สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยทนไม่ไหว ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงกรณี ผกก. หื่นทำอนาจารและข่มขืนเด็กหญิง แฉแอบอ้างเป็นแค่เอ็กซ์ตร้าในกองถ่าย แนะให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด เป็นคดีตัวอย่าง วอนผู้ปกครองอย่าหลงเชื่อ รับละอายใจ เหลือบริ้นไรมาเกาะ ทำให้วงการเสื่อมเสีย ยัน ผกก. ตัวจริง มีจรรยาบรรณ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เล็งขึ้นทะเบียน ผกก. จัดระเบียบให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ถ้าข้องใจให้ โทร.เข้ามาสอบถามจะตามเช็กประวัติให้
จากกรณีที่มีผู้ปกครอง 2 เด็กหญิงเข้าแจ้งความว่า บุตรหลานถูกนาย “เอก หลวงแสง” อ้างตัวเป็นผู้กำกับ ลวงให้มาถ่ายฟิตติ้ง ถ่ายภาพ และเรียนการแสดง เพื่อเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องมนต์เลิฟทุ่งกุลา ก่อนจะหว่านล้อมให้ถอดเสื้อผ้า ทั้งลูบคลำ และมีเพศสัมพันธ์ไปสามครั้ง ซึ่งนายเอกยอมรับว่าล่วงละเมิดเด็กสาวจริง แต่ไม่มีการบังคับขู่เข็ญใดๆ เพียงแค่บอกว่าคิดจะเป็นนักแสดงต้องแสดงได้ทุกบทบาท
ล่าสุด ในวันนี้ (2 มิ.ย.) “อ๊อด บัณฑิต ทองดี” นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย พร้อมด้วย “พชร์ อานนท์” และ “กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์” ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า เป็นแค่ผู้แอบอ้างตัวเท่านั้น เป็นเหตุให้ทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเกิดความเสียหายและสร้างความไม่สบายใจให้ผู้กำกับทุกท่านเป็นอย่างมาก จึงอยากจะออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปให้รับทราบ ณ ลาน อินฟิทนิท ฮอลล์ ชั้น5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
อ๊อด : “ต้องบอกก่อนว่าที่สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยต้องแถลงข่าวในวันนี้ ก็เพราะว่าใน 2 - 3 ปีที่ผ่านมา มีข่าวคราวที่เรียกว่าข่าวฉาวในวงการบันเทิง แต่บังเอิญข่าวฉาวที่เกิดขึ้นเนี่ยมันเกิดจากกลุ่มคนที่ถูกเรียกหรือกล่าวอ้างว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทย เพราะฉะนั้น แรกๆ เราก็อาจดูท่าทีไปก่อนว่าเป็นยังไงแล้วก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร พอมี 2 - 3 - 4 มาเรื่อยๆ เราเลยรู้สึกว่าทางสมาคมผู้กำกับของเราไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะศักดิ์ศรีที่เราสะสมกันมานานเริ่มถูกลิดรอน ลดทอนความน่าเชื่อถือไปจากประชาชน”
