จากกรณีที่เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายเกี่ยวกับ “น้ำใส BNK48” ที่ใส่เสื้อสัญลักษณ์นาซี ขึ้นซ้อมคอนเสิร์ต จนลุกลามเป็นประเด็นทางการเมือง และสะท้อนถึงความล้มเหลวทางการศึกษาของไทย จากเหตุการณ์ดังกล่าวนับว่าไม่ใช่ครั้งแรกของไอดอลที่ต้องออกมาหลั่งน้ำตา และขอโทษกับพฤติกรรมที่ไม่ได้คาดคิดของตนเอง เพราะก่อนหน้านี้ก็มีบรรดาไอดอลชาวเอเชียมากมายที่ไม่ได้ตระหนักถึงประเด็นเซนซิทีฟเหล่านี้จนลุกลามเป็นปัญหาการเมืองที่ทำเอาเดือดร้อน โดนแบนทั้งในและต่างประเทศกันมาแล้ว
“จีมิน BTS, ดายอน Twice, จูฮอน Monsta X” ใส่เสื้อไม่คิด?? โดนญี่ปุ่นแบน
ปะวัติศาสต์ที่มีร่วมกันของเกาหลี และญี่ปุ่น นับเป็นประเด็นอ่อนไหวต่อทั้งสองปะเทศ และเมื่อไอดอลชื่อดังอย่าง จีมิน จากวง BTS สวมเสื้อที่เป็นภาพสกรีนเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูในญี่ปุ่น จึงนำไปสู่การแบน ซึ่งภาพปรมาณูดังกล่าวเป็นฝีมือของสหรัฐอเมริกา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน แถมยังมีข้อความที่สะท้อนถึงการเป็นเอกราชบนตัวเสื้อ ที่นับได้ว่าเป็นการแสดงความยินดีของชาวเกาหลีที่ญี่ปุ่น โดนระเบิดส่งผลให้ประเทศเป็นอิสระจากการตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นที่แพ้สงครามในครั้งนั้น
วง BTS ทั้งวงที่มีกำหนดปรากฏตัวในทีวีช่องอาซาฮี ต้องถูกยกเลิกไป โดยทางสถานีอาซาฮีของญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นเพราะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ได้ปรึกษากับทางต้นสังกัดของวง BTS เป็นที่เรียบร้อย และขอยกเลิกการปรากฏตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตาม ไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่า จีมิน ได้สวมเสื้อดังกล่าวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เพราะเจ้าตัวและเพื่อนร่วมวงมีกำหนดปรากฏตัวที่สถานีชื่อดังของญี่ปุ่น ในโลกออนไลน์จึงมีการขุดภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ และแชร์ออกไปจนกลายเป็นประเด็นใหญ่
นอกจาก จีมิน BTS แล้ว ทางด้าน จีฮอน จากวง Monsta X ที่ใส่เคยใส่เสื้อแบบเดียวกับ จีมิน BTS ก็โดนหางเลขไปด้วย รวมไปถึง ดายอน จากวง Twice ที่โดนสื่อญี่ปุ่นขุดคุ้ยประเด็นเรื่องเสื้อมานำเสนอ โดยระบุว่า เธอใส่เสื้อ Marymond แบรนด์ที่บริจาคเงินจากยอดขายเสื้อเพื่อสนับสนุน Comfort Woman สตรีที่ตกเป็นเหยื่อทางเพศของเหล่าทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนชาวญี่ปุ่นลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการปรากฏตัวของวง Twice ที่ได้รับเชิญให้เป็นเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้วงแรกที่ได้ขึ้นโชว์ในงานแสดงคอนเสิร์ตสิ้นปีอย่าง Kohaku Uta Gassen ทางสถานี NHK จนกลายเป็นการเรียกร้องให้แบนการปรากฏตัวของเหล่าไอดอลเกาหลีในญี่ปุ่นไปโดยปริยาย
“ทิฟฟานี-นิชคุณ” กับประเด็นธง Rising Sun
ความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น และเกาหลี ยังคงมีต่อเนื่อง อย่าง “ทิฟฟานี” ที่เคยเป็นสมาชิกวง SNSD ก็เคยต้องเดือดร้อนจากการใช้สัญลักษณ์ธง Rising Sun หรือ “ธงอาทิตย์อุทัย” ของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียของตนเองขณะที่เพื่อนร่วมค่าย SM Ent. ไปเปิดคอนเสิร์ตที่แดนปลาดิบ โดยเจ้าตัวได้พยายามเอาใจแฟนญี่ปุ่น ลงรูปพร้อมข้อความอีโมติคอนคำว่า TOKYO ลายธงอาทิตย์อุทัย แม้งานนี้จะได้ใจแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น แต่ก็ทำเอาคนเกาหลีถึงขั้นหัวร้อนกับการกระทำดังกล่าว เพราะวันที่ลงรูปดันประจวบเหมาะเป็นช่วงวันฉลองประกาศอิสรภาพของเกาหลีที่มีต่อญี่ปุ่น คือ วันที่ 15 ส.ค. ทำให้คนเกาหลีใต้ไม่พอใจในตัวทิฟฟานีอย่างมาก จนเจ้าตัวต้องรีบลบภาพ และต้องพักจากการเล่นโซเชียลไปพักใหญ่ แถมยังงดการออกรายการไปสักระยะด้วย
จากประเด็นดังกล่าวนี้เอง ทางสภาเกาหลี ถึงขั้นต้องออกมาพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้ตราสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิญี่ปุ่น และกองทัพญี่ปุ่นในช่วงที่เข้ายึดครองเกาหลีกันอีกครั้ง แม้แต่ทาง Snapchat ที่ทราบถึงเรื่องดังกล่าว ก็ได้ถอดฟิลเตอร์ลายธงอาทิตย์อุทัยออกไป เพื่อไม่ให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในอนาคตเช่นกัน
ส่วนกรณีของ “นิชคุณ หรเวชกุล” หนุ่มไทยในวงบอยแบนด์เกาหลี 2 PM สังกัดค่าย JYP Entertainment อดีตหวานใจของสาว “ทิฟฟานี SNSD” ก็เคยต้องมีปัญหา เพราะธงอาทิตย์อุทัยด้วย หลังจากที่เจ้าตัวกลับมารับงานโฆษณาสินค้าในเมืองไทยเกี่ยวกับเครื่องดื่มสุขภาพยี่ห้อหนึ่ง โดยขณะกำลังเต้นสนุกสนานอยู่หน้ากล้อง ฉากหลังกลับเป็นธงอาทิตย์อุทัยอยู่เบื้องหลัง ทำให้คนเกาหลีเกิดความไม่พอใจ เพราะมองว่านิชคุณเข้าไปทำงานสร้างชื่อเสียงที่เกาหลี ก็ควรจะเคารพในประวัติศาสตร์ของเกาหลีด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งไม่เหมาะสม ทางต้นสังกัด JYP Ent. จึงต้องรีบออกมาชี้แจงว่า ทางนิชคุณ และทางค่ายได้ตรวจสอบสคริปต์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งภาพที่เป็นฉากหลังเกิดจากการใส่เทคนิคพิเศษเข้าไปในภายหลัง จึงทำให้ไม่ทราบเรื่องนี้ระหว่างที่กำลังถ่ายทำ และขออภัยชาวเกาหลีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ซงอิลกุก-คิมแตฮี” กับกรณีพิพาทหมู่เกาะ ด็อกโด
เรื่องราวระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลี ยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับหมู่เกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า “หมู่เกาะด็อกโด” ในภาษาเกาหลี และหมู่เกาะทาเคชิมา ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งหมู่เกาะเล็กๆ แห่งนี้ แม้จะมีประชากรอาศัยอยู่เพียงแค่ 2 คน แต่ก็กลายเป็นศึกพิพาทระหว่างญี่ปุ่น และเกาหลี ต่อเนื่องมานานหลายปีไม่รู้จบ เพราะหลังจากที่เกาหลีใต้ได้อิสรภาพอย่างเป็นทางการจากญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 ส.