xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “มะเดี่ยว” โผล่เคลียร์หน้าระรื่น ขอโทษใจร้อนจวก “เกล้า น้ำพราว” เปลี่ยนใจไม่ปลด “ใบเฟิร์น”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“มะเดี่ยว ชูเกียรติ” ยิ้มอ่อน มางานเดียวกับ “เกล้า น้ำพราว” ผู้จัดการ “ใบเฟิร์น” บอกไม่ต้องห่วงจะมาฉะกันกลางงาน เพราะชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ยอมรับใจร้อน ไม่ควบคุมอารมณ์ แต่ออกมาพูดแทนทุกคนที่เคยโดน ไม่คุยอีกฝ่าย เพราะไม่ใช่หน้าที่ รับเปลี่ยนใจไม่ปลดใบเฟิร์นร่วมงานได้ แต่จะไม่คุยด้วย ถ้าต้องคุยกันจะส่งคนอื่นไปคุยแทน เชิดใส่สร้างกระแสโปรโมต ชี้อยู่เฉยๆ ก็ดังอยู่แล้ว

สะเทือนวงการมา 2 วัน กรณี “มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” โพสต์ฉะ “เกล้า น้ำพราว” ผู้จัดการ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ฉะแรงอีกฝ่ายทำงานไม่เห็นหัว ไม่มีน้ำใจ มาสายแต่กลับยกเรื่องการทำงานตรงเวลามาอ้าง ด้านสาวใบเฟิร์นที่จะได้ร่วมโปรเจกต์ “SLAM DANCE ทุ่มฝันสนั่นฟลอร์” ก็พลอยฟ้าพลอยฝน โดนแฉไปด้วยว่าส่งคลิปเต้นให้ไปซ้อม แต่พอถึงวันฟิตติ้งก็ยังเต้นไม่ได้ มีสิทธิ์อาจต้องเปลี่ยนตัวนางเอก! ล่าสุด ผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอมะเดี่ยวที่มาร่วมดูหนัง “20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” ซึ่งคู่กรณีก็มางานนี้ด้วย เจ้าตัวเผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสบอกไม่ต้องห่วงจะมาฉะกันกลางงาน บอก “พวกเธอดูละครกันมากเกินไป”

“ตั้งใจมาดูหนัง เป็นแขกของ น้องเจเจ (กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) และ CJmajor ครับ เขาชวนมาหลายวันแล้ว และเราก็อยากมาให้กำลังใจน้อง ไม่มีมาฉะกันแน่นอน แหม พวกเธอก็ดูละครกันเยอะไป เราก็มาปกติ”

“กับเรื่องที่เกิดขึ้น เราก็เป็นของเราอย่างนี้อยู่แล้ว เวลาทำงานเราก็มีมาตรฐานในการทำงานประมาณหนึ่ง ตอนนั้นอาจจะอารมณ์ไม่ดีด้วยอะไรด้วย เป็นคนพูดไม่ค่อยสุภาพบนโลกออนไลน์ แต่จริงๆ เราเป็นคนสุภาพมากเลยนะครับ ตรงนี้มันมีปัญหาและได้ยินมาเยอะ ตอนแรกที่รู้ว่าน้องเขาจะมาเล่น และมีผู้จัดการคนนี้ ทุกคนก็แบบ อู้หู...ไหวเหรอ เราก็เออ น่าจะได้นะ พอเจอกันวันแรกเราก็เลยจะต้องคอนเฟิร์มกับทุกคนว่าไหวค่ะไหว”

บอกไม่ถือสาใบเฟิร์นเต้นไม่ได้ เพราะยังแค่ซ้อม แค่งงขอฟิตติ้งเสื้อผ้าต่ออีกชุดไม่ได้
“เป็นปกติของวันฟิตติ้งแหละ เพราะเวลาเราเอาคนมาแสดง เขาก็จะแสดงความสามารถอื่นๆ พูดคุยด้วย มีการเต้น การต่อสู้ อย่างตอนเช้าจะเป็น มาร์ช จุฑาวุฒิ ในบทของนักมวยปล้ำ ซึ่งก็ต้องมาเข้าท่าอะไรกัน นักแสดงมีหลายคนครับ ทุกคนเข้ามาก็ต้องใช้เวลาในการฝึก วันฟิตติ้งมันไม่มีใครเป๊ะกันได้ทุกคนหรอก น้องเขาเข้ามาก็ยังต้องฝึกการเต้นอยู่ โอเคว่าเราส่งการบ้านไปให้แล้ว พอมาถึงหน้างานมันไม่ได้ ก็ไม่มีใครถือสา ไม่มีใครว่าอะไร ก็เป็นไปตามนั้น ซ้อมๆ กันไป ทีนี้พอจะเสร็จจากงานเราก็รีบถ่ายให้ เพราะเราก็รู้อยู่แล้วมีคนมากระซิบบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปนะ แต่พอมันใกล้จบมีคนบอกว่ามันเหลืออีกชุดหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่ได้แก้ผม เราก็โอเคเดี๋ยวก็คงถ่าย เรานั่งอยู่เพราะเราเป็นโปรดิวเซอร์ สักพักเขามาสวัสดีค่ะแล้วกลับไป เราก็สวัสดีจ้า มีคนวิ่งมาบอกว่าพี่คะยังไม่ได้ถ่ายอีกชุด เราก็ห๊า...ยังไม่ได้ถ่ายอีกชุดเหรอแล้วทำไมกลับเลยล่ะ ขอแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ

