“คริส พีรวัส” ซูบ 7 กิโลแถมเป็นตากุ้งยิง โอดทำงานหนัก ต้องรักสุขภาพให้มากขึ้น เมินถูกชาวเน็ตติงตอบเรื่องเลิกแฟนไม่แมน บอกมีองค์ประกบหลายอย่างที่ซับซ้อน เผยผู้ใหญ่ให้แคร์แฟนคลับก่อน แฟนคลับต้องมาอันดับหนึ่ง มีแฟนใหม่จะถามผู้ใหญ่และแฟนคลับก่อนเพื่อความสบายใจ
ทั้งผอมซูบลงไป 7 กิโล ทั้งเป็นตากุ้งยิง แถมยังเลิกแฟนอีก ซึ่งหนุ่ม “คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์” ก็เผยว่าอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาทำงานหนักเกินไป พร้อมเผยฟีดแบ็กหลังออกมาประกาศเลิกแฟน โดนชาวเน็ตตำหนิตอบคำถามไม่แมนสักนิด
“ก็เป็นตากุ้งยิง แล้วก็ทำงาน ทำให้มีป่วยบ่อย ตอนนี้ก็ไอเยอะ ดูเยอะ (หัวเราะ) หลังๆ ป่วยบ่อยไม่รู้ทำไมเหมือนกันช่วงนี้ คริสก็โดนผู้ใหญ่ว่ามาเหมือนกันในเรื่องนี้ เรื่องของการพักผ่อนน้อย ซึ่งไม่ค่อยได้เช็กร่างกายด้วย ก็ต้องดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ ที่เขาเตือนๆ กันมาว่าเราต้องรักสุขภาพมากกว่านี้”
“ไม่ต้องปรับตัวเองครับ เดี๋ยวนี้ไม่ได้แฮงก์เอ้าท์แล้ว แต่อาจจะเป็นแบบเล่นเกม ไม่ได้ติดมาก แค่บางทีรู้สึกว่ายังไม่ค่อยอยากนอน ก็จะหยิบอาร์โอวีเล่นกับพี่สิง (ปราชญา เรืองโรจน์) ก็จะเล่นเป็นฟีลนั้นไป แต่ก็คงต้องปรับตัวให้มีระเบียบมากกว่านี้ และออกกำลังกายให้มากกว่านี้ เพราะว่าช่วงนี้คริสก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย คือผู้ใหญ่ไม่ถึงขนาดเรียกไปเตือน แค่อยากแนะนำเฉยๆ ว่าวิตามินตัวนี้นะ ช่วงนี้ผอมลงไป กินเยอะๆนะ เขาแค่ค่อยๆ แนะไปด้วยๆ”
“คริสผอมลง 7 กิโล จากปีที่แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ประมาณ 60 - 61 กิโลกรัม ตัวคริสเองชอบแบบนี้ พวกผู้ใหญ่กับแฟนๆ ไม่ชอบ เขาอยากให้คริสมีแก้ม ซึ่งก็มีการอยากให้เพิ่มน้ำหนักให้ได้ประมาณ 65 กิโลกรัม ตอนที่น้ำหนักลดคือไม่ได้ตั้งใจ มันลดไปเอง ไม่ได้ออกกำลังกายด้วย แต่อาจจะเป็นช่วงที่ว่าที่ผ่านมาคริสทำงานหนัก ช่วงรับปริญญาด้วย ลดไวไป 7 กิโลกรัมเลย ซึ่งปกติไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย ที่อยู่ๆ น้ำหนักหายไป แต่มันเป็นช่วงที่คริสเพิ่งมาทำงานหนักเมื่อปลายปีที่แล้วพอดี แล้วน้ำหนักก็ลงช่วงนั้นพอดี อาจจะเป็นเรื่องของงาน ก็พยายามกินเยอะ แต่คริสไม่อยากอ้วน เพราะว่าไม่อยากให้แก้มเยอะด้วย เดี๋ยวออกกล้องแล้วมันบวม (หัวเราะ) แล้วก็เป็นเต่าไงครับ”
เมินถูกตำหนิให้สัมภาษณ์เรื่องเลิกแฟนดูไม่แมน บอกบางอย่างอยู่เหนือเหตุผล ส่วนผู้ใหญ่บอกต้องแคร์แฟนคลับ ยกแฟนคลับมาเป็นอันดับหนึ่ง
“คริสอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าบางอย่างมันอยู่เหนือเหตุผล แค่จะบอกว่าความรัก หนึ่งบวกหนึ่งไม่เท่ากับสองเสมอไป บางอย่างเหนือความคาดหมาย คริสก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะมาอยู่ตรงนี้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะมีคนติดตามและชอบเรามาก บางทีชีวิตความเป็นส่วนตัว เพราะผู้ใหญ่ก็บอกคริสว่าคุณมาอยู่ตรงนี้ คนต้องยอมรับว่าคุณเป็นของประชาชนไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ต้องแคร์ทุกคนให้มากที่สุด อย่างค่ายคริส ผู้ใหญ่ก็จะบอกให้เรารักแฟนคลับให้มากๆ เขาจะบอกทุกคนว่าถ้าไม่มีแฟนคลับเราก็ไม่มีวันนี้”
