“นุ่น วรนุช” เมินดรามา “ต๊อด ปิติ” จกปลาร้าสร้างภาพ อยากให้โฟกัสที่ทำความดี ชี้ไม่สะเทือนเพราะเรามีความสุข แค่เสียงวิจารณ์เสียงหนึ่ง ยอมรับเห็นข้อความที่สามีโพสต์ฉะเกรียนคีย์บอร์ด
นางเอกสาว “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” ออกมาชี้แจงกรณีที่สามี “ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” เจอดรามาจกปลาร้าสร้างภาพที่บ้าน “บัวขาว บัญชาเมฆ” หลังจากไปตระเวนทำบุญร่วมกันทอดกฐินตามวัดและโรงเรียนต่างๆ รวมไปทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่ จ.สุรินทร์ โดยนุ่นเปิดใจระหว่างมาร่วมงาน “แสงแห่งพระบารมี” ศูนย์การค้าสยามพารากอน บอกเป็นแค่เสียงๆ หนึ่ง แค่ทำดีแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
“ก็สนุกสนานดี ไปทำบุญ ก็ได้บุญกลับมากัน อย่างน้อยอิ่มใจ ถามว่า เห็นคุณต๊อดโพสต์มั้ย เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง เพราะไม่ได้ดูตลอด แต่ก็จะบอกว่าเวลาคนทำดีไม่ว่าจะเป็นเราเอง หรือ เพื่อน ๆ เวลาเราไปทำบุญแล้วเราก็มีความสุข ส่วนเสียงความคิดเห็นอื่นๆ ก็เป็นแค่เสียงหนึ่ง เราก็ใช้ชีวิตชีวิตของเราปกติ”
“กระแสวิจารณ์ก็ไม่บั่นทอนใจเลย เป็นเรื่องปกติ นุ่นอยู่วงการมานานแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ การวิจารณ์ ดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องปกติ”
“ถามว่าเขาซีเรียสมั้ย เอาเป็นว่าทุกๆ คนตั้งใจไปทำความดี ไม่ว่าจะเป็นบัวขาวเอง เหมือนเขาก็ได้ไปทำความดีที่บ้านเขา เรามีโอกาสได้ไปก็ได้เห็นผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่นำผ้าไหม นำอะไรมาให้ ครั้งหนึ่งนุ่นก็เคยได้ไปถ่ายละครเรื่องเพลงผ้าฟ้าล้อมดาวที่นั่นก็น่ารักดี”
ยอมรับ “ดีเจพุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” หน้าสวยจริง แซวถ้าหาเล่นละครให้เล่นคู่กันก็ได้นะ
“ยิ้มๆ เพราะสวยทั้งคู่ เพราะพุฒเป็นคนหน้าสวย หน้าหวาน เราเคยทำงานและเคยเจอกันอยู่แล้ว ไม่ได้คุยกับจุ๋ย (วรัทยา นิลคูหา) ค่ะ ก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้น เขาเป็นคนหน้ายิ้ม และเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว นุ่นเองก็มีบุคลิกยิ้มอาจจะเหมือนกัน ถามว่าเห็นตอนแรกว่าเหมือนมั้ย มันก็มีความคล้าย แหม เล่นเอาผมนุ่นมาใส่ขนาดนั้น แต่ก็น่ารักดี จริงๆ เขาน่ารักมาก หาละครให้เล่นด้วยกันก็ได้”
อิ่มบุญอิ่มใจ เปิดโครงการ 100 โรงเรียนเกษตรพอเพียง
“โครงการนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เรามีเงินจำนวนหนึ่งที่เอามาให้น้องๆ ไม่ใช่ว่าให้ไปเพื่อให้เอาไปใช้ วันนั้นมีซื้อปลาให้เอาไว้เลี้ยง เอาไว้ขาย มีสอนการเพาะเห็ด ซื้อไก่ 100 ตัว เราตั้งวัตถุประสงค์กันไว้ว่าเด็กก็ควรมีอาหารที่ดี ถูกสุขลักษณะ และส่วนที่เหลือจากตรงนั้นจะได้เอาไปขาย สร้างรายได้กลับมาที่ตัวเขาและครอบครัวของเขาด้วย เขาจะได้เรียนรู้ว่าการที่จะได้อะไรไม่ใช่ให้คนอื่นทำให้ เขาต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“ส่วนจะขายไปที่จังหวัดอื่นมั้ยคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เราทำไปเรื่อยๆ ต้องมีการคัดเลือกว่าโรงเรียนและนักเรียนตัวอย่าง ไม่ใช่ว่าทุกโรงเรียนก็ทำได้ เราก็ต้องคัดเลือกกันด้วยค่ะ วันนั้นที่ไปเด็กๆ เขาอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร แต่สิ่งที่เราเห็นคือรอยยิ้มของเด็กๆ”
“เรื่องเอาวิชารำไปสอนอันนี้คงยากหน่อย เพราะว่าไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น และในระดับอนุบาล ระดับประถม นุ่นเชื่อว่าเขามีการสอนรำอยู่แล้วค่ะ อีกอย่างนุ่นก็ก็มีโรงเรียนสอนรำอยู่แล้ว ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นธุรกิจที่ไม่ได้กำไรอะไร แต่เป็นธุรกิจที่อยากทำและรัก”