“อันที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีนะคะ ฉันรู้สึกขอบคุณและมีความสุขมากที่ผู้ชมสนุกไปกับตัวละครวันเดอร์ วูแมน ที่ฉันรับบท แต่พอมาเล่นเรื่องถัดมาอย่าง Wonder Woman ฉันก็ยิ่งต้องตั้งใจที่จะให้ตัวละครตัวนี้ออกมาดีที่สุด เพราะเมื่อคุณพยายามให้ผู้ชมพอใจ พยายามให้ทุกคนพอใจ คุณก็จะสูญเสียความตั้งใจจริงของคุณไป คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หรอก เพราะฉะนั้น สำหรับฉันแล้วเป็นเรื่องดีกว่าที่จะยึดมั่นในความคิดของตัวเองและทำงานตามแนวทางที่ฉันเห็นว่าดีที่สุดสำหรับตัวละคร เหมือนกับที่ฉันทำมาใน Batman v Superman”
นั่นคือคำพูดให้สัมภาษณ์ของนักแสดงสาวที่กล่าวได้ว่า “ฮอตที่สุดคนหนึ่ง ณ ชั่วโมงนี้” ผู้มีนามที่ออกเสียงและสะกดค่อนข้างยากว่า “กัล กาด็อต” (Gal Gadot) ที่จู่ๆ ก็ฮอตขึ้นมาทันทีในการปรากฏตัวเพียงระยะสั้นๆ ในหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแบ็ทแมนปะทะซูเปอร์แมนเมื่อปีที่ผ่านมา และถ้าเราเป็นกัล กาด็อต ก็คงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกันที่ตัวละครดังกล่าวได้การตอบรับที่น่าพอใจอย่างมาก... เอาเป็นว่า ก็มากถึงขั้นที่มีหนังภาคแยกเดี่ยวๆ ของเธอออกมา
และถ้าดูจากรูปการณ์ความเป็นจริงตามกระแสที่ปรากฏ ก็คงต้องยอมรับว่า การเปิดฉากฉายเดี่ยวของ “วันเดอร์ วูแมน” นั้น เปล่งแสงออร่ารุนแรงถึงขั้นที่มองทางข้างหน้าได้ว่า นี่คือการแตกไลน์ที่จะต่อยอดแฟรนไชส์ไปได้อีกหลายภาค
อย่างน้อยที่สุด ณ จุดนี้ ผมเชื่อว่าคนดูผู้ชมที่ผ่านตาภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ย่อมมีความรักในตัวของวันเดอร์ วูแม่น เช่นเดียวกับรู้สึกนิยมชมชอบนักแสดงอย่างกัล กาด็อต และความรักความนิยมนี้ ก็เพียงพอแล้วต่อการสานต่อและติดตามชมผลงานภาคต่อๆ ไป
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า ปัจจัยข้อแรกๆ ที่น่าจะทำให้คนตกหลุมรักวันเดอร์ วูแม่น ได้ตั้งแต่การเปิดตัวครั้งนี้ ก็คือตัวตนของเธอ ที่ถ้าจะว่ากันตามจริง ก็เหมือนตัวแทนของอุดมคติแบบสูงสุดที่หาได้ยากยิ่ง ผมรู้สึกชอบคำพูดหนึ่งของคริส ไพน์ ซึ่งรับบทเป็นสายลับหนุ่มหล่อในเรื่อง และเขาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบทบาทตัวตนของวันเดอร์ วูแมน ในภาคนี้ไว้ว่า ตัวของวันเดอร์ วูแมน นั้น แสดงให้เห็นว่ามันยังมีพื้นที่สำหรับอุดมคติและความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องให้แก่ผู้อื่น... และเธอก็ตั้งใจทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นความถูกต้องนั้นอย่างเต็มที่ตั้งแต่เดินทางออกมาจากเกาะ
ความเป็นมาโดยย่อ... วันเดอร์ วูแมน นั้นโดยพื้นฐานกำเนิด มีชื่อว่า “ไดอานา” เจ้าหญิงแห่งอเมซอนผู้เติบโตมาบนเกาะอันห่างไกลและได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบผู้ไร้เทียมทาน แต่เมื่อนักบินชาวอเมริกันประสบเหตุเครื่องบินตกที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้ และเล่าถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่ปะทุขึ้นในโลกภายนอก ไดอานาจึงจากบ้านเกิดด้วยความเชื่อมั่นว่าเธอสามารถหยุดยั้งภัยคุกคามนั้นได้ โดยมีเป้าหมายคือวายร้ายตัวฉกาจที่พอเล่าให้ใครเขาฟัง ทุกคนก็คงขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจและขำๆ
ความซื่อใส ไร้เดียงสา ต่อโลกกว้างใหญ่ภายนอก และยึดมั่นในอุดมคติของตนแบบหนักแน่นมั่นคง จนดูน่าขบขันในสายตาคนอื่น นั่นคือสีสันแห่งตัวตนของ “ไดอานา พรินซ์” ที่กลายมาเป็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสำหรับคนดูผู้ชม... ด้วยความเอ็นดู ไม่ใช่ดูแคลน ...
