“ไทด์ เอกพันธ์” เผื่ออนาคตมีรักใหม่ ปรึกษาทนาย 3 ปี ฟ้องหย่าได้ถ้าเมียยังยื้อไม่ยอมหย่า บอกถึงไม่หย่าก็กลับไปอยู่ในสถานะเดิมไม่ได้อีกแล้ว เผยเมียเรียกร้องเรื่องทรัพย์สินที่ทำให้ไม่ได้
ยังคงเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อกันอยู่ สำหรับกรณีของนักแสดงรุ่นใหญ่ “ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” กับอดีตภรรยา “ยุ้ย คนึงนิตย์ ศิริพงษ์ปรีดา” ซึ่งฝ่ายไทด์ต้องการจะหย่า เพราะมีปัญหาและแยกกันอยู่มานานแล้ว แต่ฝั่งอดีตภรรยายังไม่ยอมหย่า ล่าสุด เจอไทด์ที่งานบวงสรวงละครเรื่อง ชาติ ลำชี ณ หมู่บ้านสวนแหลมทอง 2 ถนนพัฒนาการซอย 28 เจ้าตัวก็เผยว่าถึงตอนนี้ยุ้ยก็ยังไม่ยอมที่จะหย่าให้ ตนก็เลยได้แต่ปล่อยไป
“ตอนนี้ครอบครัวก็สุขสบายดีครับ ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างดูแลลูก คือ ช่วงนี้หลังจากที่มีเรื่องมีราวกันมา คือ เขายังไม่หย่าให้ ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรผมก็บอกไปแล้วว่าถ้าผมขอร้อง ขอหย่าแล้วเขาไม่หย่าให้ก็ไม่เป็นไร แต่ต่างคนก็ต่างอยู่ไป เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันดูแลลูก ส่วนผมตอนนี้ก็โสดไม่มีใคร ส่วนเขาจะมีใครหรือไปเจอใครและมาบอกผมว่าจะหย่า ผมก็จะรีบหย่าให้ทันที เพราะตอนนี้เราก็แยกบ้านกันอยู่เกือบ 2 ปีแล้ว แต่ที่ปีกว่านั้นคือนอนบ้านเดียวกัน แต่คนละห้อง”
“ลูกๆ จะอยู่กับผมวันศุกร์ถึงจันทร์ ส่วนอังคารถึงศุกร์เย็นอยู่กับเขา เราก็แฮปปี้กันดี และผมก็ยังเป็นคนดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม ถามว่ามีโอกาสจะไม่หย่าเลยมั้ย อยู่ที่เขาครับ ตัวผมยังไงก็ได้ เขาไม่หย่าก็ไม่เป็นไร แต่คงไม่มีโอกาสกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว เป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ดูแล เห็นใจกัน แต่คงไม่กลับมาเป็นสถานะเดิม”
“แต่การที่ยังไม่หย่ามันก็เป็นอุปสรรค คือสมมติถ้าผมจะไปรักใครสักคนหนึ่ง คนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิต แน่นอนว่าเขาคงต้องการให้ผมเป็นอิสระ คือถ้าเขาไม่หย่าให้ ผมก็คงไม่มีคนอื่น แต่จะเป็นกิ๊กอะไรอันนั้นได้ (หัวเราะ) แต่ถ้าอยู่แบบสามีภรรยาไม่ได้ ถามว่าจะมีโอกาสฟ้องหย่ามั้ย ก็คิดอยู่เหมือนกัน ถ้านานไปแล้วเราเจอใครสักคนที่เราชอบ และอยากขอแต่งงาน แต่ถ้าเรายังไม่มีใบหย่าเราคงต้องปรึกษาทนาย แต่เห็นว่าถ้าถึง 3 ปีแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็สามารถจะฟ้องหย่ากันได้”
เผยอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอเรื่องทรัพย์สิน แต่ตนไม่สามารถทำตามได้
“เหตุผลที่เขาไม่หย่าคือเขามีข้อเสนอ ซึ่งผมทำตามไม่ได้ครับ เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน คือเขาเรียกร้องมาผมก็ไม่มีให้เขาอยู่แล้ว เขาไม่หย่าก็ไม่เป็นไร ผมอยู่แบบนี้ก็ได้สบาย ตอนนี้ผมก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ ส่วนตัวเขาเอง ผมหยุดให้ค่าใช้จ่ายตั้งแต่ ม.ค. 60 ที่เรามีเรื่องหย่ากัน แต่ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาให้เขา เพราะเขาเองก็ต้องดูแลลูก แต่ไม่ได้ให้เท่าเดิม สมมติว่า เมื่อก่อนให้เดือนละ 50,000 ก็ลดเหลือ 30,000 ตั้งแต่เดือนพ.ค. เพราะลูกมาบอกว่าแม่ต้องใช้เงินไปโน่นนี่ ซื้อของบ้าง เงินตรงนี้ไม่เกี่ยวกับที่ให้ลูก ก็คงต้องให้ต่อไปยาวๆ จนกว่าเขาจะหย่าให้”
บอกไม่สนกระแสโจมตี บอกสงสารแค่ลูก
“กระแสที่โดนโจมตีก่อนหน้านี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ว่าคนจะด่าว่าผมเป็นผู้ชายเลว เพราะเขาไม่รู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวผม ไม่รู้หรอกว่าอะไรเกิดกับชีวิตผมบ้าง เขาอ่านแต่ข้อความของผู้หญิงที่ให้ข่าวว่าผมมีคนใหม่ ทิ้งเขา สังคมก็ประณามผม แต่ผมคิดว่าวันหนึ่งที่เหตุการณ์คลี่คลาย ผมมีโอกาสพูดบ้างว่าทำไมผมขอเขาหย่าทุกคนคงได้เข้าใจ”
“ส่วนทางครอบครัวที่เคยออกมาโจมตีผม พอได้ทราบความจริงทุกอย่างก็ดีขึ้น ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตปกติ ใครที่ด่าที่ว่าผมก็ให้อภัย อโหสิกรรม ส่วนลูกตอนแรกผมก็สงสารเขา ทั้งเพื่อนๆ และครูต่างก็ถามลูกหมดเลย เวลาครูให้เขียนสถานะครอบครัว เขาก็ยังติดๆ ขัดๆ ว่าจะเขียนยังไง ผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับลูกยังไง บางทีเขาก็ถามว่าพ่อจะมีโอกาสคืนดีกับคุณแม่มั้ย ผมก็อธิบายให้ฟังว่าเราไม่ได้เกลียดกัน แต่เราขอเป็นเพื่อนกัน ยังสามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ ลูกๆ ก็เริ่มโอเคขึ้น”