อาจจะมีทั้งคนรัก คนไม่รัก หรือคนที่เฉยๆ แต่เชื่อแน่ว่า ถ้าพูดถึงผลงานการแสดง คงยากที่จะมีใครปฏิเสธในความเป็นมืออาชีพของดาราสาวผู้ที่กล่าวได้ว่า เป็น “ซูเปอร์สตาร์” อีกหนึ่งดวงแห่งวงการบันเทิงบ้านเรา “พลอย – เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์”
สารภาพตามตรงครับว่า ผมเป็นคนที่ดูละครน้อยมาก แต่จากการที่ชีวิตได้ทำงานใกล้ชิดกับแวดวงข่าว ก็พอจะรับรู้เรื่องความเป็นไป และได้รู้ว่า คุณพลอย เฌอมาลย์ นั้นเป็นดาราละครซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่ง สำหรับผู้รู้ผู้ชำนาญ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าจะหาดาราหญิงสักคนที่สามารถถ่ายทอดบทบาทแบบสลับโหมดทั้งนางเอกผู้อ่อนโยนและนางร้ายผู้แสบสันต์ ย่อมมีชื่อของ “พลอย เฌอมาลย์” ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยทักษะด้านการแสดงที่ “ตีบทแตก” ในทุกบทซึ่งได้รับ
สำหรับผม เป็นคนดูหนัง ก็ย่อมจะจดจำบทบาทการแสดงของคุณพลอย เฌอมาลย์ ได้มากกว่า จากการที่เธอเล่นหนัง และพูดก็พูดเถอะครับ ว่าผู้กำกับคนแรกที่ทำให้รัศมีดาราบนจอเงินของคุณพลอย เฌอมาลย์ เฉิดฉายเจิดจ้าขึ้นมาโดยแท้จริงเป็นครั้งแรก ก็คือ เป็นเอก รัตนเรือง ในการทำหนังเรื่องที่ 4 ของเขา อย่าง “เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล” เมื่อปี 2546 ซึ่งยกโอกาสให้พลอย เฌอมาลย์ ได้ “เปล่งออร่า” แห่งความเป็นมืออาชีพในด้านการแสดงอย่างเต็มที่
หลังจากนั้น เธอยังได้ไปเล่นหนังตลกที่ดังเป็นพลุแตกอีกเรื่อง อย่าง “บุปผาราตรี” ที่ผูกปิ่นโตกันมาอีก 3 – 4 ภาค และปี 2550 ก็เป็นปีแรกที่เธอได้รับรางวัลด้านการแสดงภาพยนตร์ ทั้งของสุพรรณหงส์และชมรมวิจารณ์บันเทิงไทย จากบทสมทบในภาพยนตร์เรื่อง “รักแห่งสยาม” (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กำกับ)
อันที่จริง ถ้าพูดถึงเรื่องรางวัลการแสดง พลอย เฌอมาลย์ ได้รับรางวัลมาแล้วจากหลากหลายสถาบัน ไม่เว้นแม้แต่ “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากชมรมวิจารณ์บันเทิง กับบทบาทการแสดงในเรื่อง “ชั่วฟ้าดินสลาย” (พ.ศ.2552) แต่ถึงกระนั้น ถ้าพูดถึงเวทีใหญ่สุดอย่างสุพรรณหงส์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม พลอย เฌอมาลย์ ยังอยู่ในขั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ซึ่งเอาเข้าจริง ผมคิดว่ารางวัลนี้ต้องตกเป็นของเธอเข้าสักวัน ตราบเท่าที่ยังอยู่บนเส้นทางการแสดง และก็แน่นอนที่สุดครับว่า “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” คืออีกหนึ่งผลงานที่จะทำให้เธอมีลุ้นในรางวัลสาขานี้
นี่คือผลงานเรื่องที่ 2 ซึ่งเธอได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับผู้กำกับเป็นเอก รัตนเรือง เรียกว่าห่างจากหนังเรื่องแรกนานมากกว่าสิบปี ... “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” พลอย เฌอมาลย์ รับบทเป็น “วิยะดา” ซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังอย่างมากจากบทนางร้ายในละครจอแก้ว แต่กับชีวิตส่วนตัวแล้ว กล่าวได้ว่า วิยะดาแทบจะหาความสุขไม่ได้เลย อมทุกข์และจำทนอยู่กับสามีชาวต่างชาติที่ไม่เพียงแค่ “หมดน้ำยา” ในเรื่องอย่างว่า แต่ยังบ้าลัทธิๆ หนึ่งแบบสุดโต่ง เท่านั้นยังไม่พอ ยังพยายามยื้ดยุดฉุดดึงวิยะดาให้เข้าไปร่วมในลัทธินั้นด้วย ขณะที่วิยะดานั้นเห็นว่ามันก็แค่ลัทธิบ้าๆ ลัทธิหนึ่งซึ่งหากินกับความงมงายและมอมเมาผู้คนให้ลุ่มหลง
อย่างไรก็ดี ในขณะที่วิยะดาตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทนจนไม่รู้จะหาทางออกให้กับชีวิตอย่างไร ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง (แสดงโดย เดวิด อัศวนนท์) เสนอตัวเข้ามาช่วยจัดการปัญหาให้ ซึ่งหลังจากวิยะดาตกลงปลงใจในข้อเสนอ ชีวิตของเธอก็ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญแบบที่ไม่สามารถหวนสู่จุดเดิมได้อีกต่อไป...
“ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” ทั้งทีเซอร์ ทั้งหนังตัวอย่าง ที่เราเห็น อาจจะดูเหมือนเน้นน้ำหนักไปที่การเป็นหนังฆาตกรรม แต่โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า มันมีความเป็นหนัง “ตลก” มากๆ เรื่องหนึ่ง และเป็น “ตลกร้าย” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่โดดเด่นของเป็นเอก เขาสามารถหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อย ทั้งที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ในสังคม หรือแม้กระทั่งเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัว(หนัง)ของเขาเอง มาล้อ มาอำ มาแซะ นอกจากจะสร้างความน่าตลกขบขัน ยังชวนให้คิดต่อได้อีก
อันที่จริง นี่เป็นอีกสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นเสน่ห์ของหนังเป็นเอกที่หลายคนนิยมชมชอบ เพราะมันเหมือนกับการ “ย่อ” ปรากฏการณ์ทางสังคมที่หลากหลาย มาบอกมาเล่าได้อย่างอรรถรส ภายในซีนหนึ่ง ในฉากหนึ่ง หรือในหนังเรื่องหนึ่ง ... เป็นการนำเรื่องราวทางสังคมที่ใกล้ๆ ชิดๆ กับชีวิตของเราไปบอกไปเล่าไว้ในหนัง อย่างในงานชิ้นนี้ สิ่งหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าเราจะสามารถจะเชื่อมต่อกับหนังได้อย่างง่ายดายก็คือเรื่องของการเป็นสังคมไสยศาสตร์ที่หนังหยิบมาเล่า ผ่านตัวละครอย่าง “ท่านเจ้าคณะ” (แสดงโดย วิทยา ปานศรีงาม)
คือเราก็จะเห็นกันอยู่ใช่ไหมครับว่า ทุกวันนี้ “ศาสดา” หรือ “สำนัก” อะไรต่างๆ เยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด จริงบ้างไม่จริงบ้างก็ไม่รู้ แต่ก็ยังมีคนพร้อมจะหลับหูหลับตาบูชากันไป อาจารย์ที่ไหนให้หวยแม่นก็แห่แหนกันไป เจ้าสำนักไหนพูดหวานถูกใจก็ไปเข้าร่วม เหมือนอย่างสามีของวิยะดา ที่เอาเข้าจริงก็เป็นตัวแทนของคนในสังคมที่หมดแล้วซึ่งความมั่นใจ ถ้ามองในมุมผู้ชาย การไม่สามารถแข็งตัวได้ของอวัยวะเพศ ในขณะที่ยังมีอารมณ์เพศ ก็คือหนึ่งเหตุที่บั่นทอนความมั่นใจได้ ก็จำต้องไปหาที่พึ่งทางใจอย่างอื่นๆ ... จะว่าไป ก็คงไม่ต่างอะไรกับสังคมที่คุณภาพชีวิตไม่แข็งแรง ไม่ว่าจะด้วยตัวเองทำตัวเอง หรือเพราะหน่วยงานทางสังคมพึ่งพาไม่ได้ก็ตามที แต่มันก็เป็นโอกาสให้บรรดาศาสดาหรือลัทธิอะไรต่างๆ แทรกตัวเข้ามา เสมือนหนึ่งเป็นที่พึ่งใหม่