ขอโทษใจร้อนไม่ควบคุมอารมณ์ ไม่คุย “เกล้า น้ำพราว” เพราะไม่ใช่หน้าที่
“คือ ตัวพี่ไม่ได้คุยกับผู้จัดการอยู่แล้ว คือ ในโปรเจกต์สแลมแดนซ์ทุ่มฝันสนั่นฟลอร์ทางช่องวัน ตัวเราเป็นเจ้าของโปรเจกต์ ลิขสิทธิ์บทประพันธ์ ทางจีเอ็มเอ็มทีวีเป็นผู้จัด ช่องวันของคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เป็นช่องในการผลิต ทั้ง 3 ฝ่าย มีการพูดคุยกันเรื่อยๆ ว่า จะเอาใครมาเล่น ดังนั้นหน้าที่ของการติดต่อดาราจะเป็นอีกงานของคนที่เป็นคนคุย เวลาทำงานเราก็ไปในฐานะโปรดิวซ์ ไปดูงานให้เรียบร้อย”

“หลังเกิดเรื่องตัวเราไม่คุยอยู่แล้วครับ ไม่ใช่หน้าที่ที่เราต้องคุย คือ บางสิ่งบางอย่างเราต้องรู้จักการจัดการกับปัญหา คือ คนบางประเภทมันไม่สามารถพูดตรงนั้นได้ บอกตรงนั้นได้ ไม่งั้นก็จะเกิดดรามาแล้วก็จะไม่จบ หลังจากนั้น คือ การทำงานอีกหลายๆ เดือน เราไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เขาฟัง แต่เราต้องการจะพูดให้สาธารณะฟัง พูดให้วงการฟังว่าเราเจอสิ่งเหล่านี้อยู่ เราเปิดสาธารณะนั่นแปลว่าเราไม่ได้พูดลับหลัง เราพูดให้คนได้ยินว่ามันคือเรื่องแบบนี้ (ไม่ควบคุมอารมณ์?) ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ ก็ต้องขอโทษทุกคนด้วย”

แอบจิก ผู้ใหญ่ก็เคยโดนแต่ไม่มีใครมาพูด ทำไมทุกคนต้องกลัวด้วย
“คุยแล้วค่ะ จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โพสต์เขานับถือในสิทธิ์ของเราว่าจะโพสต์หรือไม่โพสต์ ในการทำงานระหว่างเรากับผู้ใหญ่ถือว่าเราให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่จะไม่เคยโดน เพียงแต่ว่าเขาไม่พูดหรือใครไม่พูด แต่เราควรจะพูด ถ้าพูดถึงมาตรฐานการทำงานในวงการนี้นะ เราออกมาพูดเพราะเราอยู่ในช่วงเวลาที่แบบ ไม่ว่าจะวงการอีเวนต์ โฆษณา ละคร หนัง ทำไมผู้จัดการดาราถึงมีอิทธิพลต่อทุกคนมากขนาดนี้ แม้กระทั่งวงการสื่อมวลชนในการเชิญมาทำอะไรต่อมิอะไรก็ตาม ทำไมทุกคนถึงกลัว เธอกลัวอะไรกันเหรอ เราทำงานนี่เราให้เกียรติกัน เราควรมาทำงานด้วยการให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่ากลัวใครสักคนจะลุกขึ้นวีนแล้วออกไปจากกองหรือไปเอาไปด่ากราดทีมงาน มันไม่ควรเป็นอย่างนั้น”

ยังให้โอกาส “ใบเฟิร์น” หวั่นไม่แฟร์เพราะไม่ใช่ความผิดอีกฝ่าย
“หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีการพูดคุยกันระหว่างตัวเราและตัวช่องและตัวของผู้จัด ทางฝั่งโน้นก็มีการโทร.คุยกับโปรดิวซ์ว่าอะไรยังไง บวกลบคูณหารกันเอง เราเองก็คิดว่าเราควรให้โอกาสน้อง เพราะจริงๆ มันคงไม่ใช่ความผิดน้องหรอกมั้ง น้องอาจจะไม่รับรู้อะไร ถ้าเกิดเราตัดสินใจปลดด้วยสิ่งที่ผู้จัดการทำหรือคนอื่นทำ สำหรับตัวเราเองก็มองว่าตัวเองก็ไม่แฟร์กับน้อง ดังนั้น เราก็ควรให้โอกาสน้องทำงาน อะไรคุยกันดีๆ ได้เราก็คุย เราอาจจะอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้ายประมาณหนึ่ง แต่เราก็คุยกันดีๆ และตกลงกันได”

