โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
การประกาศผลรางวัลแกรมมีครั้งที่ 63 ปีนี้ (2020) แม้บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความเศร้าต่อการจาไปของ “โคบี ไบรอันต์” ยอดนักบาสเก็ตบอลชื่อก้องโลก แต่ก็มีศิลปินในยุทธจักรวงการเพลงตลบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
สำหรับซุปตาร์ที่สปอร์ตไลท์โฟกัสส่องฉายไปมากที่สุดในปีนี้ คงจะหนีไม่พ้น “บิลลี ไอลิช” (Billie Eilish) สาวน้อยมหัศจรรย์คนใหม่แห่งวงการเพลง ผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุด (17 ปี) ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 6 สาขา
ครั้นเมื่อการประกาศผลรางวัลสิ้นสุดลง สาวน้อยบิลลีที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในงาน ก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เธอสามารถคว้ารางวัลแกรมมีใน 4 สาขาหลักไปครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สำหรับรางวัลแกรมมี่ 4 สาขาหลัก ที่สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้คว้าไปครองก็คือ อัลบั้มแห่งปี (Album Of The Year) - “When We All Fall Asleep, Where Do We Go?” บทเพลงแห่งปี (Song Of The Year) - “Bad Guy” บันทึกเสียงแห่งปี (Record Of The Year) -“Bad Guy” และ ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี (Best New Artist)
นอกจากนี้บิลลียังได้รางวัล อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม (Best Pop Vocal Album) - When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ส่วนที่พลาดไปคือ รางวัลศิลปินเพลงป็อปยอดเยี่ยมที่ “ลิซโซ” คว้าไปครอง
อย่างไรก็ดีแกรมมีปีนี้ สาวน้อยบิลลี สามารถกวาดไปได้ 5 รางวัล จากการเข้าชิง 6 รางวัล แถมเป็นรางวัลใหญ่ถึง 4 รางวัล ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงโลก ด้วยการเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มีอายุน้อยที่สุด (18 ปี) ที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ 4 สาขาหลักไปครองได้ในรอบเกือบ 40 ปี!
โดยก่อนหน้านี้ในปี 1981 เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว “Christopher Cross” คือศิลปินชายคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ใน 4 สาขาหลักไปครองเช่นเดียวกับบิลลี คือ อัลบั้มแห่งปี, บทเพลงแห่งปี, บันทึกเสียงแห่งปี และ ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี
บิลลีกล่าวแสดงความรู้สึกเมื่อขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีว่า “มีเพลงอื่น ๆ มากมายที่คู่ควรกับรางวัลนี้ ฉันขอโทษนะคะ ต้องขอบคุณมากมาย นี่คืองานแกรมมีอวอร์ดส์ครั้งแรกของฉัน ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นในชีวิตฉัน ฉันโตมากับการดูงานประกาศรางวัลนี้เลย”
นอกจากนี้บิลลี ยังระบุว่า ตนเองรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รางวัลใหญ่แซงหน้าศิลปินชื่อดังมากมายทั้งเลดี้ กาก้า, เทย์เลอร์ สวิฟต์ ฯลฯ
“ฉันอยากบอกว่าฉันซาบซึ้งมากและเป็นเกียรติมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ท่ามกลางพวกคุณทุก ๆ คน ฉันรักพวกคุณมากจริง ๆ ฉันโตมากับการดูพวกคุณทั้งหมดเลย นี่คือเรื่องใหญ่มาก ๆ สำหรับฉัน เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้รับทั้งหมดนี่ ฉันชอบทุกเพลงที่เข้าชิงเลยนะคะ ส่วนเราแค่ทำเพลงกันเองในห้องนอน เรายังคงทำแบบนั้นอยู่ และพวกเขาก็อนุญาตให้เราทำ นี่คือสิ่งที่อยากบอกไปยังเด็ก ๆ ทุกคนที่ตอนนี้กำลังทำเพลงหรือสนใจด้านดนตรีอยู่ ว่าพวกเขาก็จะได้รางวัลแบบนี้เหมือนกัน”
