มีเรื่องราวที่น่าประทับใจเกิดขึ้นอย่างมากมายทีเดียวสำหรับการวิ่งจากเบตง - แม่สาย เป็นระยะทางกว่า 2,191 กิโลเมตรในโครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลของนักร้องดัง “ตูน บอดี้สแลม” หรือ “อาทิวราห์ คงมาลัย” ที่วันนี้เข้าสู่วันที่ 15 แล้ว
โดยวันวานที่ผ่านมา ทางด้านของ อ.นพ.รังสรรค์ ภูรยานนทชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจและปอด และเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความชวนประทับใจหลังจากที่ตนเองได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมแพทย์ดูแลนักร้องดังระหว่างที่วิ่งในจังหวัดสงขลา และ นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ระบุว่าแม้ที่ผ่านมาร่างกายของนักร้องดังจะอ่อนล้าถึงขนาดที่มีครั้งหนึ่งเกือบที่จะล้มลงจริงๆ จนตนต้องเข้าไปช่วย แต่ทว่าจิตใจและความมุ่งมั่นของนักร้องหนุ่มคนนี้ยิ่งใหญ่มาก
...
อยากบอกว่า การวิ่งครั้งนี้เป็นการวิ่งที่เครียดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะเป็นทีมแพทย์ที่ต้องวิ่งประกบ ตูน เพื่อดูแลทางด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการบาดเจ็บ
ครั้งแรกที่รับสายจากพี่ป๊อก Itthipol Samutthong ว่าขอให้ผมและทีมแพทย์นักวิ่งจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลนาทวี มาช่วยเป็นนักวิ่งของตูนระหว่างจังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช เพื่อดูแลเรื่องสุขภาพ และภาวะฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการวิ่งของเขา ผมลังเลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยวัตถุประสงค์ของโครงการ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะตอบรับเข้าร่วมทำหน้าที่ในครั้งนี้อย่างเต็มใจ
ผมรู้เพียงว่า หน้าที่ของทีมแพทย์ คือ การประคับประคองทุกอย่าง เพื่อส่งเขาไปยังจุดหมายที่เขาต้องการคือ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผมรู้เพียงแค่ว่า ผมต้องคอยดูแลสุขภาพของเขาระหว่างการวิ่ง ดูแลเพื่อป้องกันการเกิดการบาดเจ็บระหว่างการวิ่ง ดูแลรักษาอย่างทันท่วงที หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินกับ ตูน...........นั่นคือ การทำอย่างไรก็ได้อย่าให้ชายคนนี้ต้องล้มลง.......
ทุกครั้งที่ลงทำหน้าที่ ผมวิ่งตามหลังเขา หรือไม่ก็อยู่ในระยะที่ห่างจากเขาไม่มากนัก สายตาต้องคอยจับจ้องดูอาการผิดปกติที่แสดงออกมาทางร่างกาย จังหวะการวิ่งที่อาจจะมีความผิดปกติ การลงเท้าบนพื้นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นอย่างไร สมองของผมคอยคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และจะทำอย่างไรหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ผมจะรู้สึกเป็นห่วงเขาทุกครั้ง ที่เห็นเขาวิ่งเข้าหาฝูงชนที่มารอต้อนรับ ทุกครั้งที่เขาถูกฝูงชนรุมล้อม ทุกครั้งที่เขาถูกฝูงชนวิ่งเข้ามาขวางการก้าวเท้าของเขา หรือแม้แต่การหยุดเพื่อรับสิ่งของและเงินบริจาค เพราะหน้าที่ของผมคือ ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ใช้ชายคนนี้ล้มลง.....ผมทำได้เพียงส่งเสียงถามเขาเป็นระยะๆ ว่า “ตูน โอเคไหม” ทุกครั้งเขาจะตอบกลับมาว่า “โอเค ครับหมอ”......
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เขาเกือบล้มลงจริงๆในวันหนึ่งของการวิ่ง ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขา ผมต้องรีบเข้าไปเพื่อประคับประคองเขาเพื่อไม่ให้เขาล้ม และสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง......สีหน้าของเขาวันนั้น ทำให้ผมกังวล แต่ในจังหวะนั้นผมพบว่า แม้ร่างกายของเขาจะอ่อนล้า แต่จิตใจของเขายิ่งใหญ่มาก.....ด้วยจิตใต้สำนึก เขาพยายามยกมือทักทายทุกคน เขาพยายามชี้ และส่งเสียงให้ทีมงานคนอื่นของเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบา ให้เข้าไปรับสิ่งของ จากมือของฝูงชน ของเด็กๆและผู้สูงอายุที่รอเขาอยู่..... ผมรับรู้ได้เลยว่า "หัวใจของชายคนนี้ยิ่งใหญ่มาก" ความตั้งใจของเขามากมายมหาศาลเสียจริง..ในวันที่กายอ่อนล้า แต่จิตใจของเขาช่างแข็งแกร่งมากมายนัก.... ผมรับรู้ว่า เขาล้มไม่ได้ เขาต้องไปต่อไปเพื่อจุดหมายที่เขากำหนดไว้ ทุกคนต้องช่วยกันส่งเขาให้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได้......
ผมเชื่อว่า ประชาชนทุกคน อยากเห็นเขาทำประวัติศาสตร์ครั้งนี้ให้สำเร็จ ทุกคนอยากช่วยกันส่ง ชายที่ชื่อ “อาทิวราห์” ไปยังสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ ..ชายคนนี้ล้มลงไม่ได้.....
.. ชายคนนี้ทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มกำลังแล้ว.....พวกเราต้องช่วยกันดูแล ประคับประคองเขาไปยังจุดหมายปลายทางให้ได้ .... อย่าให้เขาเกิดการบาดเจ็บระหว่างทาง .... ไม่คว้าตัวเขา ไม่ดึงรุมทึ้งเขา ไม่วิ่งเข้ามาขวางการก้าวเท้า ไม่ทำให้เขาต้องหยุดเป็นระยะๆ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้.......ผมเชื่อว่า เขาจะต้องทำประวัติศาตร์ในครั้งนี้ได้อย่างสำเร็จ และสวยงามแน่นอน........
ผมส่งตูนได้แค่นี้นะ......
ขอบคุณอีกครั้งที่ให้ผมได้มีโอกาสดูแลชายคนนี้ ที่ชื่อ อาทิวราห์ คงมาลัย “ตูน บอดี้สแลม”...........