"อ้อม พิยดา" เผยเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหลังสูญเสีย "พ่อเปี๊ยก" ทำใจไม่ได้ ถึงขั้นลืมลูก ใช้เวลาทำใจอยู่นาน ไม่สานต่องานละครที่พ่อเคยวางแพลนไว้แล้วถึง 3 เรื่อง
ทำเอาผู้จัดและนักแสดงคนเก่งอย่าง "อ้อม พิยดา จุฑารัตนกุล" ถึงกับเป๋ไปเหมือนกัน เพราะเมื่อปีก่อนที่ต้องสูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักอย่าง "พ่อเปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี" ไป จนเมื่อวันครบรอบปีจึงได้มีโอกาสยกครอบครัวไปลอยอังคาร เพราะบอกว่าตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเริ่มทำใจได้กันหมดแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเศร้าหนักถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขั้นหลงลืมลูกสาวสุดที่รักอย่าง "น้องนาวา" ไปชั่วคณะเลยทีเดียว
"ก็มีภาวะซึมเศร้าค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ โอเคแล้ว แต่ช่วงนั้นก็หนักแหละ นาวาก็แอบไปบ่นกับคุณยาย เหมือนเราเองก็มัวแต่เสียใจ มัวแต่ไปงานศพ เราก็ลืมเขาไป พอเขาพูดขึ้นมาเราก็คิดขึ้นมาได้ว่าเราลืมเขาจริงๆ คือตอนนั้นเราก็เสียใจมากจริงๆ แหละนะ ก็หนักอยู่ค่ะ แต่พอดีว่ามีคุณอาเป็นหมออยู่ค่ะ ก็เลยไปปรึกษาคุณอา แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องทานยาอะไรแล้วล่ะ เหมือนเราก็รู้แหละว่าเราไม่ปกติ เพราะว่าฮอร์โมนมันเพี้ยนไปหมด แล้วช่วงนั้นก็ทำละครด้ายแดงอยู่ด้วย งานก็เยอะ แต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปค่ะ เราก็อายุเยอะแล้วรู้แล้วว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป แต่ตอนนั้นมันหนักเหลือเกิน (ยิ้ม)"
"นี่ก็เพิ่งไปลอยอังคารได้ไม่นาน ซึ่งทุกคนก็ดีขึ้นหมดแล้ว ถ้าลอยช่วงนั้นต้องตายแน่ แต่เพิ่งมาลอยหลังจากที่ผ่านไปแล้วนานๆ แบบนี้ก็โอเคขึ้นกันแล้ว ถือว่าตัดสินใจถูก เพราะตอนนั้นคนก็ถามว่าจะลอยเลยมั้ย อ้อมก็บอกเลยว่าไม่ลอย รอก่อน ก็ไม่ได้ดูฤกษ์อะไรหรอกค่ะ เอาฤกษ์สะดวกเรานี่แหละ ก็โชคที่ได้กำลังใจดีจากคนรอบข้าง คนในครอบครัว ยิ่งคุณอาร์ทนี่รักเลย คือรักอยู่แล้วนะ (ยิ้ม) แต่พอเกิดเหตุการณ์อะไรที่มันเป็นอย่างนี้ก็รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างเราคือใคร คนที่ให้กำลังใจเรา คนที่จับมือเราคือใคร ก็คือครอบครัวนี่แหละ"
เผยไม่ได้สานต่อละครที่พ่อได้วางแพลนไว้แล้วทั้ง 3 เรื่องทั้งหมด เพราะทำไม่ไหว
"งานที่พ่อทำอยู่เราไม่ได้สานต่อเลย เพราะสิ่งที่เราทำมันก็เยอะแล้ว และเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พ่อคุยไว้ เขาอยากได้เหมือนลายมือพ่อหรือเปล่า มันอาจจะไม่ใช่ลายมือเราจริงๆ อาจจะเป็นแค่กลิ่น เราก็เลยไม่ได้ทำ คือตอนนั้นเขากำลังจะเริ่มด้วยแหละ ก็เลยบอกทางทีมว่าเราทำไม่ไหว เพราะตอนนั้นเราเองก็ยังมีทำละครด้ายแดงอยู่ด้วย ตอนนั้นก็แทบจะทำอะไรไม่ไหวแล้ว และจะให้ไปเปิดกล้องอีก 3 เรื่องของพ่อ มันก็ทำไม่ได้หรอก ไม่ไหวจริงๆ ก็เลยขอโทษไปเรียบร้อยแล้วสำหรับทีมงานทุกคนค่ะ"
