เอพี/MGR ออนไลน์ - มีรายงานว่าในการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีเม็กซิโก เอ็นริเก เปญา นิเอโต โดยมีข้อความการข่มขู่หลุดออกมาจากปากผู้นำสหรัฐฯ ว่าทรัมป์จะส่งกองกำลังไปเม็กซิโกเพื่อจัดการอาชญากรที่เม็กซิโกหากว่ากองทัพเม็กซิโกไม่ยอมจัดการคนเหล่านั้นด้วยตนเอง นอกจากผู้นำเม็กซิโก นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย มัลคอล์ม เทิร์นบูล ยังถูกกล่าวหาทางโทรศัพท์ว่า “พยายามจะส่งมือระเบิดบอสตันมาราธอนคนต่อไปมาสหรัฐฯ” ในข้อตกลงรับผู้ลี้ภัยระหว่างเทิร์นบูลและโอบามา ก่อนที่จะถูกวางกระแทกหูวางโทรศัพท์ใส่หน้า
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ว่า ข้อความสนทนาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำเม็กซิโก ที่หลุดออกมาถึงสื่อเอพีแสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะส่งกำลังทหารไปยังพรมแดนใต้ของอเมริกา
ในคำสนทนาทรัมป์ใช้คำว่า “bad hombres” โดยในความหมายตามดิกชันนารีออนไลน์ เออร์เบินดิกชันนารีชี้ว่า hombre ในภาษาสเปนแปลว่า Dude หรือ “คนพวกนี้” ในฐานะบุคคลที่ 2 หรือบุคคลที่ 3 แต่อย่างไรก็ตาม เอพีชี้ว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า “bad hombres” ตามความหมายของทรัมป์นั้นหมายความเจาะจงไปที่กลุ่มค้ายาเสพติด กลุ่มเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือทั้ง 2 กลุ่ม หรือเป็นคำตามความรู้สึกที่ทรัมป์กล่าวออกไปในการสนทนากับประธานาธิบดีเม็กซิโก เอ็นริเก เปญา นิเอโต ในเช้าวันศุกร์ (27 ม.ค.) ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อความสนทนาไม่มีรายงานการตอบโต้จากผู้นำเม็กซิโก เอพีชี้
เอพีชี้ต่อว่า ทั้งนี้คำสนทนาที่หลุดออกมานี้ได้สร้างความตื่นตะลึง และยังเป็นการแสดงให้สาธารณะเห็นถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จัดการทางการทูตข้างหลังประตูที่ถูกปิดอย่างไร ที่พบว่าถ้อยคำและน้ำเสียงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ในการติดต่อกับผู้นำทั่วโลก ทั้งกระด้างและคุกคาม ไม่ต่างจากคำประกาศบนเวทีหาเสียงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ได้เคยใช้มาในช่วงการหาเสียง
เอพีรายงานต่อว่า โฆษกทำเนียบขาวไม่ให้ความเห็นต่อประเด็นคำสนทนาที่หลุดออกมาครั้งนี้
โดยจากทรานสคริปที่เอพีได้เห็น ดูเหมือนว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวต่อ เปญา นิเอโต ว่า “คุณมีพวกเลวร้ายจำนวนมากอยู่ที่นั่น” และกล่าวต่อว่า “คุณไม่ทำมากอย่างเพียงพอเพื่อจะหยุดคนเหล่านี้ ผมคิดว่ากองทัพของคุณกลัวคนพวกนี้ แต่กองทัพของเราไม่ใช่ ดังนั้นบางทีผมอาจจะส่งกองกำลังไปที่นั่นเพื่อจัดการ”
เอพีอธิบายว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งสามารถเข้าถึงทรานสคริปนี้เป็นผู้มอบทรานสคริปต์นี้ให้แก่สำนักข่าวเอพี แต่ทางเอพีไม่สามารถเปิดเผยถึงชื่อของผู้มอบให้ได้ เพราะฝ่ายบริหารไม่ได้ทำการเผยแพร่ข้อความการสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำสู่สาธารณะ
