(ชมคลิป) “ไอซ์” มาพร้อมแม่ “ต๊ะ” แฉเรียกให้มาดูใจพ่อบอกไม่ว่าง! อัดมากราบศพ “โจ บอยสเก๊าท์” ได้ไม่ว่า แต่อย่ามาทำลายชื่อเสียงเกียรติยศ

เห็นดรามาแล้วขึ้น “ต๊ะ บอยสเก๊าท์” เดือด ขึ้นมึง - กู อัด “ไอซ์” มาไหว้พ่อไม่ว่า แต่อย่ามาทำลายชื่อเสียงเกียรติยศ “โจ บอยสเก๊าท์” แฉในวันเกิดเหตุ “ปราบปฏล” ขอให้มาดูใจ แต่อีกฝ่ายไม่มา อ้างไม่ว่าง ยันเชื่อว่าเป็นลูกโจ เพราะเพื่อนเคยพูดให้ฟัง เฉ่งยับคนที่มากับไอซ์ มาเกาะกระแสอะไร ถึงมาไลฟ์สดในงานศพเพื่อน ขู่เดี๋ยวมึงเจอกู ด้านไอซ์วันนี้มาพร้อมคุณแม่เข้ากราบคุณปู่

เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 12 พ.ย. 60 บรรยากาศพิธีสวดพระอภิธรรมศพคืนที่ 2 ของ “โจ บอยสเก๊าท์” หรือ “นายธนัท ฉิมท้วม” ณ วัดสายไหม ซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีคนบันเทิงเดินทางมาร่วมอาลัยต่อเนื่อง อาทิ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ มาพร้อมแฟนสาว บุ๋ม มินตยา เพ็ชรวารา, มาร์ - กิ๊ฟ ทีสเกิ๊ต, เต้ นันทศัย, ชมพู ฟรุตตี้, เป้ ไฮร็อค, แหม่ม พัชริดา ฯลฯ โดย ต๊ะ ได้เปิดใจร่ำไห้ ยอมรับยังทำใจไม่ได้กับการจากไป

“เมื่อกี้ก็เข้าไปบอกเขาว่ากลับมาแล้วนะ แต่คืนเมื่อวานนี้ผมต้องไปงานที่พิษณุโลก เพราะทางนั้นเขาขายโต๊ะไปแล้ว มันก็จะเกิดความเสียหาย เราเคลียร์ไม่ได้ ลาไม่ได้ ก็เลยต้องไปรับงานครับ มันไม่โอเคตั้งแต่วันมีเรื่องแล้วล่ะ (ร้องไห้) ผมยังทำใจไม่ได้ (ร้องไห้หนัก) เขาเป็นบัดดี้ผมมา 27 - 28 ปี ครับ ทำใจไม่ได้ ตอนนี้หลับตาก็มีแต่เรื่องเขา ไม่ค่อยได้นอนด้วย”

“ตอนเกิดเหตุคือผมได้แต่ง้างปาก เพราะโจพยายามกัด ผมก็พยายามบีบด้านข้าง แล้วก็ง้างคางเขาออกมาให้ได้มากที่สุด คือ ผมไม่กล้าทำไอ้ cpr อะไรนั่นน่ะ เพราะหนึ่งคือผมไม่มีองค์ความรู้ว่าจริงๆ แล้วมันทำยังไง และอีกเรื่องก็คือผมเคยมีประสบการณ์แล้วว่าผมเคยเตะบอลการกุศล แล้วมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเขามาล้มตรงหน้าผมอาการเดียวกันเลย ตาตั้งชักเกร็งเหมือนกัน ผมก็ช่วย cpr ให้เขา ปรากฏว่า เขาไปเสียชีวิตในรถโรงพยาบาล ผมก็เลยไม่กล้าทำอีก เพราะไม่รู้ว่าเขาเสียชีวิตเพราะผมทำไม่เป็นหรือเปล่า”

“ตรงนั้นกับโจผมก็เลยไม่กล้า แล้วพอดีมีคนส่งเสียงมาว่าคนนี้ๆ เป็นหมอ ก็เลยได้แต่ฝากความหวังไว้ที่พวกเขาครับ เมื่อกี้ก็แค่เข้าไปบอกเฉยๆ ครับว่าผมมาแล้ว แต่ยังต้องมีอะไรดูแลกันอีกครับ ต้องดูแลเขาไปจนกว่าจะส่งเขาวันสุดท้าย เขาเหมือนจะดูว่าไม่แข็งแรง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่สบาย ส่วนมากก็โรคกระเพาะนานๆ จะเป็นที”

เผยโจเคยเล่าให้ฟังว่าหมอดูทักว่าต้องบวช ถ้าไม่บวชจะมีอันเป็นไปถึงแก่ชีวิต
บุ๋ม : “เขาเล่าว่าที่เขาต้องบวชอีกครั้ง เพราะมีพระหรือหมอดูมาทักเขาว่าถ้าไม่บวชเขาจะมีอันเป็นไปถึงชีวิต หลังจากเขาบวชมาก็ 3 ปีแล้วค่ะ ก็เหมือนต่ออายุเขา”

ต๊ะ : “เรื่องนี้ผมไม่ได้สนใจหรอก เพราะเขาก็ยังแข็งแรง แต่มันก็ไม่แน่นะ เพราะมันเป็นเรื่องอาการของหัวใจ”

บุ๋ม : “แต่พี่โจหลังๆ เขาก็ผอมซูบไป เราจับอยู่เรารู้มือ”

พ้อหาก 4 - 5 นาทีตรงนั้นช่วยได้ก็คงไม่สูญเสีย บอกเห็นการตายของโจต่อหน้าทำให้ปลง
ต๊ะ : “จริงๆ ก่อนนี้เขาก็พยายามเล่นเวต พยายามบิวต์เขาอยู่ ก็ซื้อดัมเบลมาไว้ที่ห้องแล้ว ก็ไม่คิดนะ มันไม่มีลางบอกเหตุ ไม่มีลางอะไรเลยที่จะบอกว่ามันจะเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายแล้ววันนั้น ก็ต้องใส่ใจสุขภาพมากขึ้นครับ เรื่องโจนี่ก็ทำให้ปลงได้นะ เพราะว่ามันไวมาก แค่เวลาไม่ถึง 4 - 5 นาที ช่วงเวลาสำคัญตรงนั้นถ้าเราสามารถทำอะไรได้เราคงไม่สูญเสีย ตอนที่ไปส่งถึงโรงพยาบาลเราก็ยังไม่เชื่อ ยังพูดกับบุ๋มเลยมันไม่ใช่ คือความรู้สึกเราไม่มีเลย ส่วนใหญ่เวลาจะเจออะไรร้ายๆ มันจะมีความรู้สึกบอก แต่ของโจนี่ไม่มีความรู้สึกเลย แต่บุ๋มเขามีนะ ตอนนั้นเราไปซาวน์เช็กกันสองคนเพราะว่าดิ๊บไม่ว่าง พอเสร็จก็เดินข้ามไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน”

บุ๋ม : “ตอนนั้นเดินข้ามถนนกัน พี่โจอยู่ซ้าย พี่ต๊ะอยู่ขวา บุ๋มก็ควงแขนทั้งคู่ แล้วบุ๋มก็บอกกับพี่โจว่าเรารู้จักกันมาเกือบจะ 13 ปีแล้วนะ เราเป็นพี่น้องกันนะ ต่อไปนี้พี่โจจะทำอะไรให้มีบุ๋มอยู่ในนั้นด้วย”

ต๊ะ : “ผมยังทักเลยว่าเป็นอะไรเนี่ย เพราะปกติเขาไม่เคยพูดแบบนี้”

บุ๋ม : “แล้วก่อนหน้านั้นวันเดียวก็รู้สึกคิดถึงพี่โจมาก ก็ส่งข้อความไป พี่ต๊ะก็จะขับรถไปหา แต่โทร.ไปแล้วเขาติดถ่ายละคร อีกวันหนึ่งก็ส่งข้อความไปว่าพี่โจอยู่ไหน ไปสนามหลวงไปไหว้ในหลวงกันมั้ย เขาก็บอกเขาไปงานศพป้าที่สุพรรณ ก็คือก่อนที่จะมาซ้อมคอนเสิร์ตกันค่ะ”

ต๊ะ : “ซึ่งป้าเขาก็เผาวันนี้แหละครับ”

รับโจห่วงพ่อที่สุด กำลังมองหาลู่ทางอยู่ว่าจะมีศักยภาพอะไรช่วยเหลือได้บ้าง
ต๊ะ : “โจค่อนข้างที่จะเป็นห่วงพ่อ เพราะว่าตัวเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดพ่อสักเท่าไหร่ ส่วนคุณแม่กับพี่ชายก็เสียไปแล้ว สิ่งที่เขาห่วงชัดๆ เลยก็น่าจะเป็นเรื่องพ่อเรื่องเดียวที่ว่าเขายังดูแลพ่อไม่ได้เท่าที่เขาต้องการ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมกำลังมองอยู่กับเพื่อนๆ ว่าเรามีศักยภาพตรงไหนที่เราพอจะช่วยได้บ้าง ก็เดี๋ยวจะลองคุยกันดู อยากช่วยมันนะ”

บุ๋ม : “เขาเคยคุยกับบุ๋มว่าเขาเก็บเงินอยากจะซื้อนาฬิกาข้อมือ RADO ให้พ่อ”

ต๊ะ : “ถ้าถามว่ามึงอยากจะฝากอะไรถึงกู ก็คงเป็นเรื่องนี้แหละที่ใกล้ตัวเขามากที่สุด ที่เขาน่าจะห่วงมากที่สุด”

เห็นดรามาแล้วขึ้น รับ “โจ” เคยเล่าว่ามีแฟนและมีลูก แต่งงวันที่เพื่อนโคม่า “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง” โทร.หา “ไอซ์” ให้มาดูพ่อ อีกฝ่ายบอกไม่ว่าง
ต๊ะ : “เคยทราบครับ โจเคยพูดให้ฟังว่าเคยมีประสบการณ์ตั้งแต่เด็กๆ ตอนที่ยังไม่เข้าวงการว่าเคยมีแฟนและมีลูกกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้ฟังเรื่องนี่ก็เมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกว่าเขานัดเจอกับลูกชาย กินข้าวกัน ลูกชายเขาโตแล้ว ก็แค่นั้น เขาไม่ได้พูดถึงบ่อยครับ ก็คิดว่าน่าจะใช่ลูกโจจริงๆ แต่ตรงนี้ผมพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ผมไม่เคยเจอเขา และไม่รู้ว่าอะไรยังไง เพราะมันมีเรื่องอยู่นิดหนึ่งวันที่ผมเกิดเหตุการณ์นี้แหละ”

“คือหมอต้องการคนที่เป็นญาติจริงๆ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นความตาย แต่เราไม่ใช่ญาติ เราก็ต้องหา เราก็ลืมไปว่าเขามีพี่นกน้อย และเพื่อนในกลุ่มก็พยายามช่วยกันลงคลิปส่งข้อความ จนมีคนหนึ่งเอะใจขึ้นมาว่าเคยเห็นโจคุยกับลูกในเฟซ คนนั้นก็คือพี่ปราบต์ปฎล เขาก็เลยต่อสายไปถึงน้อง เขาก็ค่อยๆ คุยแหละ ถามว่าน้องชื่อนี้ใช่มั้ย เป็นลูกโจใช่มั้ย เขาก็พูดตอบว่าใช่ ทีนี้พี่ปราบเขาก็บอกว่าพ่อโคมาอยู่นะ อยู่ไอ.ซี.ยู. อยากให้มาดูพ่อหน่อยมั้ย บ้านอยู่ไหน เขาบอกบ้านอยู่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ก็บอกมึงมาโรงพยาบาลลาดพร้าวได้มั้ย เขาบอกมาไม่ได้ ไม่ว่าง จะว่างอีกทีวันอาทิตย์ แล้วเมื่อวานก็มีข่าว คือ วันนั้นมันบอกว่ามันไม่ว่าง แต่ตอนที่คุยพี่ปราบก็ยังไม่ได้บอกว่าโจเสีย แต่โคมาต้องการให้มาดู มึงมาดูพ่อหน่อยมั้ย จนปฏิสัมพันธ์มันไม่ตอบรับว่าพ่อกูจะตายแล้วเลยนะ มันไม่มีความรู้สึกแบบนั้น มันมีแต่ความเย็นชา จนพี่ปราบเขาไม่ไหว เขาเลยบอกว่าตอนนี้พ่อมึงตายแล้ว มึงจะมาดูมั้ย พ่อมึงตายแล้วอยู่ในห้องเนี่ย มันบอกว่าไม่ว่าง มันไม่ว่างจนถึงวันอาทิตย์ แล้วผมก็เห็นข่าวเมื่อวานนี้เพื่อนส่งมาให้ดูว่ามันมามีอาการดรามาในนี้”

บอกไม่ติดใจอีกฝ่ายมาไหว้ศพพ่อครั้งสุดท้าย แค่ไม่เข้าใจทำไมไม่เข้าหาปู่เพื่อบอกว่าตนเป็นลูก แต่กลับไปบอกนักข่าวก่อน อัด “ไอ้ดรามาก้อน” มึงมาเอากระแสอะไร ถึงไลฟ์สดในงานศพเพื่อนกู อัดมาวันนี้มึงเจอกูแน่
“คือ ผมไม่ติดใจเรื่องน้องเป็นลูก เป็นลูกก็มาไหว้พ่อได้ แต่ทีนี้มาถึงแล้วการที่มึงจะสำนึกบุญคุณพ่อมึงเนี่ย มึงต้องเข้าหาปู่มึงก่อนแล้ว มึงต้องบอกกับปู่มึงก่อน บอกป้ามึง บอกน้ามึงว่ามึงคือลูกของโจ ไม่ใช่บอกนักข่าวก่อน เดี๋ยวกำลังตามล่าไอ้ดราก้อนอะไรนี่ด้วยเนี่ย ไอ้คนที่พาเด็กมาเนี่ย คนที่ยืนข้างเด็กเมื่อวานเนี้ย คือ มึงมาไลฟ์สดโชว์เพื่อนผมรดน้ำศพเหรอ มันสมควรมั้ย มึงเป็นใคร มึงอยู่ส่วนไหนของชีวิตไอ้โจ มึงมาเอากระแส มึงมาถ่ายรดน้ำศพเพื่ออะไร เดี๋ยววันนี้มันมามันเจอผมแน่ ผมไม่พอใจนะ มึงเป็นใครล่ะ มึงมาแอบอ้างแล้วมึงมาไลฟ์สดเพื่อนกูนอนตายอยู่เนี่ยเหรอ เขาเป็นคนตายมึงต้องให้เกียรติเขาสิ แล้วก็มีนักข่าว โทร.มาถามผมว่ารู้เรื่องหรือเปล่าเรื่องโจมีลูก ผมก็เลยบอกเต็มปากเลยว่าไม่รู้เรื่อง เพราะผมไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับมัน รู้แค่ว่าโจเคยบอกว่าเคยมีลูกนะตอนเด็กๆ และเคยไปหาลูกมา ก็มีแค่ 2 แมสเซสนี้”

บุ๋ม : “ถามว่าเขามาดีมั้ย มันน่าจะเป็นในเรื่องของช่วงเวลาที่ตอนนั้นน้องรับโทรศัพท์เป็นตอนกลางคืน น้องอาจจะไม่ได้กลั่นกรองมาก และด้วยความที่พี่โจก็ไม่ได้เลี้ยงดูกันมาก็อาจจะมีอารมณ์ตรงนั้น”

ต๊ะ : “ใช่ ความรักพ่อ ความสนิทชิดเชื้อมันอาจจะไม่ค่อยมีมากจนทำให้บอกมันว่ามันควรจะทำยังไง แต่ทีนี้เราไม่ได้โทษเพราะยังไงมันก็คือลูกชายของเพื่อนเรา มันคือหลานเรานี่แหละ”

บุ๋ม : “บุ๋มเชื่อว่าแม่เขาก็คงให้คำแนะนำกับลูกเขาว่าคนนี้ก็คือพ่อ เขาถึงมา”

ต๊ะ : “คือ มึงมาเถอะ ไหว้พ่อมึงน่ะ มึงมาเลย ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่อย่าทำให้เกียรติยศชื่อเสียงของเพื่อนกูเสียหายกับเรื่องแบบนี้ ไอ้ตัวสำคัญนี่แหละ ผมก็ยอมรับว่าเป็นหลานนะ ไม่ได้แอนตี้เขานะ เพราะถ้ามันคือหลานจริงๆ มันก็คือหลานแหละ ใครก็ได้ที่จะเข้ามาหาโจตอนนี้ เพราะโจตายแล้ว คุณจะทำอะไรก็ได้ให้โจ แต่อย่าทำให้โจเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือแย่ลง มันไม่ใช่”

ต่อมาในเวลา 19.05 น. “ไอซ์ โชคชัย อุชชิน” ลูกชายเพียงคนเดียวของนักร้องผู้ล่วงลับ “โจ บอยสเก๊าท์” ได้เดินทางมาถึงวัดสายไหม พร้อมกับคุณแม่ “น้ำ นันทิยา อุชชิน” และได้เข้าไปไหว้คุณปู่ พร้อมกับพูดคุยกันเล็กน้อย และนั่งฟังพระสวดอย่างสงบ