“วันนี้เลยมีการแถลงข่าวบอกกล่าวว่านโยบายของเราเป็นยังไง พวกเราทำงานกันยังไง มีจุดยืนกันยังไง เราจะทำอะไรให้สังคมได้ตรวจสอบคนเหล่านี้ได้บ้าง ก็ต้องบอกก่อนว่ากรณีคนที่ใช้ชื่อ เอก อิสระ เนี่ย หลังจากที่ได้มีการเข้าไปสืบข้อมูล ก็มีคนแชร์ข้อมูลมาให้ก็สืบทราบมาว่า คุณเอก อิสระ ยังไม่ใช่ผู้กำกับ ยังไม่เคยทำหนัง ไม่เคยทำละคร ไม่เคยทำอะไรทั้งสิ้น ที่เป็นการกำกับ เป็นแค่เอ็กซ์ตร้า เป็นโมเดลลิ่งบ้าง แล้วก็เป็นสตันต์แมน แต่ว่าบังเอิญอยากทำหนัง เลยใช้วิธีการเข้าไปขอเรี่ยไรเงินหาทุน โดยใช้กุศโลบายว่าหาเงินทำหนังเพื่อสร้างเจดีย์ที่จังหวัดทางภาคอีสาน”
“หลังจากนั้น ก็เริ่มทำการแคสติ้ง โดยที่ยังไม่มีการเปิดกล้อง ยังไม่มีการกำกับใดๆ ทั้งสิ้น พอเปิดแคสติ้งผมก็ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจแคสติ้งจริงๆ หรือเป็นอุบายหลอกเด็กๆ ไปทำมิดีมิร้ายตามข่าว โดยอ้างชื่อว่าตัวเองเป็นผู้กำกับ ทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเราเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก ว่า ผู้กำกับคนนี้อยู่สมาคมเราหรือเปล่า แล้วทำไมปล่อยให้เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ทำไมสมาคมไม่จัดการอะไร อีกเรื่องหนึ่งคือเราอยากจะวางตัวเป็นสื่อกลางของบุคคล หรือผู้ปกครองที่อยากจะเอาลูกเข้าวงการ หรือได้รับการติดต่อให้แคสติ้งจากคนที่เป็นผู้กำกับ เป็นสื่อกลางในการตรวจสอบให้ว่าคนนี้เป็นยังไงมีตัวตนจริงมั้ย เราจะเช็กประวัติให้สอบถามมาได้ ถ้าไม่รู้จะสืบให้รู้ให้ได้ เพราะคอนเนกชันของเราแต่ละคนในสมาคมก็น่าจะครอบคลุมวงการ เรามั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือตรงนี้กับสังคมได้”
“(โชว์บอร์ดข่าว) จากข่าวนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อตอนต้นปีก็มีข่าวบุคคลที่เรียกตัวว่าผู้กำกับลวนลามนางแบบ ขอขึ้นคอนโดแล้วใช้วาจาคุกคาม พอสืบไปก็ไม่ใช่ผู้กำกับ แต่เป็นตากล้องช่างภาพ เคยทำหนังสั้นมาบ้าง แต่ไม่น่าเรียกว่าผู้กำกับภาพยนตร์ไทยได้ ก่อนหน้านี้ 2 - 3 ปีก่อนก็มีข่าวผู้กำกับกับเราไปแคสติ้งในโรงแรมที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเรามองว่ามันหลายครั้งมากจนเราไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกแล้ว คือผู้กำกับอย่างเรา ที่มีผลงานไม่เคยมีข่าวอะไรแบบนี้ เรามีจรรยาบรรณ มีคุณธรรมพอที่จะทำงานอย่างมืออาชีพ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้กำกับจริงๆ จะไม่ทำอะไรแบบนี้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเหมือนกัน”
แนะผู้ปกครอง ต้องดูความเป็นไปได้ การแคสติ้งไม่ใช่จะแคสกันที่ทาวน์เฮาส์ไกลๆ อยากให้ลูกเป็นดาราต้องระวัง และอย่าไปยอมทั้งหมด