และในขณะเดียวกันในฝ่ายเม็กซิโก เว็บไซต์เม็กซิกัน Aristegui Noticias ได้เผยแพร่ข้อมูลทางโทรศัพท์ที่คล้ายกันในวันอังคาร (31 ม.ค.) โดยอ้างอิงจากการรายงานของนักข่าวเม็กซิกันโดเลีย เอสเตวาซ (Dolia Estevez) ซึ่งในรายงานได้ชี้ไปว่า ทรัมป์ได้หยามผู้นำเม็กซิโกอย่างตรงไปตรงมาทางการสนทนาทางโทรศัพท์
แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโกได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวนี้ โดยกล่าวเพียงว่าเป็นการรายงานข่าวที่ไม่มีมูลความจริง และในภายหลังกล่าวว่า การรายงานข่าวนั้นอ้างอิงจากข้อมูลการสนทนาทางโทรศัพท์ที่ถูกรายงานออกมาจากเอพี
“รายงานออกมาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของถ้อยคำสนทนาทางโทรศัพท์ที่ได้เกิดขึ้น” รายงานจากการแถลงของกระทรวงต่างประเทศเม็กซิโก และในแถลงการณ์ยังชี้ต่อว่า การสนทนาระหว่างผู้นำเป็นไปในแนวทางที่สร้างสรรค์ และผู้นำทั้งสองชาติต่างตกลงร่วมกันที่จะทำงานร่วมกัน และทีมตัวแทนของทั้งสองชาติจะพบปะกันอย่างต่อเนื่องในทางที่สร้างสรรค์เพื่อเม็กซิโกและสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เอพียังรายงานไปถึงการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย มัลคอม เทิร์นบูล ซึ่งเอพีชี้ว่า เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคำสนทนานั้นระบุไปถึงข้อตกลงการรับผู้อพยพที่ได้มีการตกลงระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียของเทิร์นบูล และรัฐบาลสหรัฐฯ ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา
ซึ่งดูเหมือนผู้นำออสเตรเลียได้ปฏิเสธการรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เกิดขึ้นในวันพุธ (1 ก.พ.) ซึ่งได้อ้างอิงไปถึงข้อความสนทนาระหว่างทรัมป์และเทิร์นบูล
โดยสื่อวอชิงตันโพสต์อ้างว่า ทรัมป์ได้ประณามเทิร์นบูลถึงปัญหาผู้อพยพ ที่อ้างว่าออสเตรเลียพยายามยัดเยียดให้สหรัฐฯ ยืนยันการยอมรับผู้อพยพจำนวน 1,250 คน โดยทรัมป์ได้ประกาศว่า “เป็นข้อตกลงที่เลวร้าย” และในคำสนทนาผู้นำสหรัฐฯ ยังคุยโม้กับเทิร์นบูลในชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของเขา
โดยในการสนทนาที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ (28 ม.ค.) ใช้ระยะเวลาแค่ 25 นาที ตามแต่เดิมที่คาดไว้ตามปกติ ทรัมป์ใช้เวลากับเทิร์นบูลถึง 1 ชม.เต็ม และจบลงด้วยทรัมป์เป็นฝ่ายวางหู และมีข้อความในคำสนทนาที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศกับเทิร์นบูลว่า “ไม่มีวันดีเลย พวก”
โดยเอพีระบุต่อว่า ผู้นำออสเตรเลียนอกจากปฏิเสธรายงานคำกล่าวอ้างที่ผู้นำสหรัฐฯได้ประกาศกับเขาว่า ข้อตกลงผู้ลี้ภัยระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐฯ เป็นข้อตกลงที่เลวร้ายแล้ว ยังปฏิเสธเลยต่อไปว่า ทรัมป์ไม่ได้กล่าวหาเทิร์นบูลว่า พยายามที่จะส่งมือระเบิดบอสตันมาราธอนคนต่อไปมายังอเมริกา