สำหรับบิลลี ไอลิช ถูกยกย่องให้เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์คนใหม่แห่งวงการเพลง เธอมีชื่อเต็มว่า “บิลลี ไอลิช ไพเรต เบร์ด โอคอนเนลล์” (Billie Eilish Pirate Baird O'Connell) โดยคำว่า “ไอลิช” นั้น มาจากภาษาไอริช ที่หมายความว่า “เอลิซาเบธ”
บิลลี ไอลิช เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2001 เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช-สกอตติช ที่เติบโตขึ้นมาในแถบไฮแลนด์ปาร์กของเมืองที่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางวงการบันเทิงอย่างลอสแอนเจลิส
บิลลีเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวศิลปิน เธอจึงได้ซึมซับความเป็นศิลปินมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มฝึกร้องเพลงตั้งแต่ 8 ขวบ ด้วยการเข้าร่วมวง Los Angeles Children’s Chorus (LACC) ซึ่งเป็นคณะร้องเพลงประสานเสียงสำหรับเด็กของเมืองลอสแอนเจลิส
จากนั้นบิลลีเมื่อมีอายุได้ 11 ขวบ บิลลีได้ลงมือเขียนเพลงและร้องเพลงแรกของตัวเอง คือ “Fingers Crossed” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซอมบี้ โดยเธอได้แรงบัลดาลใจมาจากซีรีส์เรื่อง The Walking Dead ซึ่งหลังจากนั้นในปี 2016 เพลงนี้ได้ถูกปล่อยออกมาผ่านช่องทางสตรีมมิงอย่าง SoundCloud
ในปี 2016 เช่นกัน บิลลีออกซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการคือ “Ocean Eyes” (แต่งโดย ฟินเนียส์ โอ คอนเนล พี่ชายและโปรดิวเซอร์ของบิลลี) โดยเผยแพร่ทางซาวด์คลาวด์ ก่อนที่ต่อมาซิงเกิ้ลนี้จะออกวางขายอีกครั้งภายใต้สังกัดดาร์กรูมและอินเทอร์สโคปเรคอร์ด
Ocean Eyes เป็นบทเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถแจ้งเกิดให้กับบิลลีอย่างเต็มตัว จากนั้นเธอได้ออกอัลบั้มอีพี “Don’t Smile at Me” ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกของบิลลี ไอลิช
อีพี Don’t Smile at Me มีบทเพลงเด่น ๆ อย่าง Copycat, Bellyache, My Boy, idontwannabeyouanymore และ Ocean Eyes เอาไว้ ซึ่งตัวอัลบั้มนั้นสามารถไต่ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ของชาร์ตบิลบอร์ด 200 (Billboard 200)
มาในปีนี้ 2020 บิลลีออกสตูดิโออัลบั้มเต็มคือ ”When We All Fall Asleep, Where Do We Go?” ซึ่งสามารถพุ่งทะยานขึ้นไปครองอับดับ 1 บนบิลบอร์ด 200 รวมถึงในสหราชอาณาจักร แคนาดาและออสเตรเลีย
โดยมี 4 ซิงเกิ้ลในอัลบั้มชุดนี้ที่ติดใน 40 อันดับของอเมริกา คือ "When the Party's Over", "Bury a Friend", "Wish You Were Gay", และ "Bad Guy"
สำหรับแนวเพลงของบิลลีนั้น มีจุดเด่นคือเป็นบทเพลงป็อบ อิเล็กทรอนิกส์ป็อบ ที่มีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เต็มไปด้วยความหม่นเศร้า ล่องลอย เข้ากับเทรนด์เพลงร่วมสมัยในยุคนี้
ด้วยชื่อเสียง เงิน และกล่อง วันนี้บิลลี ไอลิช ได้ก้าวขึ้นมาสู่ซุปเปอร์สตาร์หญิงเบอร์ต้น ๆ ของโลก ยิ่งการที่เธอสร้างประวัติศาสตร์ เป็นศิลปินหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมีครั้งที่ 63 (2020) ใน 4 สาขาหลักไปครอง นี่ยิ่งตอกย้ำว่า...