พชร์ : “ก็ต้องฝากพี่ๆ สื่อมวลชนว่าผู้กำกับชื่อดัง ก็น่าจะสืบดูให้ดีว่าเขาเป็นผู้กำกับจริงหรือเปล่า พอลงข่าวไปคนก็จะมองว่าผู้กำกับมันเป็นยังไง เพราะมีข่าวแบบนี้บ่อยมาก ก็ฝากบอกไปถึงผู้ปกครองเด็กๆ ด้วยว่าถ้าแคสกันจริงๆ เนี่ยว่าต้องดูบริษัทนั้นด้วยว่าใหญ่โตหรือเปล่า ไม่ใช่ไปแคสกันที่ทาวน์เฮาส์ไกลๆ ยังไงก็ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบดันลูกด้วย ก็ให้ระวังไว้ดีๆ การแคสบนห้องสองต่อสอง พ่อแม่มีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งดู พอมีข่าวออกมาคนก็สงสัยว่าคนสร้างเรื่องขึ้นมาเป็นกำกับจริงๆ หรือเปล่า พอความอยากมันเกิดขึ้นคนมันก็เลยหลอกง่าย ลูกเราก็ไปเสร็จเขา หาอาชีพอื่นให้ลูกทำก็ได้ หรือถ้าลูกยังตัวเล็กอยู่ก็ให้ลูกเรียนหนังสือก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องมาเป็นดารานะครับ เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้น ซึ่งบริษัททำหนังส่วนใหญ่จะไม่ไปอยู่แบบนั้นนะครับ ก็ฝากบอกกับผู้ปกครองหน่อยว่าอยากให้ลูกเป็นดาราเนี่ยก็ต้องระวังให้ดี อย่าไปยอมหมดทุกอย่างนะครับ”
กอล์ฟ : “ก็คงต้องฝากบอกน้องๆ ที่ไปแคสติ้งด้วยแล้วกันว่าการที่เราจะเจอบุคคลที่จะมาหาประโยชน์จากเรา สิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือป้องกันตัวเอง เราปฏิเสธได้ แต่ถ้ามันละเมิดสิทธิของเรา เราก็ปฏิเสธตรงนั้นได้ ซึ่งการปฏิเสธเป็นการป้องกันอันดับแรกอยู่แล้ว ถ้าเขาจะมาหาเศษหาเลยหรือมาล่วงละเมิดเรา เราก็ต้องรู้ว่าเราจะป้องกันตัวเองยังไง เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปแคสติ้ง การจะเป็นดารา เป็นนักแสดง เราก็ต้องหาข้อมูลของบริษัทที่จะรับทำงานก่อน หาข้อมูลของผู้กำกับ หาความน่าเชื่อถือ เราเข้าใจว่า ทุกคนก็อยากมีโอกาสเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง แต่เราก็ต้องดูความปลอดภัยของตัวเราเองด้วย การป้องกันตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ การหาข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเราไม่รู้ร้อยพ่อพันแม่ใครจะมาอ้างว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ก็ได้หมดแหละ เพียงแต่เราก็ต้องหาข้อมูลให้ถูกต้องว่าคนๆ นั้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เพื่อจะป้องกันตัวเราเองด้วย”
เผยรู้สึกอาย เหลือบไรมาเกาะวงการทำให้เสียชื่อ
อ๊อด : “จริงๆ ในส่วนของสมาคมและทางวงการก็คงต้องฝากทุกท่านว่าคนที่จะเข้ามาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จงเข้าใจอย่างหนึ่งว่าอาชีพของเราเป็นอาชีพที่เรามั่นใจว่าเรามีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะให้คนไทยหรือประชาชนเคารพหรือเชื่อถือเรา ฉะนั้นการเข้ามาทำอะไรอย่างนี้อย่ามาทำตัวเป็นเหลือบ มาเป็นอะไรที่เกาะวงการแล้วทำให้วงการเสื่อมเสีย คือหลังจากที่มีข่าวออกมาจะมีคนมาถามเยอะมากว่าเกิดอะไรขึ้น ว่าทำไมผู้กำกับหนังไทยทำอย่างนี้ ผมก็รู้สึกอาย เพราะมันเกิดจากการกระทำของคนอื่น ถ้าผู้กำกับเราเองทำนี่ผม โทร.ไปด่าแล้ว โทร.ไปแบนหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องมีมาตรการทางสังคมแน่ๆ”
“แต่ปรากฏว่า คนที่ทำไม่ใช่คนของเรา ก็อยากจะบอกว่าในอนาคตใครที่จะเข้ามาทำในวงการนี้ อาจจะน้องรุ่นใหม่หรือคนที่เคยทำงานมาแล้วและผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับ อยากบอกว่าอย่าทำพฤติกรรมแบบนี้เลยนะครับ มันไม่ดีต่อตัวเอง ไม่ดีต่อสังคม สุดท้ายก็ไม่ดีต่อวงการนี้ อีกอย่างก็คือนอกจากนักแสดงแล้ว คนที่อยากลงทุนสร้างหนัง หลายคนก็โดนหลอกจากบุคคลซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ คุณต้องตรวจสอบเขาก่อนว่าเขาน่าเชื่อถือหรือเปล่า เอาเงินคุณไปบางทีเป็น 10 ล้านคุณต้องตรวจสอบว่าเขาเป็นใคร มีความสามารถ มีเครดิตน่าเชื่อถือแค่ไหน ไม่ใช่แค่ว่าเขามีรูปถ่ายในกองถ่ายเดินไปเดินมากับนักแสดง ถ่ายรูปคู่กับนักแสดง คู่กับกล้องตัวหนึ่งแล้วก็บอกว่าเป็นผู้กำกับ ก็ต้องระวังคนพวกนี้ด้วย มันมีคนประเภทนี้อีกเยอะมากที่หลอกลวงและเอาเงินคุณมาแล้วไม่ได้ทำหนังจริงๆ”
“ซึ่งถ้าเกิดเป็นผม เป็นพี่พชร์ เป็นกอล์ฟพูด เราทุกคนมีเครดิต เราทำหนังมาเยอะ ผมเชื่อว่าทุกคนไว้ใจได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักชื่อมาก่อนต้องตรวจสอบก่อน ซึ่งเราจะเป็นจุดศูนย์กลางในการตรวจสอบให้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร นอกจากจะเข้าไปอินบ็อกในเพจของสมาคมแล้วก็จะมีเบอร์ โทร.ของคนในสมาคมด้วย ก็จะเป็นคนบอกข้อมูลข่าวสารให้ ผมมั่นใจว่า 90% เราสามารถหาข้อมูลให้ได้ เพราะถ้าอยู่ในวงการเราเห็นหน้าเห็นตากันอยู่แล้ว”
“อีกประเภทหนึ่งที่น่ากลัว คือ เรี่ยไรเงินทอง ถ้ามีคนมาบอกว่าผมจะสร้างหนังให้ลูกคุณเล่น ขอคนละหมื่นเพื่อจะมาสร้างหนัง แล้วให้ลูกของคุณเป็นพระเอกนางเอกเป็นตัวเอกอันนี้ระวังตัวครับ โอกาสโดนหลอกสูงมาก ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างหนังให้คุณได้จริง เขาได้เงินมา 500,000 คุณคิดว่าคุณภาพหนังจะเป็นยังไง โรงหนังเมเจอร์ เอสเอฟจะเอามาฉายมั้ย ฉะนั้น ถ้ามีใครมาทำพฤติกรรมแบบนี้ เก็บเงินเรี่ยไรเงินก็อยากให้รู้ว่านั่นอาจจะกำลังโดนหลอกได้ ซึ่งผมได้ข้อมูลมาเยอะมากว่าโดนหลอกเยอะนะครับ”
เผยฟ้องไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายคุ้มครอง แต่ยืนยันจะตามจี้ให้อยู่ไม่มีความสุข
อ๊อด : “เราดำเนินการตามกฎหมายไปแล้ว คนเหล่านี้เราจะแบน จะไม่คบค้าสมาคมด้วย อย่างคนแรกที่ก่อคดีที่ชลบุรีตอนนี้ก็หายไปจากวงการ แต่ก็ยังแอบเห็นเขาไปขอเงินนายทุนได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เปลี่ยนชื่ออยู่หลายรอบมาก เขาไม่มีความสุขแน่ๆ เพราะเราจะตามจี้เขาอยู่ตลอด เป็นบทลงโทษทางสังคมครับ แต่ถามว่าจะฟ้องมั้ย ผมเคยศึกษาแล้วฟ้องไม่ได้ แต่ถ้าใช้ในนามสมาคมผู้กำกับฟ้องได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครอ้างชื่อว่ามาจากสมาคมผู้กำกับ ถ้าใช้แค่ว่าเป็นผู้กำกับนี่ฟ้องไม่ได้ เพราะเราไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ยังคงเป็นอาชีพอิสระอยู่”
เล็งขึ้นทะเบียน ผกก. จัดระเบียบให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
อ๊อด : “ตอนนี้กำลังหารือกันว่าต่อไปนี้เราอาจจะมีการขึ้นทะเบียนผู้กำกับ กำลังเป็นโปรเจกต์ เราต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ คือถ้าใครที่จะมาเป็นผู้กำกับหรือกำลังจะสร้างหนัง อาจจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับเราก่อนเพื่อเป็นฐานข้อมูลกับเรา ซึ่งเรากำลังปรึกษากับทางสมาพันธ์ภาพยนตร์และอาจจะให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมด้วย เพื่อจัดระเบียบตรงนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อให้ตรวจสอบง่ายขึ้นและหาตัวตนของคนวิชาชีพนี้ได้ง่ายขึ้น”
ลั่นต้องอย่ายอมความ เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเป็นคดีตัวอย่าง
พชร์ : “เขาแอบอ้าง ไม่ได้เป็นผู้กำกับจริงๆ ถ้ามีคงไม่มานั่งอย่างนี้ และเขาก็จับกันไปแล้ว ก็บอกผู้ปกครองที่ลูกตัวเองมีปัญหาก็อย่าไปยอมความนะ เอาเรื่องให้ถึงที่สุด มันจะได้มีคดีตัวอย่างเกิดขึ้น เป็นเรื่องจริงครับเขาไม่ได้เป็นผู้กำกับ และทางสมาคมผู้กำกับก็ไม่มีใครรู้จักเขา เรื่องจริงครับไม่ได้แต่งเรื่อง”
อ๊อด : “กับน้องทั้งสองคนเรายังไม่มีการพูดคุยเพราะว่าพอเกิดเรื่องปุ๊บยังงง จนสักพักเราก็เริ่มรู้สึกว่าเราอยู่เฉยไม่ได้ ต่อไปนี้เราอาจมีการประสานงานไปทางครอบครัวของน้องเขา และพูดคุยทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นการพูดคุยแบบกลุ่มใหญ่ๆ เพราะว่าพูดคุยกันเองแค่ 2 ฝ่ายมันน้อยไปหน่อย ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและดำเนินการหลายๆ อย่างครับ”
เชื่อผู้หญิงเสียหายเยอะกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายแข็งแรงกว่าเอาตัวรอดได้
อ๊อด : “เท่าที่ฟังข่าว ผมว่าเด็กผู้หญิงจะโดนเยอะกว่า ส่วนเด็กผู้ชายไม่ค่อยมีเพราะว่าเอาตัวรอดได้ ตัวใหญ่กว่า แข็งแรง
พชร์ : “เด็กผู้ชายไม่มีแน่นอนเพราะพี่สองคนไม่ทำแน่นอน (ยิ้ม) เด็กผู้ชายเขาไม่ค่อยเสียหายอะไรแบบนี้ พวกเธอก็รู้ดีนี่ จะถามทำไม ผู้ชายไม่ค่อยเสียหายอะไรเขาก็เลยไม่ได้พูดถึง แต่นี่ผู้หญิงเขาเสียหายไง คุณแม่ก็เลยออกมาพูด มันไม่กระทบกับเรา ไม่มี เขารู้ไง ผู้ปกครองหลายคนเขารู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม แต่มีผู้ปกครองบางคนเท่านั้นที่เชื่อ และอยากให้ลูกเป็นก็เลยเต็มที่ แต่พอไม่ใช่ก็เป็นข่าวขึ้นมา”
อ๊อด : จริงๆ ไม่ค่อยกระทบกับพวกเราอยู่แล้ว แต่ถ้ากระทบกับวงการน่ะมี เช่น เมื่อวานผมกลับต่างจังหวัดไปหาคุณแม่ เพื่อนคุณแม่เขาบอกว่าทำไมผู้กำกับหนังไทยเป็นแบบนี้แล้วเหรอ”
พชร์ : “พวกชาวบ้านเขาจะคิดว่าผู้กำกับเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่มันก็จริงบ้างไม่จริงบ้างเนอะ ไม่จริงครับ ไม่จริง”
เตรียมทำคู่มือเผื่อคนที่สนใจอยากจะเข้าวงการและอยากให้ปลอดภัย ติงผู้ปกครองไม่น่าปล่อยให้ลูกต้องเป็นแบบนี้
อ๊อด : “เรื่องต่างจังหวัดเราคงไม่ได้ไปทำโรดโชว์ขนาดนั้น ตอนนี้เรากำลังทำคู่มือเหมือนเป็นอินโฟร์กราฟิกเพื่อเล่าข้อมูลในการรับมือกับคนแบบนี้ และการเข้าวงการต้องทำไงบ้าง ทำให้ตัวเองปลอดภัยและมั่นใจกับคนเหล่านี้ได้ยังไง และจะมีการแชร์กันทางสื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ครับ”
พชร์ : “เรารู้สึกว่าปัญหานี้ที่เกิดขึ้นต้องโทษผู้ปกครองด้วยว่าดูแลเด็กประสาอะไรถึงปล่อยให้ลูกตัวเองเป็นแบบนั้น แล้วต้องสร้างความปลอดภัยให้กับลูกเรามากขึ้น เพราะไม่มีใครสามารถไปบอกกับคุณได้ว่าคนนี้ตัวจริงหรือตัวปลอม ผู้ปกครองก็ต้องดูแลลูกของตัวเองให้ดีๆ สอดส่องว่าคนนี้จริงมั้ยปลอมมั้ย เพราะทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่ผู้ปกครองเด็กนี่แหละที่จะทำให้ข่าวแบบนี้เกิดขึ้นรึเปล่า ถ้าผู้ปกครองไม่ยินยอม ไม่สนับสนุน มันก็เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นผู้ปกครองถ้ารักลูกตัวเอง อยู่ใกล้ชิดลูกตัวเองให้มากขึ้น ศึกษาหน่อยว่าคนนี้เป็นผู้กำกับจริงรึเปล่า มันเกิดขึ้นเพราะผู้ปกครองพาลูกหลานไปหาเขาไง อย่างที่บอกถ้าอยากมากก็โดนหลอกได้ง่าย”
กอล์ฟ : “อย่างที่น้องบอกว่าจะมีมาตรการอะไรสร้างความปลอดภัย จริงๆ สื่อมลชนนี่แหละที่สมาคมผู้กำกับฯ เชิญทุกท่านมาวันนี้เพื่อการนี้ คือ เพื่อจะบอกถึงภัยสังคมที่มีคนอ้างเป็นผู้กำกับหนังมันน่ากลัวนะ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักป้องกันตัวเอง ยิ่งเป็นน้องอยู่ต่างจังหวัดและอาจไม่รู้เรื่องวงการมาก แต่สื่อมวลชนในวันนี้ก็น่าจะเป็นกระบอกเสียง เป็นสื่อกลางที่จะสื่อให้กับบุคคลทั่วไปในประเทศไทยได้เข้าใจว่าการที่จะเข้ามาในวงการนี้เราต้องรู้จักป้องกันตัวเองด้วย ต้องหาข้อมูลด้วย ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับภัยอันตรายที่มันจะเกิดขึ้นจากคนที่มาแอบอ้างว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครับ”
ฝากประชาสัมพันธ์ หากไม่มั่นใจ ผกก. จริงหรือปลอมให้ โทร.มาสอบถามได้
อ๊อด : “ผมขอประชาสัมพันธ์สักนิดว่าถ้าใครมีข้อสงสัยเรื่องนี้ อยากจะถามข้อมูล ติดต่อไปที่เฟซบุ๊กของสมาคมผู้กำกับไทย www.facebook.com/thaifilmdirectorpage นะครับ หรือ โทร. 096-6593969 คุณมุกครับ
พชร์ : “ถ้าใครสงสัยว่าคนนี้เป็นผู้กำกับจริงรึเปล่า หรือใครกำลังกลัวว่ากำลังโดนหลอกอยู่ก็ โทร.มาถามที่นี่ได้ครับ เพราะสมาคมผู้กำกับฯเรามีคนดูแลอยู่ครับ”