ในความจำทนถึงขั้นอาจยอมจำนน เราอาจจะกำลังมโนเช่นเดียวกับวิยะดา ว่ามันน่าจะมี “สวรรค์” อยู่ที่ไหนสักแห่ง? ในสำนัก ในลัทธิ ในศาสดาครูบาอาจารย์ แต่แท้จริงแล้ว จะมี “สวรรค์” รอเราอยู่ตรงนั้นจริงหรือไม่ ผมว่าหนังเองก็ได้ให้คำตอบส่วนหนึ่งแก่เราไว้แล้วตั้งแต่ “ชื่อเรื่อง” ... ก็อย่างที่เราพอจะรู้ครับว่า “สมุย” นั้นได้รับการเปรียบเปรยจนแทบจะเป็นลายเซ็นอย่างหนึ่งไปแล้วว่า มันคือ “สวรรค์” แต่ถ้า “ไม่มีสมุย” สำหรับเธอล่ะ จะยังมี “สวรรค์” อยู่ไหม?
... ในมุมมองของผม เป็นเอก รัตนเรือง เป็นทั้งนักสังเกตการณ์ และเป็นนักเล่าเรื่องทางสังคมที่มีอารมณ์ขันมากที่สุดคนหนึ่ง “วิธีการเล่า” ของเขาไม่ใช่สายเครียด แต่เป็นสายตลกเสียดสีเสียดเย้ยที่ฟังแล้วก็ชวนให้เจ็บปวดหัวใจไม่น้อยไปกว่าวิธีการเล่าแบบเคร่งเครียดเข้มข้น ความเสียดเย้ยในงานของเขา เข้าขั้นที่น่าตลกแต่เจ็บลึก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดาราดาวร้ายที่ดังสุดๆ แต่กลับต้องมาจมปลักอยู่กับสามีฝรั่งเพราะเขามีฐานะดี, สามีฝรั่งร่ำรวย ชีวิตมีครบทุกอย่าง แต่ “จู๋” ไม่แข็ง, ท่านเจ้าคณะสุดยอดนักพูดให้กำลังใจคน แต่ตัวตนเบื้องหลังเน่าเหม็นแค่ไหนบ้างก็ไม่รู้, ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ชาวบ้านมองว่าติสต์สุดๆ แต่ก็ยังเชื่อในเรื่องการแก้บน หรือแม้แต่คนดูละคร ก็รู้อยู่ว่ามันน้ำเน่า แต่ก็ดูก็เสพมัน
หรือว่า... แท้จริงแล้ว เหตุที่เราต้องอยู่กับอะไรแบบนี้ อยู่แบบทนๆ จำนนกันไป นั่นก็เพราะว่า “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” (สำหรับคุณ) จริงๆ นั่นล่ะ!
และไหนๆ ก็พูดแล้ว ก็ขอพูดต่ออีกหน่อย คือเรื่องเพลงประกอบอย่างเพลง “สุขใจ” (วง Kai-jo Brothers) นี่ก็คือสะท้อนอารมณ์ขันแบบเสียดเย้ยแบบเป็นเอกได้ เพราะชื่อเพลงกับทิศทางของเรื่องราวนี่ มันช่างขัดแย้งกันเสียเหลือเกินว่า “มันสุขใจตรงไหน? (วะ)” อย่างไรก็ดี เนื้อหาของเพลงก็ถือว่าได้รับใช้เนื้อหาของหนังอย่างลงตัว เนื่องจากมันสะท้อนถึงภาพฝันและความอยากไปให้พ้นๆ จากสภาพที่เหลือทนเต็มประดา
สรุปก็คือ “ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” เป็นหนังตลกที่มาพร้อมกับรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่อยอดทางความคิดได้เยอะมาก และก็อย่างที่บอกครับว่า นี่คืออีกหนึ่งผลงานการแสดงที่ดีงามของดาราสาวงามวัย 35 นามว่า “พลอย เฌอมาลย์”...