บิลลี ไอลิช คือ “สาวน้อยมหัศจรรย์” อีกคนหนึ่งแห่งยุทธจักรวงการเพลงในปัจจุบัน
การประกาศผลรางวัลแกรมมีครั้งที่ 63 ปีนี้ (2020) แม้บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความเศร้าต่อการจาไปของ “โคบี ไบรอันต์” ยอดนักบาสเก็ตบอลชื่อก้องโลก แต่ก็มีศิลปินในยุทธจักรวงการเพลงตลบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
สำหรับซุปตาร์ที่สปอร์ตไลท์โฟกัสส่องฉายไปมากที่สุดในปีนี้ คงจะหนีไม่พ้น “บิลลี ไอลิช” (Billie Eilish) สาวน้อยมหัศจรรย์คนใหม่แห่งวงการเพลง ผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุด (17 ปี) ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 6 สาขา
ครั้นเมื่อการประกาศผลรางวัลสิ้นสุดลง สาวน้อยบิลลีที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในงาน ก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เธอสามารถคว้ารางวัลแกรมมีใน 4 สาขาหลักไปครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สำหรับรางวัลแกรมมี่ 4 สาขาหลัก ที่สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้คว้าไปครองก็คือ อัลบั้มแห่งปี (Album Of The Year) - “When We All Fall Asleep, Where Do We Go?” บทเพลงแห่งปี (Song Of The Year) - “Bad Guy” บันทึกเสียงแห่งปี (Record Of The Year) -“Bad Guy” และ ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี (Best New Artist)
นอกจากนี้บิลลียังได้รางวัล อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม (Best Pop Vocal Album) - When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ส่วนที่พลาดไปคือ รางวัลศิลปินเพลงป็อปยอดเยี่ยมที่ “ลิซโซ” คว้าไปครอง
อย่างไรก็ดีแกรมมีปีนี้ สาวน้อยบิลลี สามารถกวาดไปได้ 5 รางวัล จากการเข้าชิง 6 รางวัล แถมเป็นรางวัลใหญ่ถึง 4 รางวัล ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงโลก ด้วยการเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มีอายุน้อยที่สุด (18 ปี) ที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ 4 สาขาหลักไปครองได้ในรอบเกือบ 40 ปี!
โดยก่อนหน้านี้ในปี 1981 เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว “Christopher Cross” คือศิลปินชายคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ใน 4 สาขาหลักไปครองเช่นเดียวกับบิลลี คือ อัลบั้มแห่งปี, บทเพลงแห่งปี, บันทึกเสียงแห่งปี และ ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี
บิลลีกล่าวแสดงความรู้สึกเมื่อขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีว่า “มีเพลงอื่น ๆ มากมายที่คู่ควรกับรางวัลนี้ ฉันขอโทษนะคะ ต้องขอบคุณมากมาย นี่คืองานแกรมมีอวอร์ดส์ครั้งแรกของฉัน ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นในชีวิตฉัน ฉันโตมากับการดูงานประกาศรางวัลนี้เลย”
นอกจากนี้บิลลี ยังระบุว่า ตนเองรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รางวัลใหญ่แซงหน้าศิลปินชื่อดังมากมายทั้งเลดี้ กาก้า, เทย์เลอร์ สวิฟต์ ฯลฯ
“ฉันอยากบอกว่าฉันซาบซึ้งมากและเป็นเกียรติมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ท่ามกลางพวกคุณทุก ๆ คน ฉันรักพวกคุณมากจริง ๆ ฉันโตมากับการดูพวกคุณทั้งหมดเลย นี่คือเรื่องใหญ่มาก ๆ สำหรับฉัน เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้รับทั้งหมดนี่ ฉันชอบทุกเพลงที่เข้าชิงเลยนะคะ ส่วนเราแค่ทำเพลงกันเองในห้องนอน เรายังคงทำแบบนั้นอยู่ และพวกเขาก็อนุญาตให้เราทำ นี่คือสิ่งที่อยากบอกไปยังเด็ก ๆ ทุกคนที่ตอนนี้กำลังทำเพลงหรือสนใจด้านดนตรีอยู่ ว่าพวกเขาก็จะได้รางวัลแบบนี้เหมือนกัน”
สำหรับบิลลี ไอลิช ถูกยกย่องให้เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์คนใหม่แห่งวงการเพลง เธอมีชื่อเต็มว่า “บิลลี ไอลิช ไพเรต เบร์ด โอคอนเนลล์” (Billie Eilish Pirate Baird O'Connell) โดยคำว่า “ไอลิช” นั้น มาจากภาษาไอริช ที่หมายความว่า “เอลิซาเบธ”
บิลลี ไอลิช เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2001 เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช-สกอตติช ที่เติบโตขึ้นมาในแถบไฮแลนด์ปาร์กของเมืองที่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางวงการบันเทิงอย่างลอสแอนเจลิส
บิลลีเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวศิลปิน เธอจึงได้ซึมซับความเป็นศิลปินมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มฝึกร้องเพลงตั้งแต่ 8 ขวบ ด้วยการเข้าร่วมวง Los Angeles Children’s Chorus (LACC) ซึ่งเป็นคณะร้องเพลงประสานเสียงสำหรับเด็กของเมืองลอสแอนเจลิส
จากนั้นบิลลีเมื่อมีอายุได้ 11 ขวบ บิลลีได้ลงมือเขียนเพลงและร้องเพลงแรกของตัวเอง คือ “Fingers Crossed” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซอมบี้ โดยเธอได้แรงบัลดาลใจมาจากซีรีส์เรื่อง The Walking Dead ซึ่งหลังจากนั้นในปี 2016 เพลงนี้ได้ถูกปล่อยออกมาผ่านช่องทางสตรีมมิงอย่าง SoundCloud
ในปี 2016 เช่นกัน บิลลีออกซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการคือ “Ocean Eyes” (แต่งโดย ฟินเนียส์ โอ คอนเนล พี่ชายและโปรดิวเซอร์ของบิลลี) โดยเผยแพร่ทางซาวด์คลาวด์ ก่อนที่ต่อมาซิงเกิ้ลนี้จะออกวางขายอีกครั้งภายใต้สังกัดดาร์กรูมและอินเทอร์สโคปเรคอร์ด
Ocean Eyes เป็นบทเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถแจ้งเกิดให้กับบิลลีอย่างเต็มตัว จากนั้นเธอได้ออกอัลบั้มอีพี “Don’t Smile at Me” ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกของบิลลี ไอลิช
อีพี Don’t Smile at Me มีบทเพลงเด่น ๆ อย่าง Copycat, Bellyache, My Boy, idontwannabeyouanymore และ Ocean Eyes เอาไว้ ซึ่งตัวอัลบั้มนั้นสามารถไต่ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ของชาร์ตบิลบอร์ด 200 (Billboard 200)
มาในปีนี้ 2020 บิลลีออกสตูดิโออัลบั้มเต็มคือ ”When We All Fall Asleep, Where Do We Go?” ซึ่งสามารถพุ่งทะยานขึ้นไปครองอับดับ 1 บนบิลบอร์ด 200 รวมถึงในสหราชอาณาจักร แคนาดาและออสเตรเลีย
โดยมี 4 ซิงเกิ้ลในอัลบั้มชุดนี้ที่ติดใน 40 อันดับของอเมริกา คือ "When the Party's Over", "Bury a Friend", "Wish You Were Gay", และ "Bad Guy"
สำหรับแนวเพลงของบิลลีนั้น มีจุดเด่นคือเป็นบทเพลงป็อบ อิเล็กทรอนิกส์ป็อบ ที่มีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เต็มไปด้วยความหม่นเศร้า ล่องลอย เข้ากับเทรนด์เพลงร่วมสมัยในยุคนี้
ด้วยชื่อเสียง เงิน และกล่อง วันนี้บิลลี ไอลิช ได้ก้าวขึ้นมาสู่ซุปเปอร์สตาร์หญิงเบอร์ต้น ๆ ของโลก ยิ่งการที่เธอสร้างประวัติศาสตร์ เป็นศิลปินหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลแกรมมีครั้งที่ 63 (2020) ใน 4 สาขาหลักไปครอง นี่ยิ่งตอกย้ำว่า...
บิลลี ไอลิช คือ “สาวน้อยมหัศจรรย์” อีกคนหนึ่งแห่งยุทธจักรวงการเพลงในปัจจุบัน