ยังหล่อเด็ดออร่าเจิดจรัสได้อีกๆ อดีตนักแสดงนายแบบ "มะตูม อัคเรศ สุขตลอดชีพ" ตอนนี้หันหลังให้วงการบันเทิง หลังจากกลับจากเมืองนอก เพราะไปทุ่มเททำงานให้ธุรกิจที่บ้าน แบรนด์ดัง สมุนไพรสุภาภรณ์ และโรงงานผลิตเครื่องสำอางสมุนไพรแบบ OEM เป็นธุรกิจครอบครัวจึงทำอย่างเต็มที่สุดๆ ไปเลย
มะตูมยังเป็นทายาทรุ่นที่ 3 อีกด้วย ทำแล้วรุ่ง รวยเกินคาด ตอนนี้ส่งออกไปขายในหลายประเทศ เพราะเป็นสินค้าสมุนไพรปลอดภัยปลอดสารเคมี คนใช้จึงติดหนึบและบอกต่อ ขายดีสุดๆ ทั้งในและต่างประเทศที่จีน ,กัมพูชา ,พม่า ,ยุโรป ,ซาอุดิอาระเบีย ,สหรัฐอเมริกา ฯลฯ
มะตูม อัคเรศ ทำหน้าที่เป็น Business Development Manger ให้กับแบรนด์ในเครือบริษัท เช่น สมุนไพรสุภาภรณ์ สมุนไพรปทุมมาศ สมุนไพรไอศิกา ฯลฯ ดูแลเรื่องการส่งออกไปต่างประเทศ และรับผลิตสินค้า OEM ให้ลูกค้าต่างชาติด้วย
เปิดใจชัดๆ เลยว่า "ช่วงก่อนไปเรียนต่อก็มีงานละคร ถ่ายแบบ เดินแบบ แต่ทางครอบครัวอยากให้เลือกเรียน มะตูมจึงไปเรียนต่อต่างประเทศ พอกลับมาไทยอีกครั้งก็เลยมาลุยธุรกิจเต็มตัวไปเลย เป็นแบรนด์สินค้าคู่คนไทยกว่า 50 ปี สมุนไพรสุภาภรณ์ SUPAPORN และแบรนด์สินค้าในเครืออื่นๆอีกหลายแบรนด์ แถมโรงงานเราเป็น ODM-OEM ผลิตสินค้าเองด้วย และรับผลิตสินค้าให้แบรนด์ต่างๆ ด้วยครับ ตอนนี้ก็มีหลายเจ้าให้เราผลิตสินค้าให้อยู่ด้วย ที่โรงานมีประสบการณ์ผลิตมามากกว่า 100 แบรนด์ และเราค้าขายอย่างตรงไปตรงมาครับ”
อีกงานที่มะตูม อัคเรศ รักที่จะทำและมีแนวโน้มไปด้วยดี คือการเป็นผู้บริหารจาก ไทคูนอินเตอร์เนชั่นแนล เอ๊ดดูเคชั่น Tycoon International Education แนะแนวเรื่องเรียนต่อต่างประเทศให้กับเด็กไทย โดยมะตูมได้ทำร่วมกับอาจารย์โอ๋ ดร.วิไลภรณ์ จิรวัฒนเศรษฐ์ ที่เป็นอาจารย์สอนให้กับนักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรการจัดการ องค์การสมัยใหม่มหาบัณฑิต กลุ่มวิชาการจัดการสื่อและดิจิทัล มหาวิทยาลัยศรีปทุม และ คุณเมย์ ฮาเวิร์ด ที่ประเทศออสเตรเลีย
"ตอนนี้ทางไทคูนอินเตอร์เนชั่นแนล เอ๊ดดูเคชั่น ของเราก็มีการจัดหาทุนการศึกษาให้กับเด็กไทย ที่ไม่มีงบในการเรียนต่อ เช่นเรียนต่อที่ประเทศจีน 50%-100% เป็นทุนเปล่าด้วยครับ ไม่ต้องใช้ทุน เกรดดี ไม่ดี จบที่ไหนมา จังหวัดไหนมา เราช่วยได้หมด เราพยายามคืนสังคมให้ตรงนี้ เพราะเราอยากคืนสังคมครับ และอยากให้เด็กไทยได้มีอากาสเรียน ภาษาที่ 2 ภาษาที่ 3 ครับ เพราะภาษาและการเปิดมุมมองชีวิตสำคัญจริงๆ เด็กๆ จะได้กลับมาพัฒนาประเทศไทยได้ครับ
"อนาคตถ้าผมมีงบ กำไรจากการทำธุรกิจ ผมวางแพลนอยากไปสอนเด็กๆ ที่ยากไร้ ที่อยากเรียนเพิ่มด้วยตัวเองครับ โปรเจคก่อนเรียนจบที่ปริญญาโท วิชาอินเตอร์เนชั่นแนลดีเวลล็อปเมนต์ International Development ผมก็ทำเรื่องนี้ครับ การพัฒนาสังคมและการเป็นอยู่ คือผมอยากลงไปสอนเอง บางทีเราบริจาคเงินอย่างเดียว เราไม่เห็นว่าไปตรงไหน อันนั้นเราลงแรงลงใจ สอนเด็กๆ มันต้องได้ผลดีแน่นอนครับ อีกหน่อยผมเกษียรจากงาน แล้วก็ยังสอนเด็กๆ ได้อีก เด็กๆ ทำให้เรามีงาน และมีความสุขใจอีก เพราะเราให้เขาโดยไม่หวังผลกำไร"