"คือปีเดียว 3 เรื่องเลยนะ เราก็ไม่ไหวหรอก เรื่องเดียวยังไม่ไหวเลย (หัวเราะ) เรื่องที่รับผิดชอบอยู่ก็ยังมี แล้วตอนนั้นเราก็เสียคุณพ่อด้วยเนอะ จะให้มาทำอะไรต่อมันก็ไม่ไหวจริงๆ แต่พ่อเขาก็วางแพลนของเขาไว้หมดแหละ แต่พอเราไปขอโทษทุกฝ่ายที่ต้องแคนเซิลก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ทุกคนเข้าใจ"
เผยตอนนี้ทำงานค่อนข้างหนัก ทั้งงานผู้จัด ทั้งเป็นนักแสดงเอง ทั้งหน้าที่คุณแม่ ทำรายการวิทยุด้วย
"ปีหน้ามีทำผู้จัดหนึ่งเรื่อง แล้วก็มีเล่นละคร 2 เรื่องค่ะ แล้วก็ทำวิทยุ ทำคลิปยูทูปนาวาซ่า แม่จ๋าแซ่บด้วย ก็ยุ่งดีค่ะ (หัวเราะ) แต่ถ้ามีเวลาว่างเราก็พากันไปเที่ยวค่ะ แล้วเราเองก็น่าจะเป็นมนุษย์ที่อยู่เฉยไม่ได้ ต้องทำงานตลอดเวลา เดี๋ยวนี้ถ้ามีงานลูกออกอีเว้นท์ก็จะเป็นเสาร์-อาทิตย์พาลูกออกงาน จันทร์-ศุกร์งานแม่ (ยิ้ม) งานลูกก็มีมาเรื่อยๆ ค่ะ เรียกว่าเป็นหน้าเทศกาลมากกว่า แล้วเราก็ดูว่างานไหนที่เขาโอเคและไม่ได้หนักมากไป แต่เขาก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งแหละ อย่างเวลาเดินแบบก็ซ้อมตั้งแต่ที่บ้าน คือเขาขี้เขินไง แต่ถ้าเรื่องงานแสดงเขาไม่เอาเลย ตอนนี้ยอมเป็นแค่เด็กเสิร์ฟน้ำในกองอยู่ (ยิ้ม) แต่ถ้าออกงานอีเว้นท์ เดินแบบนิดๆ หน่อยๆ นี่ยังโอเค แต่เดินก็ยังเขินเลย"
"ละครเราก็ยังรับแสดงปกติค่ะ ก็ยังทำบริษัทอยู่กับเจี๊ยบ (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เหมือนเดิม เขาก็ทำช่อง 7 อ้อมก็ทำช่อง 3 กับช่องวันก็ยังรับแสดงอยู่ จริงๆ เจี๊ยบเองเขาก็บ่นอยู่นะ เขาอยากให้เป็นผู้จัดหลายๆ เรื่องหน่อย (หัวเราะ) อาจจะปีละ 2 เรื่อง แต่ด้วยความที่เราทำเองทั้งหมดด้วย และเรายังมีพาร์ทงานอื่นๆ อีกด้วย เราก็เลยได้ปีละเรื่อง ไม่เหมือนกับนักแสดงที่พอแสดงเสร็จก็จบ ก็ไปรับเรื่องอื่นได้ แต่พอเรามาเป็นผู้จัด เราก็มีทีมงาน มีโปรดักชั่น หลังจากนั้นก็ต้องมีการทำงานต่อเนื่องอีกเยอะแยะ ก็เลยได้แค่ปีละเรื่อง เพราะเราก็ยังรับเล่นละครด้วย ยังมีรายการด้วย มีลูกอีก มีวิทยุอีก ก็เยอะเลย (หัวเราะ)"
"แต่นาวาเขาก็ไม่ค่อยบ่นอะไรหรอกค่ะ เพราะส่วนใหญ่อ้อมก็อยู่กับเขาตลอด ตื่นเช้าก็ไปส่งโรงเรียน พอตอนเย็นก็ต้องเป็นคนเอาเข้านอน เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องอยู่กับเขา เป็นวันของเขาเลย เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้เปิดละครด้วย ถ้ามีละครพฤหัสบดี-อาทิตย์เนี่ยก็ต้องดูอีกที แต่วันอาทิตย์นี่เราไม่รับงานแน่ๆ ก็อย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ต้องมีให้เขาหนึ่งวัน หรือไม่ก็หิ้วเขาไปกองด้วยนี่แหละ (ยิ้ม) นิสัยตอนนี้เหรอ ก็ดูเขาออกห้าวๆ นะ สาวห้าว อาจจะเหมือนแม่ (หัวเราะ) ถามว่าห่วงอะไรมั้ย ตอนนี้ยังไม่ห่วงอะไรนะคะ เพราะเราก็ดูแลใกล้ชิดอยู่ ยังไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ"