“เปิ้ล นาคร - จูน กษมา” แถลงเปิดตัว “น้องออเกรซ” ตั้งชื่อจริง “ศิรีกร” แปลว่า มือแห่งความมงคล ปลื้มฤกษ์ดีผ่าคลอดในวันซูเปอร์มูน เผย อยากมีลูก 10 คนแต่สงสารเมีย ประกาศปิดอู่ตระกูล อ. หลังจบแข่งขันเจ็ตสกีชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ชิงถ้วย “ในหลวง ร.๙” ใบสุดท้ายของโลก จะขอยอมเจ็บทำหมันแทนเมีย ตื้นตันพ็อกเกตบุ๊ก “ชาตินี้ยังไงกูก็จะไม่บวช” สั่งจองเกลี้ยง รายได้มอบให้คนที่จะเข้าพิธีอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
เป็นครอบครัวคนบันเทิงที่มีลูกดกจริงๆ สำหรับ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” กับภรรยา “จูน กษมา ศิลาชัย” ซึ่งภรรยาเพิ่งให้กำเนิดลูกคนที่ 4 “น้องออเกรซ” ด.ญ.ศิรีกร ศิลาชัย” เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุด วันนี้ (15 พ.ย.) ณ ห้องประชุมพระรามเก้าแกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 5 โรงพยาบาลพระรามเก้า ทั้งคู่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมหน้าพร้อมตาลูก “น้องออกัส, น้องออก้า, น้องออกู๊ด” พร้อมประกาศขอปิดอู่ทันที โดยสามีจะเป็นฝ่ายทำหมันเอง
เปิ้ล : “ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้เกียรติมาในวันซูเปอร์มูนของเรา ซึ่งเป็นวันที่น้องออเกรซลืมตาดูโลก วันที่ 14 พ.ย. นะครับ คลอดด้วยน้ำหนัก 3,190 กรัม เวลา 09.09 น. โดยวิธีการผ่าคลอด เพราะจูนเขาเคยผ่ามาก่อนแล้ว ซึ่งฤกษ์นี้คือฤกษ์ที่เราดูเอาไว้กับอาจารย์ที่นับถือ น้องๆ ทุกคนผ่าออกเราก็กำหนดได้ว่าจะผ่ากี่โมง ผ่าวันไหน แต่เป็นภายในวันที่คุณหมอกำหนดให้ คุณหมอก็เลยบอกว่าวันที่ 14 แล้วกัน ซึ่งเราได้มารู้ทีหลังว่าเป็นวันที่ดีมากๆ เลย”
จูน : “สุขภาพน้องก็แข็งแรงปกติ ส่วนเรายังเจ็บเหมือนเดิม แค่รู้ขั้นตอนมากกว่าว่าจะต้องเจอกับอะไรเลยทำให้เตรียมตัวมาพร้อม แต่ความระบมความเจ็บก็ยังเหมือนเดิม ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ก็เฉยๆ แล้วค่ะ เป็นลูกๆ มากกว่าที่จะตื่นเต้น”
พ่อเปิ้ลปลื้มตัดสายสะดือลูกเอง ตั้งชื่อ “ศิรีกร” มือแห่งความมงคล
เปิ้ล : “ก็ขออนุญาตคุณหมอเข้าไปตัดสายสะดือครับ ทาง รพ. เขาค่อนข้างจะเซฟมาก การตัดสายสะดือเขาก็ไม่ได้ให้เราไปตัดระหว่างสายที่พ่วงมาแม่กับลูกเลย เขาจะเป็นคนตัดให้ก่อน และผมจะตัดตรงปลายที่แยกออกมา ก็มีพยาบาลที่เชี่ยวชาญช่วยดูแลทุกขั้นตอน ซึ่งจริงๆ เราก็ตัดทุกครั้งเลยนะ”
จูน : “พี่ๆ เขาก็ยังเห่ออยู่ อยากเห็นน้อง อยากเห็นว่าหน้าตาน้องเป็นยังไง ส่วนออกู๊ดยังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”
เปิ้ล : “ชื่อจริงพระท่านตั้งให้ ชื่อ ศิรีกร แปลว่า มือแห่งความมงคล มือผู้สร้างความมงคล เป็นมือที่ดี มือแห่งความยิ่งใหญ่ๆ และเอาจริงๆ ก็คล้องกับคำว่าศิลาลัยด้วยครับ”
ฝ่ายชายเปิดใจอยากมีลูก 10 คน แต่สงสารเมีย เล็งทำหมันเองเดือนหน้า ปิดอู่ตระกูล อ.
จูน : “เดี๋ยวพี่เปิ้ลจะเป็นฝ่ายทำหมันเดือนหน้า”
เปิ้ล : “อย่างที่เคยพูดครับว่ายังไงก็ต้องทำหมัน แต่ใจจริงๆ อยากมีอีก อยากมีอีกสัก 10 คน อยากให้มีสิ่งมีชีวิตอย่างเปิ้ลนาครเดินเพ่นพ่านบนโลก แต่ทีนี้พอมาเห็นจูนเขาตั้งท้องลูกแต่ละคนแล้วเขาน่าสงสาร เขาเหนื่อยมาก ผมก็เลยรู้สึกว่าควรสิ้นสุดดีกว่าปิดอู่ตระกูล อ. ก็ได้ สรุปก็คือทำหมันครับ ผมยอมเจ็บดีกว่า เพราะจูนเขาเจ็บมาเยอะแล้ว”
“ตอนนี้ศึกษาข้อมูลอยู่ และก็ตั้งใจว่าหลังจากจบแข่งขันเจ็ตสกีชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ชิงถ้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ใบสุดท้ายของโลก ในต้นเดือนธันวาคม ก็จะตัดสินใจทำหมันทันที ถามว่าเตรียมใจขนาดไหน คุณหมอเขาก็คงชำนาญแล้วแหละครับ ก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก ก็คงมาทำที่นี่แหละครับ เลี้ยงลูก 4 คน ไม่เห็นเหนื่อยเลย เพราะผมไม่เคยเลี้ยง คุณแม่เขาจะเป็นคนเลี้ยงมากกว่า หน้าที่ของผมคือเล่น เล่านิทาน และก็หาเงินให้กับเขา หาเงินให้เขาพอดีเท่าที่เขาจะสามารถอยู่ต่อได้”
จูน : “ของรับขวัญลูกอะไรก็ไม่มีหรอกค่ะ เราก็ใช้ชีวิตปกตินี่แหละ แค่วางแผนให้เขาดีกว่า วางแผนให้เขาให้ดี อย่างตอนนี้ก็วางแผนวันต่อวัน ส่วนตัวเราเองก็ต้องเตรียมรับมือ ครอบครัว 4 คนเด็ก 4 คนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ แต่ในเมื่อเราอยากมี 4 คน เราก็ต้องทำให้ได้”
เปิ้ล : “เราคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ คนเขาก็บอกว่ามีลูกเยอะดี เราก็อยากไปเลี้ยงให้กินแพง วันไหนมีกินสปาเก็ตตี้ วันไหนไม่มีก็กินข้าวไข่เจียว (หัวเราะ) เลี้ยงเท่าที่เรามี ที่สำคัญ เราเป็นพ่อแม่ก็เลี้ยงให้เขาเป็นเด็กดี เลี้ยงให้เขาเป็นเด็กอารมณ์ดี มีแต่เรื่องดีๆ เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะได้มีเรื่องดีๆ นำไปเล่าต่อไป ทำให้เขาเป็นเด็กที่ดีครับ เป็นคนดีต่อสังคมได้”
ขอบคุณทุกคนเอ็นดูลูก บอกเป็นครอบครัวสาธารณะ ทุกคนเหมือนครอบครัวเดียวกัน
จูน : “ออก้าเวลาเขาอยู่กับน้อง เขารักน้อง ที่เห็นวิ่งๆ แบบนี้อยู่กับน้องคนละคนเลย ตอนนี้มีน้องคนที่ 4 แฟนคลับก็เยอะขึ้น เพราะเขาก็เห็นน้องเป็นเหมือนลูกหลาน เขาช่วยกันตั้งชื่อให้ เห็นตั้งแต่เกิดจนโต เขาซื้อขนมซื้อของกินมาฝากหลานๆ ต้องขอบคุณทุกคนมากค่ะที่เอ็นดู ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะมารักมาเอ็นดู ลูกคนอื่น ส่งของมาให้ อยากให้น้องกินอันนี้ โดยที่ไม่ได้หวังผล เราก็ต้องขอบคุณจริงๆ ที่เอ็นดู 4 อ. ของเรา”
เปิ้ล : “เหมือนทุกคนเข้ามาอยู่ในบ้านเราหมดแล้ว บ้านเราเหมือนบ้านสาธารณะ บ้านเราไม่มีความลับกลายเป็นพื้นที่สาธารณะไปหมดแล้ว ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยครับ เราก็คุยกับจูนไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเราให้เขาเข้ามาเลี้ยงเลยละกัน แต่อย่าขโมยของพอ (หัวเราะ)”
ตื้นตันพ็อกเกตบุ๊ก “ชาตินี้ยังไงกูก็จะไม่บวช” สั่งจองเกลี้ยง รายได้หักค่าใช้จ่ายมอบให้คนที่จะเข้าพิธีอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เปิ้ล : “สำหรับหนังสือก็ตื้นตันใจมาก ขอบคุณทุกๆ คนมาก เพราะอย่างที่ทราบเศรษฐกิจช่วงนี้ก็อาจจะไม่ค่อยดี แต่เล่มนี้พอเปิดจองก็หมดเกลี้ยงเลย จนต้องทำออกมาจำหน่ายเพิ่มในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ และเงินทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้หลักหักค่าพิมพ์ค่าใช่จ่ายแล้ว พี่เปิ้ลก็จะยกให้กับวัดเทพศิรินทร์ ตามความประสงค์ของสมเด็จพระธีรญาณมุนี ซึ่งท่านทำการบวชให้กับคนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของพวกเรา ฉะนั้น ผมจึงตั้งใจมอบเงินที่ได้จากหนังสือเล่มไปใช้กับการบวชทั้งหมด”
“ในส่วนของเนื้อหาก็คือจะเกี่ยวกับเรื่องราวตอนที่เราไปบวชที่อินเดีย เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย สงสัยมาตลอดว่ามีพระสงฆ์ไว้ทำไม มองพุทธศาสนาแย่มาก ยังเถียงคนอื่นต่างๆ นานา จนสุดท้ายได้มีโอกาสคุยกับพระพม่าองค์หนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้อธิบายให้พี่ฟังด้วยคำๆ เดียว ซึ่งคำๆ นั้นก็อยู่ในหนังสือเล่มนี้ครับ”
โล่งใจ “ออกู๊ด” ผ่าตัดตา รักษาโรคเลซีอาย รับยังต้องพาลูกไปหาคุณหมอเรื่อยๆ
จูน : “ดวงตาของน้องออกู๊ดตอนนี้ก็ถือว่าจบแล้ว หายปกติทุกอย่าง แต่อาจจะต้องไปหาคุณหมอเรื่อยๆ เนื่องจากเขาต้องผ่าตัด ดังนั้น มันจึงจำเป็นต้องการมีเช็กแผล เช็กองศาตา ตอนนี้ก็ถือว่าโล่งแล้วค่ะ หมดห่วงทุกอย่างเลย เหลือแค่เลี้ยงเขาอย่างเดียว”