ค.1945 แต่เกาหลีใต้ก็รวมหมู่เกาะด็อกโด แห่งนี้เข้าไปอยู่ในเขตแดนของตนด้วย ขณะที่ทางญี่ปุ่น ออกมาปฏิเสธว่า หมู่เกาะด็อกโด หรือหมู่เกาะทาเคชิมา ไม่ได้รวมอยู่ในส่วนที่เป็นอิสระจากญี่ปุ่น และมองว่า การกระทำของเกาหลีใต้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวเกาหลีใต้หลายคนที่ยังคงยึดมั่นในเอกราชของตนเอง และยืนหยัดที่จะรวมหมู่เกาะดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเกาหลีใต้เช่นเดียวกับ ซงอิลกุก พระเอกชื่อดังจากซีรีส์ “จูมง” หรือคุณพ่อของแฝดสามผู้โด่งดังอย่าง แทฮัน, มินกุก และ มันเซ
โดยวันที่ 15 ส.ค.2012 ซึ่งนับเป็นวันชาติของเกาหลีใต้ คนดังในวงการอย่าง คิมจางฮุน ได้ออกมาจัดกิจกรรมว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะด็อกโด เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยให้อาสาสมัครว่ายน้ำในทะเลคนละ 1 กิโลเมตรจนกว่าจะถึงเกาะ เพื่อร่วมร้องเพลงชาติเกาหลีด้วยกันบนเกาะแห่งนั้น ซึ่ง ซงอิลกุก ก็เข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผลงานซีรีส์เรื่อง A Man Called God ที่กำลังจะลงจอออนแอร์ในญี่ปุ่น ก็ต้องถูกยกเลิกไป พร้อมกับที่ ทสึโยชิ ยามากูชิ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของญี่ปุ่น ถึงขั้นออกมาประกาศว่าจะไม่ให้เขาและนักแสดงดังที่มีส่วนร่วมกับการรณรงค์กรรมสิทธิ์เหนือเกาะดังกล่าวเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในเวลานั้น ซงอิลกุก ได้เพียงแต่ตอบโต้กลับทันทีผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “ผมคงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากตะโกนเรียกชื่อลูกของผมทั้ง 3 คน แทฮัน มินกุก มันเซ” ซึ่ง แทฮัน มินกุก และ มันเซ เป็น 3 คำที่รวมกันมีความหมายว่า “สาธารณรัฐเกาหลีจงเจริญ” เหตุพิพาทหมู่เกาะด็อกโดนี้ นอกจากซงอิลกุกแล้วยังมี คิมแตฮี ที่เคยโดนชาวญี่ปุ่นต่อต้านอย่างหนักเกิดการเดินประท้วง หลังลือกันว่า เธอได้ร่วมกับน้องชายอย่าง อีวาน เข้าร่วมกิจกรรมแจกเสื้อ Love Dokdo ที่รณรงค์เกี่ยวกับการอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะแห่งนี้ด้วย
“จื่ออวี๋ Twice” โดนแบนเพราะเรื่องธงชาติ
ข้อพิพาทระหว่างเกาหลี และญี่ปุ่น นับเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ทางด้านจีน กับไต้หวัน ก็อ่อนไหวในเรื่องนี้ไม่ต่างกัน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ โจวจื่ออวี๋ นักร้องสาวชาวไต้หวัน จากวง Twice ก็เป็นประเด็นระดับชาติที่เจ้าตัวต้องออกมาขอโทษด้วยตนเอง
โดยเมื่อปี 2016 ขณะที่วง Twice ไปออกรายการ My Little Television จิ่ออวี๋ ได้โบกธงชาติไต้หวัน บ้านเกิดของเธอออกรายการ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีน เพราะมองว่า ไต้หวัน ไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินจีน จึงกลายเป็นดรามาในสังคมออนไลน์ของจีนที่เข้าใจว่า จื่ออวี๋ สนับสนุนให้ไต้หวัน แยกตัวเป็นอิสระจากจีน โดยพากันติดแฮชแท็กที่ขึ้นอันดับ 2 ใน Weibo ว่า #จื่ออวี๋ผู้สนับสนุนแค่ไต้หวัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง ทำให้ชาวจีนแบนเธอพร้อมกับวง Twice รวมถึงศิลปินในสังกัด JYP Ent. ทั้งหมด รวมถึงหุ้นบริษัทก็ตกลงด้วย ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะจีนถือเป็นตลาดในเอเชียที่ใหญ่ที่สุดของวงการเค-ป็อป
