xs
xsm
sm
md
lg

โคตรคนนักวิ่งอินดี้ "ยูกิ คาวาอูชิ" มนุษย์เงินเดือนสุดแนวแชมป์บอสตันมาราธอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จบไปแล้วสำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลกรายการ "บอสตันมาราธอน 2018" เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาพร้อมๆ กับข่าวใหญ่ที่คนทั้งโลกให้ความสนใจเมื่อนักวิ่งชาวญี่ปุ่น "ยูกิ คาวาอูชิ" (Yuki Kawa-uchi) สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองด้วยสถิติเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที 54 วินาที

เป็นการคว้าชัยท่ามกลางสภาพอากาศที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 23 ปีที่มีการจัดการแข่งขันกันมา ที่สำคัญนี่คือนักวิ่งชาวเอเชียชายคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์จากการแข่งขันรายการนี้ไปครองในรอบ 31 ปีเลยทีเดียว

"ยูกิ คาวาอูชิ" เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 1987 เป็นเจ้าของฉายา "citizen runner" ซึ่งก่อนจะคว้าแชมป์ในครั้งนี้ ที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ผ่านสนามรวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ในการแข่งขันวิ่งมาราธอนทั้งในและต่างประเทศมาแล้วมากมายชนิดที่ต้องบอกว่านับถ้วนแต่ต้องใช้เวลากันหน่อย

สำหรับชีวิตของนักวิ่งวัย 31 ปีคนนี้ต้องบอกว่าน่าสนใจสุดๆ โดยเจ้าตัวนั้นมีอาชีพเป็นข้าราชการในเมืองไซตามะที่ต้องทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่เวลาที่เหลือทั้งหมดของเขาคือการซ้อมวิ่งแล้วก็วิ่ง

อันที่จริง "ยูกิ" ฉายแววนักวิ่งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ เกิดขึ้นในช่วงปี 2009 - 2011 เมื่อเขาขยับจากการวิ่ง Half marathon มาเป็น Marathon กระทั่งในวัยเพียง 24 ปีชื่อของ "ยูกิ" ก็ดังกระฉ่อนหลังเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่เข้าเส้นชัยในการแข่งขันวิ่ง Tokyo Marathon ปี 2011 ด้วยเวลา 2:08:37และเป็นอันดับที่ 3 ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด

ว่ากันว่าใน 1 เดือนนั้นเจ้าตัววิ่งเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 750 กิโลเมตรเลยทีเดียว ที่สำคัญตั้งแต่ปี 2009 กระทั่งถึงปัจจุบันที่เขาลงแข่งแทบจะทุกสนามใหญ่ๆ ด้วยการเข้าเป็นที่ 1 เป็นว่าเล่นและแทบไม่เคยหลุดเลขตัวเดียวเลยได้ส่งผลให้ "ยูกิ" เป็นนักวิ่งที่มี Ranking ระดับต้นๆ ของโลกไปแล้ว

ที่ผ่านมาการวิ่งของ "ยูกิ" ต้องถือว่า "อินดี้" มากๆ เพราะเขาไม่มีทั้งโค้ช ไม่มีสังกัด ไม่มีสปอนเซอร์ เงินรางวัลของรายการที่ผ่านไปคือทุนในการเดินทางไปแข่งในสนามต่อไป

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้จัดงาน "มาราธอนอียิปต์ปี 2013" ตกลงที่จะจ่ายค่าเดินทางมาแข่งในรายการดังกล่าวให้กับเขา ทว่า "ยูกิ" กลับพลาดเที่ยวบินที่ว่าเพราะไม่มีพาสปอร์ต สุดท้ายเขาได้ควักเงินตัวเองกว่า 800,000 เยน หรือ 9,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 ของเงินเดือนข้าราชการทั้งปีของเขาเพื่อเดินทางไปแข่งด้วยตนเอง

และสุดท้ายเขาก็ไปคว้าแชมป์รายการดังกล่าวมาครองด้วยเวลา 2: 12: 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นสถิติที่เร็วที่สุดเท่าที่มีการจัดการแข่งขันกันมา

แม้จะสร้างสถิติมาแล้วมากมาย วิ่งมาแล้วหลายสนามหลายพันกิโลฯ แต่สิ่งหนึ่งที่ "ยูกิ" หวังเป็นอย่างมากก็คือการเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นเพื่อไปวิ่งในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศตนเองจะเป็นเจ้าภาพในปี 2020 นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น