้าน และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย บอกอยู่เฉยๆ ไม่ได้จะอกแตกตาย จะขายจนกว่าของจะหมดบ้าน พร้อมขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน รับห่วงคนหาเช้ากินค่ำ งาน-เงินช็อต ต้องปรับตัว

เป็นพี่น้องสาวสวยที่ล่าสุดก็เพิ่งทำกิจกรรมไลฟ์สดขายของในไอจี และนำเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลเพื่อนำไปใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ได้จำนวนเงินถึง 200,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับนางเอกสาว "เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า" และน้องสาวเสียงดีอย่าง "แกรนด์ กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า" ซึ่งสาวเกรซเผยว่า เป็นกิจกรรมที่คิดว่าช่วงจังหวะที่ได้อยู่บ้าน ก็อยากหาอะไรที่มีประโยชน์ทำด้วยเลย และไม่ได้คาดคิดหรือตั้งเป้ามาก่อนว่าเสียงตอบรับจะดีขนาดนี้

"ก็เกิดจากว่าเราอยากจะหาอะไรทำ ก็เลยชวนแกรนด์มาทำด้วยกัน ตามชื่อเลยค่ะ ขายของ ร้อง ไลฟ์ ก็คือขายของมือสองของเราด้วย ร้องเพลงไปประมูลไปให้ราคามันขึ้น (หัวเราะ) ก็ทำสนุกๆ ดีกว่าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ อยู่บ้านก็อยู่ให้มันเป็นประโยชน์ จัดของแล้วก็เลยรู้สึกว่าเราเอาของมาช่วยตรงนี้ดีกว่า เรากับน้องก็มาร้องเพลงเต้นกันสนุกๆ ก็ดีทำให้ตัวเองไม่เหงาด้วย"

"ไม่ได้ตั้งเป้า ไม่ได้คาดหวังไว้เลยค่ะ ตั้งราคากันสดๆ หน้างานตอนนั้นเลย เพราะว่าเร่งกันมาก อยากทำให้มันเร็วที่สุด คิดได้ปุ๊บก็ทำเลย ไม่ได้มีการตั้งเป้าว่าจะได้ยอดเท่าไหร่ แต่ก็พยายามหาของหลายๆ ชิ้นที่คิดว่าคนน่าจะชอบ อย่างตัวกระเป๋ายีนส์ Chanel boy ก็เป็นตัวที่เราชอบ ก็เลยคิดว่าคนอื่นต้องชอบแน่ๆ เลย คิดว่ามันน่าจะประมูลได้ แล้วก็ได้จริงๆ ก็ดีใจ"

บอกจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าของจะหมดบ้าน
"นี่ยังไม่หมดตู้นะคะ มีอีกแน่ๆ นี่ส่งกระเป๋าไปซักเรียบร้อยแล้วค่ะ (หัวเราะ) แต่ครั้งหน้าก็คงเป็นระบบมากขึ้นค่ะ เพราะว่าครั้งแรกที่ลองทำดูชั่วโมงแรกก็วุ่นวายนิดนึง เพราะปกติเป็นคนไม่ไลฟ์อยู่แล้ว แกรนด์ก็ไม่ค่อยไลฟ์ ครั้งนี้เราก็มาไลฟ์ด้วยกัน คือบรรยากาศไม่วุ่นวายหรอก แต่เทคนิคต่างๆ พวกสัญญาณหรือการปิดกั้นการมองเห็น ทำให้บางคนที่คอนเฟิร์มมา กด cf ราคามาตามกติกาแล้ว แต่เราดันไม่เห็น ก็มีคนคอมเมนต์ว่ามีคน cf แล้วนะ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่อาจจะแก้ยากนิดนึง เพราะว่ามันเป็นการปิดกั้นการมองเห็นสำหรับเฟซบุ๊ก ก็เลยอาจจะไม่สามารถเห็นได้ทุกคน ก็จะพยายามมากๆ เลยค่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นสะพานบุญให้ทุกคนได้ทำบุญร่วมกันกับของๆ เรา"

"ครั้งหน้าก็คงจะอารมณ์ประมาณนี้แหละค่ะ เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องมานั่งหาว่าเราจะสามารถเข้าถึงทุกคนได้ยังไง แต่บางคนก็บอกว่ามันไม่สามารถ ก็ไม่เป็นไร จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ ก็คิดว่าจะทำอีกสัก 2-3 ครั้งจนกว่าของจะหมดบ้านเลยค่ะ (หัวเราะ) ก็จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีอะไรจะใช้ ตอนแรกก็กังวลว่าร้านซักกระเป๋าจะเปิดหรือเปล่า แต่พอเช็กแล้วว่าเปิดก็เลยรีบส่งไปซัก แต่ของนี่ไม่ใช่มือสองอย่างเดียวนะคะ กระเป๋ามือหนึ่งก็เยอะที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้เลย ก็คิดว่าจะเอามาประมูลเอาเงินมาบริจาคทำบุญกันดีกว่า"

