xs
xsm
sm
md
lg

งานหด “พัดชา” เครียดร้องไห้คุมตัวเองไม่ได้ สัญญากับแฟนคลับจะไม่ทำร้ายตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พัดชา” เครียดจนซึมเศร้า หลังงานหดแต่ภาระมากขึ้นกว่าเดิม เผยอยู่ในภาวะอารมณ์ดิ่ง ไม่มีสมาธิทำอะไร ร้องไห้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ดีขึ้น 60-70 % ขอบคุณแฟนกับแม่ที่ทำให้ผ่านจุดนั้นมาได้

ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการงานร้องเพลงที่ลดน้อยลงไป พร้อมกับตัดพ้อชีวิต ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง “พัดชา เอนกอายุวัฒน์” ที่ตกอยู่ในสภาวะเครียดและอาจทำร้ายร่างกายตัวเอง พัดชาได้มาร่วมชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ และพิธีมอบถ้วยรางวัลรายการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย “All Asia Cup 2020” ครั้งที่ 5 ณ สนาม วีเอส สปอร์ตคลับ ก็ได้พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นอารมณ์ดิ่งร้องไห้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีสมาธิทำอะไรเลย สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้น 60-70 เปอร์เซ็นต์

“ก็คือเหมือนเป็นช่วงดาวน์ๆ เป็นช่วงที่งานไม่เยอะ แล้วเราก็โตแล้วเริ่มเห็นความจริงว่า ชีวิตจริงมันมีเรื่องต้องคิดเยอะ พอเรามาเผชิญโลกความจริง มันก็ต้องมีช็อคบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด สิ่งที่เรารักที่สุดทั้งหมดมันรวมอยู่ในการเป็นนักร้องหมดเลย การได้ร้องเพลงได้เจอคนได้มีผลงาน แม้แต่การสร้างความสุขสำหรับเรามันยังเป็นการร้องเพลง พอเราต้องมานึกว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยนอาชีพหรือเปล่า ณ ตอนนั้นด้วยความเป็นจริงเมื่อมันไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ดีเท่าเดิม ในขณะที่เราต้องดูแลหลายๆ อย่างมากขึ้น ภาระมันมากขึ้น ก็มาคุยกับตัวเองว่า เราไม่สามารถที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้แล้วหรือเปล่า”

“มันไม่ได้ถึงขนาดยากแค้นนะ มันเหมือนอกหักอ่ะ มันเป็นเรื่องความรู้สึกล้วนๆ ถามว่า ทำอะไรอย่างอื่นเลยไม่ได้เหรอ ก็ไม่ใช่นะ จริงๆ ทำอย่างอื่นได้ แต่ถามว่ารู้สึกแย่เสียใจเศร้าดิ่งไหม มันเหมือนอกหักเลย มันเหมือนเราจากสิ่งที่รัก”

เครียดจนซึมเศร้า ให้คำสัญญากับแฟนๆ ว่า จะไม่ทำร้ายตัวเอง
“พยายามเช็คตัวเองตลอด ก็กลัวเหมือนกันว่า ดิ่งแล้วมันจะไม่ขึ้นหรือเปล่า ก็เป็นแค่ภาวะซึมเศร้าค่ะ ไม่ได้ถึงขนาดจะต้องทานยา แต่ ณ ระหว่างนั้นมันก็มีช่วงที่โอเคฉันควรจะต้องพัก ไม่ได้ถึงขนาดไปพบแพทย์ แต่ว่าก็เป็นคนสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็จะถามจากคนรอบข้างที่เป็นโรคซึมเศร้า เช็คตัวเองว่าเราอยู่ระดับไหนแล้ว แล้วก็พยายามหาวิธีที่จะดูแลตัวเองแล้วมันก็ดีขึ้น แต่ว่าจริงๆ แล้วโพสต์ในอินสตาแกรมถัดมาเราก็สัญญากับแฟนคลับแล้วว่า จะไม่ทำร้ายตัวเอง แล้วถ้าสมมติว่าดิ่งอีกจะไปหาหมอแน่นอน ช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วงที่โอเคทรงตัวได้ คือบางทีเราก็รู้สึกว่า เราต้องให้เวลาให้ตัวเองเศร้าบ้าง คือรู้สึกว่าถ้าต้องออกหน้ากล้องแล้วต้องร่าเริงตลอดเวลา มันตรงข้ามกับข้างในของเรา มันก็เลยเหมือนเก็บไว้เยอะ แล้วมันก็บึ้มกลายเป็นโกโก้ครั้น”