“พอถึงจุดหนึ่งแล้วมันข้ามเส้นเกินไปเราคุยกันได้อยู่แล้ว ตัวเราเองเรามองงานอยู่ตรงกลาง ไม่ได้เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ถ้าทำแล้วทุกคนสบายใจ ช่องก็ขี้เกียจไปหาคนใหม่ ขายลูกค้าไปแล้วหรืออะไรยังไง ตัวเองอารมณ์เสียวุ่นวายถอนโปรเจกต์จากช่อง ทุกคนก็ไม่มีความสุข ดังนั้นทำงานกันต่อ คราวนี้ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้จัดการและน้องว่าจะพิจารณายังไงแล้ว เราให้โอกาสในการมาทำงานกันแล้ว และน้องจะให้โอกาสเรามั้ย”

ยิ้มอ่อนยอมรับไม่ได้เลือกใบเฟิร์นเอง พร้อมเผชิญหน้า
“เผชิญหน้ากันได้ ถามว่าจะสนิทใจร่วมงานมั้ย ทำงานให้มันเสร็จ เราทำละคร ไม่ได้มาเป็นผัวเมียกัน เราทำงานอยู่ในกองทำให้มันจบไปทุกคนก็แฮปปี้มีความสุขถ้ามีอะไรต้องติดต่อก็ให้ทีมงานคุยไป (ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นคนเลือกใบเฟิร์นเองมั้ยมะเดี่ยวฉีกยิ้มก่อนตอบไม่ได้เลือก)

“เราก็ส่งคลิปเต้นให้เขาซ้อมประมาณ 2 วัน เราเข้าใจว่าก็คงจะเต้นไม่ได้หรอกนะ เต้นไม่ได้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าเกิดว่าเราจำเป็นต้องทำให้เต้นได้ เราก็ต้องขอนิดหนึ่ง”

ไม่ขอพูดถึงดีเทลเยอะเดี๋ยวจะดูร้ายเกินไป
“เรื่องเวลาเขาก็เลยมา 10 นาที 15 นาที แต่ว่าในการทำงานของดารามาตรงเวลากลับตรงเวลา มันไม่พอ คุณก็ต้องดูในบริบทด้วยว่าได้ใช้เวลาไปกับกิจกรรมอื่นๆ อะไรไปเท่าไหร่กว่าจะมาถ่ายได้ ในดีเทลเราคงไม่พูด เพราะพูดไปเดี๋ยวจะหาว่าไปว่าร้าย มันมีดีเทลอื่นๆ อีกนะที่ต้องช่วยกัน เพราะคนที่จะได้รับผลดีจริงๆ ก็คือตัวน้อง”

ไม่ต้องสร้างกระแสโปรโมต เพราะอยู่เฉยๆ ก็ดังอยู่แล้ว
อยู่เฉยๆ เราก็ดังอยู่แล้ว ละครเข้าเดือนเมษายนปีหน้า แล้วเราจะมาโปรโมตอะไรตอนนี้ เราอยู่บ้านเฉยๆ เรามีความสุข เราไม่ชอบมีดรามา”

“ระหว่างเวลา 11.00 - 19.00 น. คือ มันไม่มีอะไรที่ลงตัวไง เราถึงบอกว่าดีเทลมันเป็นเรื่องยาว บอกกันไม่ได้ แต่จะบอกว่าทุกคนทำงาน ไม่ได้เล่นกันหรือมาเมาท์มอย ซึ่งจริงๆ วันนั้นมีคนต้องมาถ่ายต่อจากน้องอีกด้วยนะกลับบ้านดึกว่านั้น ส่วนถามว่าคิวมันงอกขึ้นมั้ย อันนี้เราไม่รู้เนื่องจากว่ามันเป็นคิวที่ทางผู้จัดนัด แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ ถ้าเราจ้างใครมาเล่นละคร เราก็ต้องมีฟิตติ้งรึเปล่า”

“แล้วได้คุยกับฝ่ายประสานงานมั้ย เราว่ามันไม่ใช่คิวพิเศษ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของการจ้างงานมากกว่า เราจ้างดาราทำงาน เราก็ต้องมาฟิตติ้งนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้เจอนะ นี่่เป็นการออกงานครั้งแรก

ไม่หวั่นดาราไม่กล้าร่วมงานด้วย เชื่อทุกคนก็ต้องโดนแบบนี้
“เราว่าดาราคนอื่นก็คงโดนผู้กำกับคนอื่นด่ามา เพราะที่ผ่านมาเราเองก็ทำงานกับดารามาหลายคนๆ ที่มีชื่อเสียง ดังมากๆ ด้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราอยู่ในงานบทบาทของเราคือผู้กำกับ ตรงนั้นเราว่าเขาจะเข้าใจ”


กำลังโหลดความคิดเห็น