หลังจากที่เกิดโรควิบัติ COVID-19 ไปทั่วโลกจนเข้าสู่ขั้นวิกฤติอยู่ในขณะนี้ วัฒนธรรมการทักทายทางฝั่งตะวันตก นับเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจับมือรวมไปถึงการกอดและจูบที่แก้ม ล่าสุดสื่ออังกฤษให้ความสนใจเมื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งในอังกฤษ ได้สอนเด็กๆให้ทักทายกันแบบใหม่โดยใช้วิธีการไหว้แบบไทย
สื่อเมืองผู้ดีได้อธิบายถึงลักษณะท่าทางการไหว้ที่โรงเรียน Brighton College ใช้ทักทายกันขณะนี้ว่า เด็กๆจะทักทายผู้ใหญ่ที่มาเยือนด้วยการยกมือขึ้นพนมประสานกันเหมือนการอธิษฐานพร้อมกับก้มศีรษะ เพื่อแสดงความเคารพ
จอห์น วีคส์ ครูใหญ่ของ Brighton College Prep School ได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า “เรามักจะสอนเด็กๆเสมอว่าให้ทักทายผู้อื่นด้วยการจับมือ แนะนำตนเองอย่างสุภาพและยิ้ม เราไม่อยากจะเสียวิธีการต้อนรับที่แสนอบอุ่นนั้นไป เราจึงได้ถามเด็กไทย 3 คนที่ศึกษาอยู่ที่นี่ให้อธิบายว่าการไหว้แบบไทยต้องทำยังไงซึ่งจะเป็นโมเดลที่เรานำมาใช้ทักทายกันในวันข้างหน้า เพราะเราก็ต้องหาวิธีในแบบของเราเพื่อช่วยลดการเผยแพร่ไวรัสให้น้อยลง”
เขายังเผยด้วยว่ากฎใหม่ที่ถูกตั้งขึ้นมานี้จะช่วยป้องกันผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมเยือนโรงเรียนได้ “เด็กๆไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนักจากโคโรนาไวรัส แต่ผู้ใหญ่และผู้อาวุโสคือคนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสตัวนี้หนักกว่า นั่นหมายความว่าทางโรงเรียนประถมต้องรับผิดชอบในการหาวิธีที่สนุก เสริมสร้างจินตนาการ เพื่อทำให้เด็กๆได้ตระหนักว่าการวิ่งไปกอดและหอมคุณย่าคุณยาย อาจจะเป็นการแพร่กระจายไวรัสให้ระบาดเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”
เรียกได้ว่า ทั่วโลกตระหนักแล้วว่าการจับมือทักทายกันน่าจะเป็นการยิ่งเพิ่มการแพร่กระจายของโคโรนาไวรัสให้มากยิ่งขึ้น โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แองเจลา มาร์เคล นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน ก็ต้องยื่นมือเก้อหลังจากพยายามจะทักทาย ฮอร์สท์ ซีฮอฟเฟอร์ รัฐมนตรีมหาดไทย แต่ถูกเขาปฏิเสธ
“เด็กโตจะเข้าใจได้ง่ายกว่าเกี่ยวกับความสำคัญของการล้างมือบ่อยๆเป็นประจำ และพยายามที่จะไม่สัมผัสมือกัน รวมถึงการเอามือมาจับใบหน้า แต่เด็กในวัย 6 หรือ 7 ปี มักจะลืมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะฉะนั้นความไม่ตั้งใจเหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้ผู้อาวุโสตกอยู่ในความเสี่ยง”
“การเรียนรู้เกี่ยวกับการไหว้ ก็จะทำให้พวกเขาจำได้ว่าทำไมถึงต้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทดแทนการกอดญาติผู้ใหญ่ด้วยการทำความเคารพด้วยวิธีที่น่ารักๆแบบนี้แทน”
ถ้าไม่จับมือกัน จะทำอะไรได้บ้าง?
ที่จีนได้มีการประกาศส่งเสริมให้ประชาชนได้ทักทายกันด้วยการคารวะแบบจีน โดยนำกำปั้นชนกับฝ่ามืออีกด้าน หรือที่เห็นกันบ่อยๆในการทำความเคารพแบบกังฟู
ฟิลิปเป ลุคชท์ฟูว์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมารยาทของฝรั่งเศสได้เผยว่า ประชากรของประเทศควรต้องแทนการจูบที่แก้มด้วยการมองลึกเข้าไปในตาเพื่อทักทาย
ส่วนเทศกาลในช่วงฤดูใบไม้ผลิของชาวโรมาเนีย จะมีประเพณีที่ผู้ชายแจกด้ายและดอกไม้พร้อมกับจูบไปที่ของเหล่านี้ก่อนมอบให้ผู้หญิง ซึ่งก่อนจะถึงเทศกาล ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา เนลู ตาตารู เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาบอกชาวโรมาเนียว่า “เชิญมอบดอกไม้ให้สาวๆได้เลยแต่ไม่ต้องจูบลงไปนะ”
ส่วนโรงเรียนบางแห่งของ นิวซีแลนด์ ได้สั่งห้ามไม่ให้ชาวเมารีทำการทักทายกันแบบฮองงิ ( การนำจมูกมาชนกันเพราะเชื่อว่า ลมหายใจเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ และยังตีความได้ว่าเป็นการแบ่งปันจิตวิญญาณของทั้งสองฝ่าย ) โดยสถาบันเทคโนโลยีเวลลิงตัน หรือ เวลเทค ได้เผยว่า แทนที่สตาฟฟ์จะทักทายนักศึกษาใหม่ด้วยการฮองงิ ให้จัดพิธีต้อนรับด้วยการใช้เพลงเมารีแทน
ในออสเตรเลีย แบรด ฮาซสาร์ด รัฐมนตรีสาธารณสุข แนะนำให้ทักทายด้วยการแตะที่หลัง “มันถึงเวลาที่ชาวออสซี่ต้องตบหลังกันและกันในเวลาเช่นนี้ ห้ามจับมือ”
ส่วนทางด้าน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และ กาตาร์ ได้แนะนำประชาชนให้โบกมือทักทายกันแทนประเพณีการชนจมูกทักทายด้วย