เผยเป็นกิจกรรมแรกที่ 2 พี่น้องได้ทำร่วมกัน และถือเป็นการมอบความสุขให้กับคนอื่นและตัวเองด้วย
"ของครั้งที่ผ่านมาเป็นของเกรซค่ะ แต่ครั้งต่อไปจะเป็นของแกรนด์ แต่คิดว่าจะเอาของตัวเองไปร่วมด้วยเหมือนกัน คือด้วยความที่เราคิดแล้วทำเลยมันก็ปุ๊บปั๊บรับโชคมาก หาของอะไรได้ก็ทำเลย แต่ครั้งหน้ายังไม่ได้คิดเลยว่าจะเอาไปบริจาคให้ที่ไหนค่ะ คงดูตามสถานการณ์ก่อน อย่างตอนนี้ที่บริจาคไปก็คือให้กรุงเทพฯ 2 ที่และให้ทางภาคใต้ 2 ที่ เพราะว่าทางภาคใต้ค่อนข้างหนัก ก็เลยเลือกให้กับโรงพยาบาลที่มียอดผู้ป่วยมากที่สุดก็คือยะลากับปัตตานีค่ะ"

"ซึ่งครั้งหน้าน่าจะเป็นวันที่ 7 หรือ 8 เม.ย. เพราะว่ารอกระเป๋ากับเสื้อผ้าซักเสร็จด้วย ต้องเอามาเช็กสภาพกันอย่างละเอียดนิดนึง อาจจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องของนี่แหละค่ะ เพราะถ้าเสร็จปุ๊บเราจะได้ส่งของได้เลย นี่ก็ลิสต์เพลงรอกันไว้แล้วว่าจะร้องเพลงอะไรกันบ้าง (หัวเราะ) นัดกับมือกีต้าร์ไว้แล้ว และทุกคนก็สามารถรีเควสเพลงกันเข้ามาได้นะคะ ให้มือกีต้าร์ซ้อมมาให้พร้อมแล้ว"

"เราแพ็กของกันเองด้วยค่ะ ก็ถือเป็นกิจกรรมที่พี่น้องได้ทำด้วยกัน เพราะปกติแล้วเราไม่ค่อยได้อยู่บ้านพร้อมหน้ากันเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างทำงาน พอได้อยู่ด้วยกันก็มีกิจกรรมทำร่วมกัน ก็ดีค่ะ สนุกดี คุณแม่ก็มาช่วยด้วย ทำให้เราอยู่บ้านแล้วก็ไม่เบื่อ เป็นการมอบความสุขให้กับคนอื่นและตัวเองด้วย (หัวเราะ) เราก็สบายใจว่าเรามีอะไรทำที่เป็นประโยชน์ เพราะเราก็ไม่ชินนะกับการที่อยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยคิดว่าใช้ประโยชน์ตรงนี้สิ่งที่เราสามารถทำได้ เอาของที่เรามีออกมาหาเงินไปบริจาคดีกว่า"

บอกเป็นคนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ อกจะแตกตาย ต้องหากิจกรรมทำกันไปแก้เบื่อ
"เกรซอยู่บ้านเต็มๆ มา 5 วันได้แล้วค่ะ ที่ไม่มีแว๊บไปทำธุระที่ไหนเลยนะคะ คืออกจะแตกตาย อยู่บ้านได้แค่ 2 วันก็ต้องออกมาทำแคมเปญนี้แล้วคิดเอาแล้วกัน (หัวเราะ) คืออยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้จริงๆ อกจะแตกตาย แล้วเกรซก็จะหาวิธีออกกำลังกายโดยใช้อุปกรณ์ในบ้านนี่แหละ คือไม่ต้องจริงจังถึงขนาดมีอุปกรณ์จริงๆ ก็ได้ นึกได้ก็ทำ กินข้าวเสร็จสัก 20-30 นาทีนึกได้ก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เตะขาบ้าง หาขอบโต๊ะยกแขน ยกขาไปบ้าง เล่นกล้ามหน้าท้องบ้าง คือมันสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่แหละ"

"แต่ถ้าต้องอยู่บ้านนานกว่านี้นะ เกรซคิดว่าคงจะจ้างเชฟมาช่วยสอนทำอาหาร อยากลองทำดู เพราะชีวิตทุกวันนี้ตื่นมาก็จะคิดว่าวันนี้จะกินอะไรดี เหมือนมีชีวิตอยู่เพื่อรอการกินว่าเราจะกินอะไรดีในแต่ละมื้อ เราจะสั่งอะไรอร่อยๆ มาทานดี คือก่อนหน้านี้เอาจริงๆ ไม่เคยคิดอยากจะทำอาหารเลย แค่คิดก็รู้แล้วว่าต้องพังแน่ๆ ถ้าไม่มีคนคุมก็คือไม่รอด เคยลองช่วยคุณแม่ทำตอนเด็กๆ นะ อารมณ์อยากรู้อยากเห็น แต่มันไม่เวิรกค่ะ มันไม่ใช่ทางของเรา คนเราไม่จำเป็นต้องทำได้ทุกอย่างหรอก ก็ต้องมีบ้างที่เราทำไม่ได้ (หัวเราะ)"

