“ตุ๊ก ชนกวนันท์” เที่ยวนิวยอร์ก 10 วัน แหกกฎเฟซไทม์หาลูก โอดหลุดร้องไห้เพราะคิดถึง ยันหนุ่มข้างกายเป็นน้องชายแท้ๆ ขำๆ ถูกจับผิด ชี้เป็นสีสันชีวิต เผยยังไหวแบกค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลักแสน บอกไม่มีแรงผ่อนบ้านค่อยขาย เปิดใจไม่พึ่ง “บ๊วย” อีกฝ่ายมีภาระต้องดูแลครอบครัว ไม่รีบให้ลูกเข้าวงการ ยันเลี้ยงลูกไม่เพอร์เฟ็กต์แต่จะทำให้มีความสุขที่สุด
ไปเที่ยวนิวยอร์กกับคนพี่ๆ น้องๆ ในครอบครัว โดยไม่พาลูกๆ ไปด้วย งานนี้ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” เปิดใจระหว่างมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “CoolSculpting” นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็น ณ ห้อง Astor 1 ชั้น 14 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพ ถ.ราชดำริ บอกตอนแรกคิดว่าจะชิลที่ไหนได้กลับร้องไห้คิดถึงลูก ก่อนขอเคลียร์หนุ่มที่ทุกคนสงสัยว่าจะเป็นหวานใจคนใหม่นั้นเป็นแค่น้องชายแท้ๆ
“เพิ่งกลับมาเมื่อวานเลย เป็นทริปนิวยอร์ก ดี.ซี. แค่นี้เลย ไปมาประมาณ 10 วันค่ะ เป็นทริปที่ไปกันสามคนพี่น้อง น้องชายกับน้องสาวเขาแพลนแล้วเราก็ขอเขาไปด้วย ถือเป็นการใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ลูกๆ ไม่ได้ไปด้วย เพราะน้องชายน้องสาวประกาศไม่ให้เอาลูกไป เขาคงอยากชิลๆ ไม่มีเด็กเล็กจะได้คล่องตัว”
“ถามว่าคิดถึงลูกห่วงลูกมั้ย จริงๆ เคยไปไหนแล้วก็ไม่ได้เอาลูกไปนะ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แปลกมากไม่นึกว่าจะคิดถึงลูกขนาดนี้ไม่รู้เป็นอะไร เคยไปแบบไม่มีแล้วมันไม่เป็นขนาดนี้ ด้วยอะไรก็ไม่รู้งงตัวเองเหมือนกัน คิดถึงมากจนร้องไห้ในบางวัน จะบอกว่าเป็นทริปยาวแต่เราก็ร้องไห้ตั้งแต่วันแรกๆ เลย ยังคิดว่าจะมีทริปที่ห่างลูกได้อีกมั้ย เราเคยเห็นบางคนไปไหนแล้วคิดถึงลูกเรายังคิดเลยว่าเราก็ดีใจนะ บางทีได้พักบ้าง แต่ทริปนี้อาการหนักมาก มีเฟซไทม์หา ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาไม่เจอกันคือที่บ้านเราไม่ใช้โทรศัพท์และไม่ใช้โทรศัพท์ในการเฟซไทม์โทร.หาลูก เพราะตัวเองก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ครั้งนี้ยอมแหกกฎเลย”
บอกรูปกับหนุ่มเป็นน้องแท้ๆ ไม่ใช่หวานใจคนใหม่ ขำๆ คนเข้าใจผิด เป็นสีสันชีวิต
“น้องชายไง ที่บอกว่าไปด้วยกันสามคนพี่น้อง น้องแท้ๆ เลย ห่างกันปีหนึ่ง เขาคงเสียใจมากเพราะมันคงไม่อยากเป็นข่าวกับตุ๊ก (หัวเราะ) แต่ทุกคนจะเห็นนะว่าหน้าเหมือนกันมาก คนก็รู้เยอะนะว่าเป็นน้องแต่ถ้ามีคนเข้าใจผิดก็ถือว่าเป็นสีสันไป ชอบจะตายเพราะมันไม่ชินไง มีคนล้อมาเขาเอาวิกมาใส่ก็หน้าเหมือนตุ๊กเป๊ะเลย”
เผยเสาร์-อาทิตย์ลูกอยู่กับ “บ๊วย เชษฐวุฒิ” เสียใจไม่มีใครสนใจแม่
“แม่ก็ดูแลลูกให้ค่ะ ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็อยู่กับพี่บ๊วย มันจะมีวันหยุดยาวด้วยก็อยู่กับพี่บ๊วย เฟสไทม์ไปก็ไม่เห็นจะสนใจแม่เลย อยู่กับแด๊ดดี้มีความสุขกัน จะมีที่เราหลุดร้องไห้น้องแพรวก็ร้องตาม”
ยังผ่อนบ้านปกติ เหลืออีก 9 ปี ชี้รายจ่ายต่อเดือนหลักแสน ไม่มีแรงผ่อนบ้านเมื่อไหร่ค่อยขาย แต่ปัจจุบันยังดูแลตัวเองได้ ไม่พึ่งสามีเก่า อีกฝ่ายมีครอบครัวต้องดูแล
“ยังผ่อนไปตามปกติค่ะ ตามหนี้แบงก์ของแต่ละเดือนค่ะ เหลืออีกประมาณ 8 - 9 ปี ก็น่าจะอยู่ในวันทำงานของเรา แต่ถ้านับเป็นยอดเงินก็ไม่เยอะมากนะคะ ยอดเงินนั้นไปซื้อบ้านใหม่ก็ไม่ได้ค่ะ ก็ผ่อนต่อไป แต่เราไม่กังวลเพราะกังวลไปมันไม่ช่วยอะไร มันจะทำให้เราไม่มีกำลังใจทำงานตอนนี้ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า ทำงานได้ก็ทำไป แต่มันเกิดปัญหาเมื่อไหร่ก็แก้ปัญหาตอนนั้น”
“(บ๊วยเปิดร้านใหม่ จะมาช่วยเราผ่อนบ้างมั้ย?) ตอนนี้เราก็ยังดูแลตัวเองได้ค่ะ ยังไม่เป็นอะไรมาก แล้วพี่บ๊วยเองเขาก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว เขาก็ยังมีครอบครัวต้องดูแลเหมือนกัน ถ้าเขาสะดวกแล้วเขาพอเขาก็คงจะช่วยเอง ตอนนี้ก็ยังค่ะ ต่างคนต่างดูแลตัวเอง เราก็ผ่อนคนเดียว เอาไว้ให้ลูก เราอยู่กันเอง พี่เขาไม่ได้มาอยู่ เราก็ยังอยู่กันได้ค่ะเพราะเด็กๆ ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเยอะมาก แต่พี่บ๊วยดูแลเรื่องค่าเทอมมาตั้งแต่แรกก็ยังดูแลต่อไปในเรื่องของค่าเทอม ตอนนี้เราก็รับงานเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้งานก็ไม่ได้มีเยอะแยะ ก็เป็นช่วงๆไปทำเท่าที่ทำได้”
“ถามรายจ่ายต่อเดือน บอกไปจะดรามารึเปล่า เพราะโดยรวมมันเป็นแสนอยู่แล้วแหละ ผ่อนบ้านก็หลักหมื่นแล้ว ค่าโน่นค่านี่สมัยนี้ก็เยอะ แต่มันก็ยังต้องอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่ารายได้ ถึงจะเรียกว่าถูกต้อง ถ้ามันมากกว่ารายได้เมื่อไหร่เราก็ต้องมาปรับการใช้ชีวิต ผ่อนไม่ได้เมื่อไหร่ก็ขายเท่านั้นเอง มันก็ปรับไปตามสภาพการณ์ค่ะ ตอนนี้ยังหาเงินผ่อนบ้านได้อยู่ค่ะ”
ลั่นยังรับไหว มีปัญหาเมื่อไหร่ค่อยปรับตัวเอา
“ถามว่ามันหนักไปมั้ยสำหรับผู้หญิงต้องผ่อนขนาดนี้ มันก็ไม่เบาค่ะ แต่เรายังไหวอยู่ ร่างกายเราก็ยังแข็งแรง ยังมีคนเมตตาให้งานอยู่ แต่เราก็ต้องทำใจเผื่อว่าเกิดปัญหาเมื่อไหร่ก็ต้องใช้สติในการแก้ปัญหา แต่เชื่อว่าเราทำได้แน่นอน มีปัญหาเมื่อไหร่ต้องปรับ คนเราปรับแผนได้ตลอดอยู่แล้ว”
ไม่รีบให้ลูกเข้าวงการช่วยหาเงิน อยากให้ลูกมีชีวิตที่สมบูรณ์
“คือที่ถามแบบนี้ก็คงคิดว่าถ้าลูกเข้าวงการเหมือจะหาสตางค์ได้ใช่มั้ยคะ แต่ว่าเรายังทำคนเดียวแล้วยังได้ก็ทำไปก่อนดีกว่า เพราะเขายังมีวัยเด็กที่สำคัญ ถ้าวัยเด็กเขาได้ใช้ชีวิตที่สมบูรณ์ เชื่อว่าจะทำให้ตอนโตเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่านะ เดี๋ยวมีวัยทำงานแน่นอนแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่วัยทำงาน”
“เรื่องเดินแบบเขาดูสนใจนะคะ เคยไปเรียนเต้นกับน้องๆ เพื่อนๆ พิธีกร นางก็หลุดไป พอเปิดเทอมก็เต้นพลิ้วกว่าแม่อีก เขาก็ดูชอบเด็กๆ เขาคงอยากเลียนแบบแหละ แต่ถ้าเขาแค่แอบๆ ทำแล้วมีความสุขก็โอเค เพราะถ้าทำงานจริงๆ มันคงไม่ใช่สุขล้วนๆ แน่ๆ”
ยอมรับเลี้ยงลูกไม่เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่กังวลเกินไปจนไม่มีความสุข
“นี่ขนาดไม่สอนนะ ก็เห็นเดินจนแม่รู้สึกได้ว่าเกินวัยมาก คิดว่าเลี้ยงแบบกดมากแล้วนะ ทุกวันนี้เพื่อนๆ ยังถามว่าแน่ใจนะว่าเลี้ยงลูกแบบพยายามปิดกั้นสื่อ เพราะลูกดูเต็มที่มาก (หัวเราะ) ก็ไม่ใช่ไม่ห่วงเขานะคะ แต่เราถือว่าเราทำดีที่สุดได้เท่านี้ ในปัญญาของเรา เกิดอะไรขึ้นเราต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก บางอย่างมันก็ต้องหลุดๆ ไปบ้าง ยังไงครอบครัวเราก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำไหว เพราะไม่งั้นก็จะกังวลจนไม่มีความสุข เรามีความสุขเท่าที่เราทำได้ดีกว่าค่ะ”