ตอนนี้งานมีมาเป็นระยะๆ ไม่ได้มากเท่ากับเมื่อก่อน กำลังมองหาแนวทางการทำอาชีพใหม่
“มีงานเป็นระยะๆ แต่ถามว่ามันมีในระดับแบบเท่าคนที่มีเรตติ้งสูงๆ ช่วงนั้นไหม ก็คือไม่ใช่หรอก ก็มีน้อยแหละถ้าเทียบกับคนอื่นและเทียบกับเมื่อก่อน เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่เราคิดล่วงหน้าแล้วก็กังวล ถ้าต่อไปมันน้อยกว่านี้อีกเราจะยังไง เราต้องเตรียมตัวจะมานั่งว่า ไม่ ฉันจะต้องร้องเพลงตลอดไปมันไม่ได้ หลังจากนั้นพอเราดูแลตัวเองดีขึ้น ก็คุยกับที่บ้าน คุยกับพี่ปิงปอง คุยกับตัวเองว่า เรายังมีอาชีพไหนที่เราจะไปต่อได้บ้าง หรือเราจะลงทุนอีกครั้งเรียนต่อ ตอนนี้ก็เริ่มมองในภาพเป็นจริงว่า เราจะสามารถที่จะรอได้อีกนานแค่ไหน ยังรู้สึกว่า ยังทรงตัวยืดระยะเวลาไปอีกนิดหนึ่ง”

อาการหนักถึงขั้นตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิทำอะไร ร้องไห้ควบคุมตัวเองไม่ได้
“อยู่บ้านแล้วฝังตัวเอง (หัวเราะ) ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกตัดทุกอย่าง อยากเล่นเกมส์ก็เล่นไปเลย แล้วก็คอยเช็คตัวเอง เพราะตอนนั้นมันเป็นหนักในระดับกินก็ไม่ได้ อยากนอนมากเลยรู้สึกเพลียตลอดแต่ก็นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิทำอะไรไม่ได้เลย อ่านหนังสือไม่ได้ ดูหนังก็ไม่รู้เรื่อง แล้วพอเจออะไรกระทบเข้าหน่อยก็ร้องไห้ ร้องแบบควบคุมไม่ได้”

“ปิงปอง ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์” แฟนของ “พัดชา” และคุณแม่คือคนที่ทำให้พ้นจากช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้
“เราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน(หัวเราะ) เพราะว่าคนที่อยู่รอบข้าง เขาก็ต้องดีลกับอารมณ์ของเรา แล้วเราก็ไม่มีพลังงานที่จะไปอธิบายเขาได้ว่าไม่ต้องห่วง แต่พี่ปิงปองเขาเป็นผู้ใหญ่มากพอ เป็นคนสำคัญจริงๆ พี่ปิงปองกับแม่สองคนที่ทำให้เราพ้นจากตรงนั้นมาได้ เพราะเขาเข้าใจ เขารู้ว่าเราไม่หนีไปตายที่ไหน เราแค่ต้องการช่วงเวลาที่พักไม่คุย ไม่ต้องถามว่าเป็นอะไร ทุกวันก็จะทักว่าเมื่อคืนนอนได้ 3 ชั่วโมงแล้วนะ วันนี้กินได้ แล้ววันแรกที่กลับมารู้สึกว่าอยากจะกินบางอย่าง วันแรกที่หิวก็ดีใจมาก”

“สภาพจิตใจตอนนี้เต็มร้อยก็ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ซึ่งมันดีมันทำงานได้ค่ะ แล้วเรารู้แล้วว่า เวลารู้สึกไม่ค่อยดีหรืออ่อนไหว เราจะเลี่ยงอะไร แล้วชีวิตมันก็จะง่ายขึ้นค่ะ มันทำให้มองโลกเปลี่ยนไปด้วย 2 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้กลับไปอยู่จุดนั้นแล้ว แค่เฉียดๆ แต่ทุกอย่างก็โอเค แต่เรารู้อยู่ว่าเดี๋ยวมันจะต้องมา เพราะจะมีช่วงที่ได้เจอเพื่อนเยอะ เพราะมันเป็นช่วงปีใหม่ด้วย เราก็จะได้เจอเพื่อน ก็มีความสุขจังเลยได้เจอเพื่อน แต่พอกลับมาบ้าน ก็ดาวน์ว่าทำไมกลับมาอยู่คนเดียวอีกแล้ว แต่ก็โอเคแหละพ้นมาได้”












กำลังโหลดความคิดเห็น