"ก็เว้นไว้สักอย่างที่เราไม่ถนัดแล้วกัน ถนัดชิมอย่างเดียว คือเรารู้ว่ารสชาติว่ามันประมาณไหน ก็เลยอยากมีเชฟมาช่วยสอน อย่างน้อยมีความสามารถพิเศษขึ้นอีกอย่างนึงขณะที่อยู่บ้านก็เป็นเรื่องที่ดีนะ อยากจะหาอะไรทำที่มันมีประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอันได้บ้าง แต่ก็ต้องเช็กอีกค่ะว่าเชฟที่เราจะหามาเขามีความเสี่ยงอะไรยังไงไหม ก็อาจจะหาเชฟที่รู้จักกัน หรืออาจจะเป็นเชฟคุณแม่นี่แหละที่จะสอนเราได้ (หัวเราะ)"

เผยสงสารและเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ กลับบ้านต่างจังหวัดก็อาจจะเป็นพาหะกลับไปติดพ่อกับแม่ก็ได้
"ตอนนี้พอฟังข่าวเยอะๆ ถ้าต้องออกไปข้างนอกจริงๆ มันก็ระแวงมากขึ้นนะคะ แต่ออกไปข้างนอกตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรให้ทำ เว้นแต่ว่าออกไปซื้อของจำเป็นจริงๆ หรือยกเว้นว่าต้องออกไปทำงานของเรา อย่างอีก 2 วันเกรซจะต้องออกไปร้องเพลงให้กำลังใจ ก็ต้องไปห้องอัด ต้องไปถ่ายภาพ เก็บภาพ แต่ศิลปินแต่ละคนก็แยกๆ กันมานะคะ ถือว่าเราออกไปทำงานเพื่อส่วนรวมก็โอเค ก็เตรียมป้องกันตัวเองอย่างดีค่ะ"

"เอาจริงๆ เกรซรู้สึกสงสารคนที่เขาหาเช้ากินค่ำมากกว่า หรือคนที่เขาไม่มีเงินเก็บ แล้วคนที่เขาไม่มีงานทำ แต่ก็ต้องกลับต่างจังหวัด กลับไปหาคนที่รักโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นคนไปแพร่เชื้อให้กับคนที่เขารักหรือเปล่า อย่างกลับบ้านไปหาพ่อแม่ แล้วพ่อแม่แก่แล้ว ถ้าพ่อแม่ได้รับเชื้อก็จะหายยากกว่าพวกเราวัยทำงาน นี่คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า พอดูข่าวก็รู้สึกสะท้อนใจตรงนั้นมากกว่าว่าเขาก็น่าสงสาร น่าเห็นใจ"

บอกขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และคนไทยทุกคน รวมถึงทั่วทั้งโลกด้วย
"ก็อยากจะขอให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์มากๆ เลยจริงๆ นะคะ เพราะว่าเขาต้องออกไปเสี่ยงทุกวัน การทำงานในทุกๆ วันของเขามีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดคนที่เขารักที่บ้านได้ อันนี้คือความเสียสละที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลย ก็อยากจะขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และขอให้คนไทยทุกๆ คนผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ไม่ใช่แค่คนไทยอย่างเดียวนะคะ คือทั้งโลกเลย มันไม่มีใครที่ไม่ได้รับผลกระทบ งาน เงินทุกอย่างก็ช็อตไปหมด เราเองก็ต้องปรับตัว ต้องหาวิธีว่าจะทำยังไงให้มันเข้ากับสถานการณ์พวกนี้ให้ได้ มันเหมือนเป็นบททดสอบอีกบทหนึ่งที่ให้เราต้องข้ามผ่านไปให้ได้"

"แต่ก็ยังดีใจนะ พอเมืองไทยเราไม่ว่าจะเหตุการณ์อะไรก็ตามคนไทยเราจะลุกขึ้นมาช่วยกัน นี่คือสิ่งที่โซเชียลซัปพอร์ตกัน ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่การบูลลี่ ไม่ได้มีแค่ความขบขันไปวันๆ แต่เรามีการซัปพอร์ตและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คนไทยไม่เคยทิ้งกันค่ะ ช่วยเหลือกันตลอด อันนี้คือข้อดีที่เห็นในวิกฤตทุกๆ ครั้งค่ะ ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้กัน ช่วยเหลือกัน ก็จะทำเท่าที่ทำได้ อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสามารถทำได้เราก็จะทำค่ะ"



















กำลังโหลดความคิดเห็น