“วันเดอร์วูแมนมีความบริสุทธิ์จริงใจที่ผมชอบ” แซ็ค สไนเดอร์ ผู้กำกับชื่อดังและนั่งตำแหน่งโปรดิวซ์ให้กับเรื่องนี้ด้วย พูดในสิ่งที่ผมเชื่อว่าตรงใจคนดูทุกคน
“เธอไม่ได้มีอดีตอันเจ็บปวด ไม่ได้หาทางแก้แค้นคนที่ทำผิดต่อเธอ แล้วก็ไม่ได้เติบโตมากับความทุกข์ยากมืดมน เธอมีวัยเด็กที่สวยสดงดงามและได้รับการสอนมาให้เห็นคุณค่าของชีวิต เธอเป็นฮีโร่เพราะต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง”
ซึ่งก็พ้องกับสิ่งที่ผู้กำกับหญิง “แพ็ตตี้ เจนคินส์” กล่าวยืนยันว่า ซูเปอร์ฮีโร่ทุกคนมีจุดแข็งของตัวเอง แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตัววันเดอร์ วูแมน ก็คือความดีงาม ความเมตตากรุณา และความอ่อนโยนของเธอ แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้บั่นทอนพลังของเธอลงเลย มีแต่จะช่วยเพิ่มอานุภาพให้มากขึ้นด้วยซ้ำไป”
หากสรุปแบบง่ายๆ จากคำพูดของใครต่อใครที่ผมหยิบยกมา ก็คงต้องยอมรับว่า “ไดอานา” หรือ “วันเดอร์ วูแมน” นั้น มีสิ่งที่น่าปรารถนาครบครันในตัวเธอ ทั้งรูปโฉมที่งามสง่า รวมทั้งพลังความดีที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อคนอื่น และแน่นอนว่า “กัล กาด็อต” คือนักแสดงที่ถอดอัตลักษณ์ของวันเดอร์ วูแมน ออกมาถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ นั่นหมายความว่า ถ้ารักวันเดอร์ วูแมน ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรักกัล กาด็อต ด้วย
โดยแก่นหลักของเนื้อหาแล้ว ผมเห็นว่า นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้เราตกหลุมรักได้ไม่ยาก มันพูดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ค่อนข้างยากสำหรับมนุษย์กับการที่จะอุทิศตัวเองเพื่อการทำสิ่งสูงสุดอย่างความดีงามความถูกต้อง แต่ลึกๆ แล้ว เนื้อหาที่หนังพูด มันก็คือสิ่งมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ปรารถนาที่จะทำ แม้เราอาจจะคิดว่า ก็เราไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรเหมือนกับสาวซูเปอร์ฮีโร่นี่ จะทำแบบนั้นได้อย่างไร แต่สุดท้าย แรงบันดาลใจหรือความปรารถนานี้ ผมก็เชื่อว่ามันไม่เคยหล่นหายไปจากเราโดยแท้จริง มันอาจจะนอนนิ่งๆ อยู่ข้างใน และการเดินทางมาถึงของวันเดอร์ วูแมน ก็ได้ทำปฏิกิริยากับสำนึกที่นอนนิ่งอยู่นั้น ให้กลับมารู้สึกมีชีวิตชีวาและมีพลังอีกครั้งหนึ่ง... แม้จะชั่วขณะหนึ่งแห่งการรับชมในโรงหนัง...ก็ตามที
อย่างไรก็ดี ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วนที่ช่วยกันเติมเต็มความบันเทิงให้กับคนดู พร้อมกับสอดแทรกเนื้อหาสาระ เป็นบริบทที่ล้อมรอบส่งพลัง แม้กระทั่งตัวประกอบที่เป็นเพื่อนร่วมขบวนของหนุ่มสายลับที่แต่ละคนมีสีสันความสนุกในแบบของตัวเอง แถมมีบางคำที่ปล่อยออกมาแล้วคมกริบ อย่างเช่น “คนเราต่างก็มีสงครามที่ต้องต่อสู้เป็นของตัวเอง” สิ่งเหล่านี้มีความหมาย ร่วมกันขับเคลื่อนให้หนังแอ็กชั่นซูเปอร์ฮีโร่เรื่องหนึ่ง มีความสมบูรณ์และตอบสนองความคุ้มค่าของคนดูได้อย่างรู้สึกเต็มอิ่มกับการรับชม
สุดท้ายสำหรับผม “วันเดอร์ วูแมน” เป็นหนังที่พูดแนะนำได้อย่างชัดถ้อยชัดคำครับว่า “ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง”