“อั้ม อธิชาติ” ไม่ท้อเป็นผู้จัดไม่รอด บอกรู้ตัวทำงานไม่ตอบโจทย์ เข้าใจทรูต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ส่วนจะหยุดหรือลุยต่อต้องรอดูนโยบายผู้ใหญ่ เสียดายยังเล่าเรื่องไม่จบ แต่ต้องก้าวเดินต่อไป ปัดกลับมาตายรังที่ช่อง 3 ยันพร้อมรับใช้ช่อง 3 ฟุ้งเตรียมผุดโปรเจกต์ที่เมืองจีน
ปัญหายังคาราคาซังอยู่ไม่น้อย กรณีผันตัวมาเป็นผู้จัดละคร “เจ้าเวหา” ให้ช่องทรูโฟร์ยู แต่เจอปัญหาเรตติ้งไม่เป็นไปตามเป้า แถมถูกรื้อบทใหม่ยกเซต จนตอนนี้ยังไม่รู้อนาคตจะหยุดหรือไปต่อ ถูกเมาท์อีกดอกว่ากลับไปตายรังที่ช่อง 3 อีก ล่าสุด “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” มาร่วมงานแถลงข่าว ภาพยนตร์สารคดี “My King ในหลวงของเรา...ความสุข ความทรงจำ นิรันดร” ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ห้องบอลลูม บีซี วอเตอร์เกทชั้น 6 ประตูน้ำ เพชรบุรี บอกตนพร้อมรับใช้ช่อง 3 อยู่แล้วเพราะเกิดจากช่อง 3
“อย่างที่เคยได้ตอบไปเมื่อคราวที่แล้ว ยังไม่ได้มีโอกาสคุยความคืบหน้ากับอาปิ่น (ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) ว่างๆ ว่าจะเข้าไปกราบสวัสดีอาปิ่น ผมเป็นนักแสดงที่เกิดจากทางช่อง 3 เรื่องที่พี่ปิ่นอยากจะให้รับบท เป็นบทที่มีเกียรติยศมากสำหรับอาชีพนักแสดง ถ้าผมมีโอกาสก็ต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ต้องถามตัวเองว่าเราพร้อมหรือเปล่าที่จะรับบทนั้น เพราะเป็นบทที่เราต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน บทที่ได้รับคือบทของพระเจ้าตากสินในละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผมคุยกับพี่ปิ่นโดยตลอดช่วงหลังๆ 2 - 3 เดือนมานี้ ยังไม่ได้คุยรายละเอียดความคืบหน้า”
ไม่ท้อเป็นผู้จัดแล้วแป้ก บอกอุปสรรคไม่ได้อยู่ที่การควบคุมของตนอย่างเดียว เมินกระแสวิจารณ์กลับมาตายรัง ยันพร้อมทำงานให้ช่อง 3
“ผมพร้อมรับใช้ช่อง 3 ทุกครั้งครับ ถ้ามีโอกาสตอบแทนหรือมีอะไรที่เราสามารถทำได้ก็ยินดีครับ เรื่องที่บอกว่าเราไม่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้จัดไม่ซีเรียสเลยครับ งานผู้จัดเป็นงานที่เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง การทำงานถ้ามีอุปสรรคเกิดขึ้น สิ่งที่ผมได้คือประสบการณ์ที่เข้มข้นมากๆ ในการที่เราต้องทำงานต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ”
“ก็ไม่ได้เข็ดนะครับ เราได้ทำงานที่หนักมากขึ้น มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบกันหลายๆ อย่างมากขึ้น ด้วยงานผู้จัดผมเชื่อว่าทุกท่านก็คงจะทราบว่าปัจจัยอุปสรรคต่างๆ มันไม่ได้อยู่ที่การควบคุมของเราอย่างเดียว เพราะฉะนั้นมันก็คือการเรียนรู้ จริงๆ ก็มีงานที่คุยกันอยู่ก็เป็นการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ได้คุยกับน้องๆ ที่ทำงานในต่างประเทศค่อยๆ คุยกันไปเรื่อยๆ พัฒนางานไปเรื่อยๆ ถามว่าทำกับค่ายเดิมมั้ยก็ยังครับ การทำผู้จัดของช่องละครยังไม่ได้เป็นโปรเจกต์ เริ่ม ณ ตอนนี้”
รู้ตัวทำงานไม่ตอบโจทย์ เข้าใจทรูต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ส่วนจะหยุดหรือลุยต่อต้องรอดูนโยบายผู้ใหญ่
“อย่างที่ผมได้พูดมาตลอดว่าเรามีหน้าที่เตรียมงานปรับบทรายละเอียดต่างๆ ให้เข้ากับสิ่งที่ทางผู้ใหญ่ต้องการ หลังจากนั้นก็ต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ของช่องว่าจะยังไง สำหรับเรื่องที่ละครหรือซีรีส์เรื่องอื่นๆ ของช่องที่ถูกเลื่อนเวลาออกอากาศหรือพักกองไปก่อน ผมต้องตอบเลยว่าเรื่องนี้ไม่ทราบว่าเพราะว่านโยบายของแต่ละที่ของผู้ใหญ่แต่ละท่านจะมีความคิดเห็นที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เราในฐานะคนทำงานก็ทำงานกับทีมงานและหลายท่านที่เคยทำงานร่วมกันมา เราทำงานศิลปะ เราก็เต็มที่อยู่แล้ว แต่ว่าโจทย์บางอย่างอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์อย่างที่ช่องต้องการได้ ก็พยายามปรับจูนให้ ท้ายที่สุดแล้วถ้าจะมีปัญหาอะไร เราก็พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็เคารพการตัดสินใจของในแต่ละช่องและผู้ใหญ่แต่ละท่านครับ”
“เราก็สอบถามไปอยู่เรื่อยๆ ในการประชุมปรับเปลี่ยนบทก็ยังมีเวลาระยะเวลาหลายเดือนที่เราได้แก้ได้ปรับ มีการเปิดกล้องถ่ายทำไปแล้วบางส่วนแล้วก็หยุดเพื่อปรับเพื่อเปลี่ยน แต่หลังจากนั้นก็ต้องรอคำตอบ ช่องก็ต้องใช้เวลาตัดสินใจหลายๆ อย่าง”
“นัท มีเรีย” ไม่ท้อ อุปสรรคมีไว้แก้ เสียอีกอย่างแต่ได้อีกอย่างคือประสบการณ์
“เราไม่ได้มองว่าปัญหาอุปสรรคทุกอย่างมันมีไว้ให้นั่งท้อ คนทำงานทุกอย่างย่อมเกิดอุปสรรคอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่อุปสรรคของเราอาจจะเป็นงานของสาธารณะมันก็ทำให้คนได้เห็นรับรู้เยอะ ผมไม่ได้เกรงกลัวต่ออุปสรรคต่างๆ ไม่ได้ย่อท้อ อุปสรรคมีเราก็แก้ไขได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องยอมรับว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ถามว่านัทท้อหรือเปล่า เราก็ไม่ได้ท้อครับ เรามองว่าเราเสียอีกอย่างแต่เราได้อีกอย่าง คือประสบการณ์ในการทำงานที่เราสามารถบอกได้เลยว่า การทำงานเรื่องแรกเราสามารถทำเรื่องที่ค่อนข้างยากได้ มันก็ต้องมาพร้อมกับอุปสรรคที่ยากและใหญ่ขึ้นตามไปด้วย”
“งานค้างๆ คาๆ ถามว่าเสียดายงานใหม่มั้ย อย่างแรกคือโจทย์ในการทำเรื่องนี้ เราต้องการให้เป็นละครที่เราได้เห็นคุณค่าอาชีพทหารที่ได้ปกป้องประเทศชาติ ผ่านเรื่องราวของความบันเทิง เพราะฉะนั้นจริงๆ มันเป็นแค่พาร์ตส่วนหนึ่งที่ได้เราได้เล่าไป ยังมีอื่นส่วนหนึ่งที่เราทิ้งปมไว้ หลายคนตอนที่ละครจบไปก็ถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น เป็นเพราะเรายังเล่าไม่จบ เสียดายมั้ยเอาง่ายๆ ก็เสียดาย ถามว่าจะมีผลในการเปิดเรื่องอื่นมั้ย มันก็ต้องปรับต้องเปลี่ยน ต้องก้าวเดินต่อไป ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกันบ้างรึเปล่าอันนี้ก็แล้วแต่โจทย์”
ขอบคุณหลายช่องติดต่อมา ยันไม่เหยียบเรือสองแคม
“มีครับ ก็จริงๆ ในช่วงก่อนนั้นก็มีอยู่หลายๆ ที่ ก็ต้องขอบคุณทางหลายๆ ช่อง ที่ติดต่อเข้ามา แต่ก็อย่างที่เคยชี้แจงว่าถ้าผมยังทำงานเดิมไม่เสร็จก็ไม่สามารถเหยียบเรือสองแคมได้ ต้องเสร็จเป็นเรื่องๆ ไป เป็นอย่างๆ ไปและในเรื่องนี้มันทุ่มเทแรงกายแรงใจเยอะมาก มันเป็นละครที่แอ็กชันมันต่าง ถ้าคนไม่เห็นก็จะไม่รู้เลยว่าเราลำบากยากเข็ญกันขนาดไหน ต้องไปอยู่กับกลางดินกินกลางทราย ต้องใช้ชีวิตเหมือนทหาร ซึ่งเราก็แค่รู้สึกว่าไม่เป็นไรทำใหม่ได้ครับ”
“กับทางทรู จริงๆ ก็ได้มีทางน้องๆ ทีมงานสอบถามไปอยู่เรื่อยๆ ก็ต้องรอทางผู้ใหญ่ตอบกลับมาว่าจะยังไง จะมีข้อตกลงแบบไหนก็แจ้งมาได้เลย ก็ยังไม่คิดจะเอาโปรเจกต์นี้ไปทำกับช่องอื่น ไม่ได้มีแพลน”
บอกไม่ได้อยากให้งานใหญ่เพราะกดดันเกินไป แต่งานเติบโตตามสเกลงาน
“เราไม่ได้กะให้มันไซส์ใหญ่ขนาดนั้น มันเติบโตไปตามสเกลงานที่มันเป็นไป จริงๆ เรากะแค่พอประมาณ แต่ด้วยความที่มันมีโจทย์หลายๆ อย่างที่เราต้องตอบ มันก็เลยเป็นไปตามนั้น จริงๆ ยิ่งง่ายมันก็ยิ่งสบาย ความกดดันก็น้อย ความเหนื่อยก็น้อยลงไปด้วย แต่ด้วยความที่เราอาจจะไม่กลัวความเหนื่อยมั้ง เพราะฉะนั้นเราเลยปรับตัวให้เขากับความยากความเหนื่อยของมันได้”
ฟุ้งเตรียมมีโปรเจกต์ที่เมืองจีน
“จริงๆ มีคุยกับน้องที่มีไอเดียคล้ายกันอยู่ เรามองว่าวงการอุตสาหกรรมบันเทิงไทยบ้านเรา ไม่ได้มีความนิยมน้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ เลย เป็นรองแต่เกาหลีด้วยซ้ำไป ทำไมเราไม่พัฒนาของไทยให้เป็นที่นิยมของต่างประเทศ จีนเขาชอบดูของเรา แต่แค่บางอย่างยังไม่ตอบโจทย์เขา แต่เขาก็ชอบ เหมือนเขาชอบอาหารเรา เราจะเสิร์ฟยังไงให้เขาได้เต็มที่ เลยเอาโจทย์นั้นมาคิดกัน”
“ล่าสุด ก็ได้มีโอกาสได้คุยแลกเปลี่ยนกับผู้ผลิตหนังเรื่องหนึ่งชื่อเรื่อง Long ที่ฟ่านปิงปิง เล่น เขามาเมืองไทยผมก็ได้ต้อนรับ เขามองว่าอุตสาหกรรมบันเทิงไทยมีประสิทธิภาพ และเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงที่ดี ก็อยากจะมาดูความพัฒนา เราก็พาไปดูโรงถ่ายต่างๆ เขาก็บอกว่ามันเป็นอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน”
“เรื่องร่วมทุนหรือไปทำเองอันนี้ยังไม่ทราบ แต่เราก็มองว่าในฐานะที่เราเป็นคนไทย เราก็ต้อนรับแขก ให้เขาเห็นว่าไทยมีอะไร เรามีการพัฒนายังไง จุดเด่นของเราคืออะไร ก็ดีครับ เขาก็มองว่าการทำงานของคนไทยฝีมือดี ราคาถูกกว่าต่างประเทศ เรื่องคุยกันเรื่องร่วมหุ้นจริงๆ มีอยู่นะครับ เราก็ค่อยๆ เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ไป ก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนอะไรกันบ้างก็ต้องติดตามชม แต่ในขั้นตอนแรกเราก็ต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยี่ยมบ้านเรา ยังไม่ได้คุยถึงโปรเจกต์หนัง หรือซีรีส์อะไรครับ เขาก็มาดูว่าอะไรที่ทำแล้วเหมาะกับประเทศไทยเรา อีกอย่างคือเขามองว่าเขากำลังจะสร้างหนังเรื่องหนึ่ง อยากจะให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมยังไงบ้างก็ต้องไปคิดโจทย์กันมาครับ”