"วาคีน ฟีนิกซ์" ใช้โอกาสหลังได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม กล่าวเรียกร้องสิทธิ์ให้กับธรรมชาติ, สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ที่เขาเรียกว่าเป็น "ผู้ไร้เสียง" ที่ถูกเอามนุษย์เอาเปรียบมาอย่างยาวนาน
"ผมคิดเรื่องที่น่าวิตกนี้มาเยอะมาก กับสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่พร้อม ๆ กันในขณะนี้ ผมคิดในบางคร้ังเราต่างรู้สึกไป หรือถูกทำให้รู้สึกว่าเราสนับสนุนในประเด็นที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับผมแล้ว ผมเห็นว่ามันมีจุดร่วมกันอยู่" ฟีนิกซ์ กล่าวกับคนในงาน
"สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ, การเหยียดเชื้อชาติ, สิทธิของเกย์, สิทธิคนกลุ่มน้อย หรือสิทธิสัตว์ ทั้งหมดเรากำลังพูดถึงการต่อสู้กับความอยุติธรรม เรากำลังพูดถึงการต่อสู้กับความเชื่อที่ว่าชาติหนึ่งชาติใด, คนใดคนหนึ่ง, เผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง หรือ หรือสปีชี่ใดสปีชี่หนึ่ง มีสิทธิที่จะครอบครอง, ควบคุม, ใช้สอย หรือเอาเปรียบผู้อื่น โดยสิ้นเชิง"
นักแสดงวัย 45 ปี ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียกร้องสิทธิสัตว์มานาน เขายังอยู่เบื้องหลังการผลักดันให้งานลูกทองคำที่ผ่านมาเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติด้วย ในงานออสการ์ วาคีน ยังบอกอีกว่ามนุษย์เราเริ่มจะ "ห่างจากโลกธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ เรามุ่งหน้าสู่โลกธรรมชาติ และปล้นทรัพยากรออกมาเท่านั้น"
"เรารู้สึกว่าเป็นสิทธิที่จะเพาะพันธุ์วัวขึ้นมา และเมื่อออกลูกเราก็ขโมยลูกของวัวไป แม้ว่าวัวจะร้องไห้ด้วยความปวดร้าวก็ตาม แล้วเราก็ยังเอานมที่วัวตั้งใจให้ลูกกินไปอีก เราเอาใส่ในกาแฟ ใส่ในอาหารเช้า"
นักแสดงยอดฝีมือบอกว่าสุดท้ายมนุษย์ก็เลือกที่จะทำแบบนี้ต่อไป เพียงเพราะไม่อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเท่านั้น "เรากลัวที่จะต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะคิดว่าเราจะสูญเสียอะไรไป แต่จริง ๆ แล้ว มนุษยชาติทั้งสร้างสรรค์, เจ้าคิด, มีความคิดแยบยล มากที่สุดอยู่แล้ว ผมคิดว่าหากเราใช้ความรัก และความเห็นอกเห็นใจเป็นเครื่องชี้นำ เราสามารถพัฒนา และค้นหาระบบที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างสิ่งอย่างเหล่านี้ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์จะตกอยู่กับทุกคน และสิ่งแวดล้อมของเราด้วย"
คำพูดของ วาคีน ได้รับเสียงชมจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเหล่าองค์กรเอกชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมถึง PETA ที่ทวิตข้อความว่า "ปากค้าง!!!" เมื่อได้รับฟังสุนทรพจน์หลังคว้าออสการ์ของเขา