การตัดสินใจแบนวง Twice ทั้งวงทำให้แฟนคลับบางส่วนของวง Twice ก็ออกมาต่อว่า จื่ออวี๋ ที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนร่วมวงโดนแบน รวมถึงโดนยกเลิกงานทั้งหมดของทั้งตัวจื่ออวี๋ และวง Twice ที่จีนเช่นกัน
โดยเบื้องต้น ต้นสังกัด JYP Ent. ต้องออกมายืนยันว่า จื่ออวี๋ ที่อายุเพียงแค่ 16 ปีในเวลานั้น ยังไม่มีความคิดฝักใฝ่ทางการเมืองตามที่ถูกชาวเน็ตกล่าวหา และการทำงานที่เกิดขึ้น ทางจื่ออวี๋ ไม่ได้มีเจตนา และยืนยันว่า เธอไม่มีมุมมองเกี่ยวกับการเมืองมากเท่าไหร่
แต่จากกระแสสังคมชาวจีน การออกมาปกป้องโดยต้นสังกัดยังไม่เพียงพอ เพราะการแบนครั้งนี้ของชาวจีน ลุกลามไปยังศิลปินรายอื่นในค่ายจนมีแฮชแท็ก #boycottJYP ที่รวมถึง นิชคุณ หรเวชกุล จากวง 2PM ที่เป็นที่ชื่นชอบและมีแฟนคลับชาวจีนมากที่สุดคนหนึ่งของค่าย เนื่องจากเจ้าตัวมักประกาศว่าเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงทำให้ชาวจีนรัก และเอ็นดู ก็ต้องโดนหางเลขยกเลิกงานที่จีนทั้งหมดด้วยเช่นกัน พร้อมกับที่ชาวเน็ตพากันต่อว่า ค่าย JYP Ent. ที่พยายามจะผลักดันนิชคุณ มาหวังกลบกระแสที่ชาวจีนมีต่อจื่ออวี๋ และค่าย แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้กลับไป
เมื่อเหตุการณ์ลุกลาม จื่ออวี๋ จึงต้องออกมาอัดคลิปแถลงขอโทษด้วยตนเอง เพื่อแสดงความชัดเจน และขจัดความเข้าใจผิดที่กำลังบานปลายไปเรื่อยๆ ในขณะนั้น
“สวัสดีค่ะ ฉัน โจวจื่ออวี๋ ต้องขอโทษจริงๆ ฉันควรจะออกมาให้เร็วกว่านี้ และขอโทษไปตั้งแต่ต้น แต่เพราะฉันไม่ทราบว่าจะจัดการกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นยังไงดี ฉันกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับทุกคน จึงรอมาจนถึงตรงนี้ กว่าจะตัดสินใจพูด จีนมีเพียงหนึ่งเดียว สองฟากฝั่งอันที่จริงแล้วก็เป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันภูมิใจในความเป็นจีน ในฐานะคนจีนคนหนึ่งฉันกลับทำร้ายความรู้สึกของคนอื่น ด้วยคำพูด และการกระทำระหว่างที่ไปทำงานในต่างประเทศ ฉันรู้สึกผิด และเสียใจจริงๆ จึงได้ตัดสินใจที่จะพักงานในจีนทั้งหมด เพื่อขอเวลาทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อยากจะขอโทษทุกคนอีกครั้งจริงๆ ขอโทษค่ะ”
คลิปดังกล่าวมีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีคนเข้าไปแสดงความเห็นต่อต้านไม่น้อย โดยส่วนมากมองว่า จื่ออวี๋ ยืนถือกระดาษมาท่องต่อหน้ากล้อง เหมือนโดนบังคับจากต้นสังกัด ดูไม่มีความจริงใจ และข้อความเหล่านั้น เธออาจไม่ได้เป็นคนเขียนเอง จนคนดังชาวจีนเองอย่าง หลินเกิงซีน ก็ยังออกมาแขวะ จื่ออวี๋ ว่า “สงสัยต้องขอโทษแบบกะทันหันไปหน่อย เลยยังจำคำขอโทษของตัวเองไม่ได้ ฮาๆๆ” ซึ่งทางค่าย JYP Ent. ต้องออกจดหมายแถลงขอโทษตามมาอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า การตัดสินใจอัดคลิปขอโทษเป็นความต้องการของตัวจื่ออวี๋ ทางค่ายไม่ได้บังคับให้ทำแต่อย่างใด