ผู้บริหารอาร์เอส ยอมรับเรียก “หวาย กามิกาเซ่” เคลียร์กรณีเมาอาละวาด โชว์กร่างหวิดโดนคนรุมกระทืบ อีกฝ่ายยืนกรานไม่ดื่ม วอนทุกฝ่ายรอฟังความจริงอีกด้าน ขอโอกาสให้นักร้องสาวออกมาชี้แจง เล็งแถลงเร็วๆ นี้ ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว รอพิจารณากระทบภาพลักษณ์บริษัทหรือไม่ รับยังไม่ฟันธงใครผิดใครถูก แต่แนะศิลปินอย่าแถ!
จากกรณีที่เพจดัง Red Skull V.SE ได้เผยภาพและคลิปเหตุการณ์ อ้างเป็นนักร้องดังที่เคยมีข่าวฉาวเมื่อช่วงต้นปี เมาอาละวาดโชว์กร่าง โดยเจ้าตัวมากับแฟนหนุ่ม และเกือบโดนคนในพื้นที่รุมกระทืบ ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีหญิงสาวตะโกนขึ้นมาว่าเป็นนักร้องดังสังกัดอาร์เอส “หวาย กามิกาเซ่” จนทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีดังกล่าวกับ “เณร ศุภชัย นิลวรรณ” กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเพลง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ระหว่างรวมศิลปินถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง “รักพ่อ...ไม่มีวันพอเพียง” ถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ ซอยลาซาล วอนอยากให้ฟังความจริงทั้งสองด้านก่อน
“จริงๆ แล้ววันนี้ผมไม่อยากพูดเรื่องอื่นเท่าไหร่ เพราะเรายังอยู่ในบรรยากาศของการผลิตมิวสิกวิดีโอเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ไหนๆ ก็ถามมาแล้ว ผมก็ขอตอบนิดเดียวแล้วกันครับ ผมได้ทราบข่าวคราวจากสื่อมวลชนเหมือนกัน ก็พยายามให้ทีมงานเรียกตัวน้องหวายเข้ามาคุย เพราะตัวผมเองไม่มีโอกาสได้เจอ จึงได้นัดแนะกันว่าหลังจากงานวันนี้คงมีโอกาสได้พูดคุยและซักถามข้อเท็จจริงกัน เพราะข่าวที่ออกมานั้น ยังเป็นข่าวทางด้านเดียวอยู่ ที่นำมาจากเฟซบุ๊กของผู้ที่โพสต์ขึ้นมา โดยที่น้องหวายยังไม่ได้ออกมาชี้แจง ก็อยากให้ทุกคนรอฟังกันก่อนครับ ซึ่งตัวเราเองคงให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย”
“ส่วนตัวยังไม่ได้คุยครับ แต่ว่าทางทีมงานมีโอกาสคุยแล้ว สิ่งที่ออกมาเป็นข่าวนั้นมันก็ไม่ได้จริงทุกอย่าง ที่ผมรู้มาคร่าวๆคือวันนั้น น้องไปเป็นทีมงานเพื่อทำอีเวนต์และเกิดความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย กับคนที่อยู่แถวนั้น แต่ตัวน้องหวายยืนยันกับผมว่าไม่ได้ดื่ม ยังไงผมก็จะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จริงๆ เรานัดกันวันนี้ เพียงแต่เรายังไม่สะดวกที่จะคุยกันต่อเพราะเรายังมุ่งมั่นในการทำเอ็มวีเพลงนี้ ผมจึงขอเลื่อนน้องเขาไปก่อน”
ยันเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว รอพิจารณากระทบภาพลักษณ์องค์กรหรือไม่
“เป็นเรื่องปกติที่เมื่อศิลปินมีประเด็นต่างๆ เกิดขึ้น ส่วนตัวผมแล้วแบ่งเรื่องนี้เป็นสองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องส่วนตัว สองคือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว 100% ทางเราจึงพิจารณาว่าเรื่องส่วนตัวนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้กระทบกับงานและภาพลักษณ์ของบริษัทหรือเปล่า ถ้าเราตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีผลอย่างไร เราจะรีบแจ้งให้สื่อมวลชนได้ทราบเองครับ”
แนะศิลปินให้มีสติ ยอมรับความจริง อย่าแถ!
“เป็นเรื่องปกติของศิลปินซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่เวลาทำอะไรก็แล้วแต่ จะถูกจับตามอง ในส่วนของบริษัทแล้ว ผมได้ให้หลักการของศิลปิน ว่าต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเราไม่มีโลกส่วนตัวในสังคมปัจจุบัน เพราะมันมีโซเชียลที่ทุกคนมีสื่อในมือหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุด คือต้องระมัดระวังตัวเอง จะทำอะไรก็แล้วแต่ขอให้อยู่บนความมีสติ และเมื่อไม่ว่าจะเกิดขึ้น ต้องยอมรับความจริง เราต้องไม่เฉไฉเบี่ยงเบนประเด็น เพราะความจริงก็คือความจริงเราหลอกกันไม่ได้ ภาษาวัยรุ่นคืออย่าไปแถ เรื่องผิดพลาดพลั้งไปเป็นเรื่องปกติ ทุกผิดพลาดกันได้หมด ถ้าผิดพลาดแล้วปรับปรุงตัวดีขึ้นทุกคนคงให้อภัย แต่ในการควบคุมของบริษัทเราไม่สามารถไปควบคุมชีวิตเขาทั้งชีวิตได้ เพราะอย่างที่เห็นบริษัทเรามีศิลปินนับร้อยชีวิต และแต่ละคนมีสื่อในมือตัวเอง เราจึงให้ได้แค่แนวคิดเฉยๆ ส่วนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาเราคงจะพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวพันกับงานเท่านั้น”
“ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูครับว่าถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงเพราะในฐานะที่เป็นศิลปินและเป็นไอดอลของวัยรุ่นต้องเป็นแบบอย่างที่ดีครับ ผมขอดูรายละเอียดของแล้วกัน บทลงโทษก็ต้องดูเป็นกรณีไป ซึ่งกรณีที่เรารับไม่ได้จริงๆ คือเรื่องของยาเสพติดและทำผิดกฎหมาย ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น อันนี้เรารับไม่ได้จริงๆ”
เล็งนัดแถลงข่าวอีกครั้ง ต้องให้โอกาสหวายออกมาชี้แจง
“ส่วนใหญ่เรื่องราวในอินเทอร์เน็ตจะไม่ได้รับการกลั่นกรอง เพราะฉะนั้นเราต้องดูด้วยสติ พยายามนึกถึงเหตุและผล เราต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหา ได้ออกมาชี้แจง เพราะที่ผ่านมามีทั้งเรื่องจริงและเท็จเต็มไปหมดต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ”
“คงนัดให้ออกมาแถลงข่าวครับ แต่สำหรับกรณีหวายผมยังไม่ทราบข้อเท็จจริงๆ ผมได้ตามจากข่าวเหมือนกัน แต่ผมยังไม่อยากฟันธงว่าใครผิดถูกต้องหวายที่เป็นเด็กเราก่อน”