“กระแสที่กลับมาถ้าในเรื่องความรักก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ แฟนๆ เขาก็โอเคแล้ว คริสว่าจริงๆ เขาก็น่าจะโอเคมาตั้งนานแล้ว เพราะว่าแฟนๆ เขารู้มาตั้งแต่วันแรกๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าคริสคุยกับแฟนๆ บ่อย เพราะฉะนั้นเขาก็จะรู้ ซึ่งเขาก็โอเคมาตั้งนานแล้ว”
“กับแพรว(แฟนเก่า) ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย เพราะมันเหมือนกับว่าเราเข้าใจในเรื่องนี้ไปแล้ว เราเคลียร์ความรู้สึกกันทั้งคู่ไปแล้ว เราเข้าใจเรื่องนี้กันแล้วนะ ก็ไม่หยิบมาพูดกัน ให้จำเป็นต้องมีปัญหา เลยไม่หยิบอะไรออกมา ถามว่าสำหรับคริส แฟนคลับต้องมาอันดับหนึ่งมั้ย ก็...เขารักคริสมากอ่ะครับ จริงๆ นะครับ หลายๆ อย่างเขาทำเพื่อคริสเยอะมาก เยอะกว่าเพื่อนคนหนึ่งที่เคยทำให้ เลยรู้สึกว่าเราต้องรักเขาแคร์เขาให้มากๆ ด้วย แต่มันไม่ใช่ประเด็นทั้งหมดที่ทำให้เราเลิกกับเขา เราไม่ได้เลิกกับเขาเพราะแฟนคลับ มันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด”
ยันไม่ได้ดังแล้วทิ้งแฟน มีเรื่องซับซ้อนกว่านั้น
“เรื่องที่คนมองว่าดังแล้วทิ้งแฟน คริสเข้าใจในเรื่องนี้นะว่าต้องมีคนเข้าใจแบบนั้นอยู่แล้ว ยกตัวอย่างตอนที่คริสเรียนอยู่แล้วมีรุ่นพี่ที่เป็นดารา แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นเรายังพูดเลย ในขณะที่เราเป็นแค่คนรับสารคนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าใจ แต่ความจริงแล้วคริสแค่อยากจะบอกทุกคนว่าเรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น ไม่ใช่ว่าคริสมาเข้าวงการปุ๊บ แล้วจะไม่เอาแล้วจะอยู่คนเดียว มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะทุกๆ อย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติจริงๆ”
รักครั้งใหม่อยากให้ทุกฝ่ายสบายใจด้วย รับได้ถ้าความรักต้องพ่วงด้วยหลายๆ องค์ประกอบ
“ถามว่าถ้าต่อไปจะมีแฟน ต้องบอกแฟนคลับมั้ย คริสมองว่าถ้าคริสจะมีใครอีก คริสอยากบอกและขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ก่อน แฟนๆ หลายคนก็บอกคริสนะว่าขอแค่คริสมีความสุข แต่ถ้าหากจะมองว่าถ้ามีใครสักคนก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ให้มากๆ (ความรักต้องขึ้นกับคนอื่น?) คริสอยากให้ทุกคนสบายใจ สมมติเราสบายใจคนเดียว แต่ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ แฟนคลับก็ไม่สบายใจ แบบนี้คริสก็ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นคริสว่าเราเอาแบบที่หาสมดุลของทุกฝ่าย ซึ่งแบบนั้นคริสโอเคนะ คริสยอมรับได้ที่ความรักของเราจะไปพ่วงกับหลายๆ องค์ประกอบ และก็คงต้องเป็นแบบนั้นไปก่อน เพราะว่าช่วงนี้เราก็ตั้งใจทำงาน เพราะเราสัญญากับที่บ้านไว้ว่าคริสขอมุ่งทำงานก่อน ถ้ามีอะไรที่ทำให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพด้อยลงก็ไม่อยากที่จะไปคิดถึง"
"ซึ่งผู้ใหญ่ในบริษัทก็จะบอกเสมอว่า ไม่ห้ามนะ พี่ไม่ว่า แต่มีแล้วต้องดีขึ้น แต่ถ้ามีแล้วทุกอย่างมันแย่ลงก็ไม่โอเค ทำให้คริสมองว่า ถ้าอย่างนั้นเราพักเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า แล้วตั้งใจทำงาน (อันดูเหมือนจะเป็นข้อห้ามนะ?) ไม่ๆ เขาไม่ได้ห้ามเลย แต่เขาแค่อยากให้พาไปดีขึ้น เหมือนตอนคริสเรียนแล้วอาจารย์ประจำชั้นบอกว่ามีแฟนได้ แต่ต้องพากันเรียนนะ ไม่ใช่พากันโดดเรียนนะ ถามว่าต้องพักเรื่องหัวใจยาวๆ มั้ย ตอนนี้ไม่คิดเลย ขออยู่ตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวค่อยคิด อยู่อย่างนี้ก็แฮปปี้ดี ได้ทำงาน ได้อยู่กับเพื่อน แฟนๆ ก็โอเค”