xs
xsm
sm
md
lg

รวมเหตุการณ์เอเชียนสตาร์กับการแต่งตัวแบบ “นาซี” เพราะไม่รู้หรือไม่แคร์!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




จากกรณีของ “น้ำใส พิชญาภา นาถา” หรือ “น้ำใส BNK48” ที่ใส่เสื้อสัญลักษณ์นาซีขึ้นซ้อมคอนเสิร์ตจนกลายเป็นกระแสถูกถล่มในโลกโซเชียล ถึงความบกพร่องด้านการศึกษา และความบกพร่องของทีมงานที่ดูแล จนสถานทูตอิสราเอล ออกมาประณาม ส่งให้เจ้าตัวต้องหลั่งน้ำตาขอโทษ จากเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนได้ว่า ความรุนแรงจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 นับวันๆ ยิ่งจะเป็นเรื่องไกลตัวคนรุ่นใหม่เข้าไปทุกทีจนกลายเป็นความเพิกเฉยต่อโศกนาฏกรรมระดับโลก ยิ่งยุคสมัยที่คนเริ่มมีความคิดอิสระเสรีมากขึ้นด้วยแล้ว การนำสัญลักษณ์และแฟชั่นทหารในสมัยนั้นกลับมาดัดแปลงใหม่ กลายเป็นเรื่องปกติที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง และงานนี้คงโทษใครไม่ได้ เพราะแม้แต่คนดังก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ





BTS

บอยแบนด์ดังอย่าง BTS ที่มีชื่อเรียกแฟนคลับว่า ARMY เคยเป็นที่ถกเถียงอย่างมากมาแล้ว เมื่อ “อาร์เอ็ม” หัวหน้าวง เคยโพสต์ภาพตนเองใส่หมวกสัญลักษณ์ SS หน่วยกองกำลังทหารติดอาวุธของพรรคนาซี แม้ภาพดังกล่าวถูกถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ หลังจากที่คอนเสิร์ตเมื่อปี 2017 ทั้งวงได้พากันใส่ยูนิฟอร์มและโบกธงสัญลักษณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับสัญลักษณ์นาซีโดยไม่แคร์ความสะเทือนใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม




Keyakizaka46

องค์กรสิทธิมนุษยชนชาวยิวนานาชาติ ได้เคยออกมาเรียกร้องเมื่อปี 2016 ให้เกิร์ลกรุ๊ปของญี่ปุ่น อย่าง Keyakizaka46 วงพี่วงน้องของ BNK48 ออกมาขอโทษ หลังจากที่สาวๆ ปรากฏตัวบนเวทีในเมืองโยโกฮามาสวมชุดเครื่องแบบมีเสื้อคลุม และหมวก ที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลัง SS

งานนี้ต้นสังกัดของสาวๆ อย่าง Sony Music Entertainment (Japan) ไม่ได้เพิกเฉยกับกระแสโจมตีที่เกิดขึ้นยอมออกมาขอโทษ โดยระบุว่า “ทางเราขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดที่ก่อให้เกิดประเด็นความขุ่นเคืองใจเช่นนี้”




Pritz

ทางด้านเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ อย่างวง Pritz ก็เคยทำให้หลายคนประหลาดใจกับชุดที่ใส่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเมื่อปี 2014 มาแล้ว เมื่อเดบิวต์มาในชุดยูนิฟอร์มสีดำ และมีปลอกแขนสีขาวแดงที่สัญลักษณ์ดูคล้ายนาซี โดยทางผู้จัดการวงกล่าวเพียงว่า “เราไม่ได้คิดจะอิงนาซีเลย เพียงแต่คนพากันคิดไปเอง โลโกดังกล่าวจริงๆ แล้วได้แรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์จราจร และลูกศรที่ชี้ไป 4 ทิศทาง ก็เพื่อบอกความต้องการของวงว่าอยากจะเติบโตขยายชื่อเสียงออกไปทุกทิศทุกทางแค่นั้น”

อาหมัด ดานี

มิวสิกวิดีโอที่ถูกถ่ายทำขึ้นในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย เมื่อปี 2014 เคยปรากฏภาพของ อาหมัด ดานี สวมยูนิฟอร์มคล้ายผู้นำนาซี พร้อมกับประดับครุฑสีทอง แม้งานนี้ทางนิตยสารเยอรมัน จะออกมาโจมตี อาหมัด ดานี ถึงเรื่องการแต่งตัวที่คล้ายคลึงกับ ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยเอสเอส ของนาซีเยอรมัน ผู้สร้างค่ายกักกันและมีบทบาทสำคัญต่อการสังหารหมู่ชาวยิว ซึ่งอาหมัด ได้ตอบโต้บทความที่เขียนโจมตีโดยระบุเพียงว่า

“มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเหรอระหว่างทหารเยอรมัน กับนักดนตรีชาวอินโดนีเซีย? เราเป็นคนอินโดนีเซีย เราไม่ได้ฆ่าชาวยิวเป็นล้านคนเสียหน่อย ถูกมั้ย?”


อย่างไรก็ตามความเพิกเฉยต่อสัญลักษณ์นาซี ของคนดังชาวเอเชียตะวันออก อาจเป็นไปได้ว่า ความรู้สึกร่วมต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และความโหดร้ายของทหารนาซีเยอรมันนั้น ไม่ได้กระทบกระเทือนใจมากเท่ากับชาวยุโรป เพราะประวัติศาสตร์ร่วมที่สำคัญสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของชาวเอเชียตะวันออกนั้น มักเกี่ยวโยงกับกำลังทหารญี่ปุ่นที่บุกโจมตีมากกว่า แฟชั่นนาซีของชาวเอเชียตะวันออก จึงเหมือนกับแฟชั่นชิกๆ ของชาวพังก์นั่นเอง เรียกได้ว่า ตอนนี้ศิลปินชาวเอเชียถ้าอยากไประดับโลก และไม่อยากถูกประณาม คงต้องเริ่มกลับมาทบทวนบทเรียนกันใหม่ และเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้กันให้มากขึ้นแล้ว


บทเรียนที่ไม่เคยจำ!? ดรามาการเมืองครั้งสำคัญจาก “ไอดอล K-POP” สู่ “น้ำใส BNK48”






กำลังโหลดความคิดเห็น