แม้ว่าภาคแรกจะกล่าวได้ว่า ไม่ประสบความสำเร็จเอาซะเลย ทั้งในแง่รายได้และความคิดเห็นของคนดูผู้ชมที่เป็นไปในทางลบ แต่ทางผู้สร้างคงเห็นแววอะไรบางอย่างในหนังเรื่องนี้ จึงอนุมัติให้มีภาค 2 ตามมา ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพลังให้กับหนังภาคต่อพอสมควร ก็คือการเปลี่ยนตัวผู้กำกับ โดยมี “ไมค์ ฟลานาแกน” ที่เคยทำหนังผีหลอนๆ อย่าง Oculus รวมทั้งหนังสยองขวัญที่ได้รับการยอมรับว่ามีความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างสูง อย่างเรื่อง Before I Wake และผลลัพธ์สำหรับ “วีจี” (Ouija อ่านว่า วีจี หรือ วีจา ก็ได้ แต่ไม่ใช่ อุยจา) ภาค 2 ก็คือหนังที่ครบรสในแง่ความหลอน
“วีจี 2” ยังคงดำเนินตามแบบแผนของหนังภาคแรก นั่นคือการเล่นกับ “กระดานเรียกวิญญาณ” หรือ “กระดานเรียกผี” ที่มีชื่อเรียกว่า “วีจี” (Ouija) ซึ่งเป็นชื่อของหนัง กระดานเรียกผีที่ว่านี้ อันที่จริงก็เหมือนกับ “ผีถ้วยแก้ว” ของบ้านเรา กระดานดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1890 โดยมีนาย “เอลิจาย์ บอนด์” เป็นผู้ตั้งชื่อและจดสิทธิบัตรขายอย่างเป็นทางการ ก่อนจะถูกจำหน่ายไปอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา
“กระดานวีจี” มีลักษณะเป็นกระดานแบนราบ มีตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อกับวิญญาณ มีชิ้นไม้ทรงหัวใจซึ่งมีขายืน 3 ขาหรือเรียกว่า “แพลนเช็ท” (planchette) เป็นอุปกรณ์สำหรับชี้ข้อความจากวิญญาณ โดยการสะกดทีละตัวอักษร ขณะที่วิธีการเล่นก็คือใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ บนแพลนเช็ท พร้อมกับกล่าวคำเรียกเชิญดวงวิญญาณ
ความพิเศษของ “วีจี” ภาค 2 คือการไม่จองจำตัวเองไว้กับแค่เพียงเรื่องเล่าขานของตำนานกระดานเรียกผีที่เอาเข้าจริง ก็มีพวกที่เคยเล่นบอกเล่าไว้มากมายว่าได้ผลอย่างนั้นอย่างนี้ จนกระทั่งชาวคริสเตียนบางส่วนออกมาเตือนว่าไม่ควรจะเล่นกระดานวีจีตัวนี้ เพราะมันอาจจะทำให้ภูตผีปีศาจเข้าสิงได้ ซึ่งก็ดูจะสอดคล้องอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่หนัง “วีจี” ภาค 2 หยิบมาบอกเล่า เพราะส่วนหนึ่งมันกล่าวถึงการถูกภูติผีวิญญาณเข้าสิงเช่นกัน
เรื่องราวในหนังนั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1965 ที่เมืองลอสแอนเจลิส มีแม่ม่ายและลูกสาวสองคน ซึ่งทำมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยธุรกิจหลอกลวงต้มตุ๋น ด้วยการอ้างว่าตนเองสามารถติดต่อกับภูติผีวิญญาณได้ แต่หลังจากใช้เทคนิคกลไกของตนเองมาพักใหญ่ ฝ่ายผู้เป็นแม่ก็ตัดสินใจซื้อ “กระดานวีจี” มาใช้ในงานลวงโลก และนั่นก็กลับกลายเป็นที่มาของเรื่องราวสุดหลอนที่ไม่คาดคิด
ส่วนประกอบที่ดีงามที่สุดซึ่งควรพูดถึงเป็นอันดับแรกสำหรับหนังภาคนี้ คือการมีสคริปต์ที่ปลุกเร้าความสนใจได้ดีเยี่ยม เรื่องราวของคุณแม่ลูกสาวสองคนกับชีวิตที่ต้องผจญกับช่วงเวลายากๆ ความเป็นอยู่ที่เข้าขั้นลำบากยากจนถึงขั้นจะโดนยึดบ้าน ขณะที่เรื่องของลูกสาวสองคนก็แตกแยกออกไปอีก ลูกสาวคนโตซึ่งเริ่มเป็นวัยรุ่นกำลังมีความรัก ส่วนลูกสาวคนเล็กอายุไม่กี่ขวบก็ดูเหมือนจะต้องเจอกับคืนวันอันเลวร้ายจากการที่เพื่อนๆ ในโรงเรียนมองเธอด้วยสายตาแปลกแยกแตกต่างและรังแก เธอกลายเป็นเด็กน้อยที่ไม่มีเพื่อน และสิ่งหลอนๆ ที่เราเริ่มได้พบตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของหนังก็คือ หลังจากหาเพื่อนไม่ได้ในโลกความเป็นจริง เธอก็เริ่มคุยกับใครบางคนในโลกอีกมิติหนึ่ง...
ในแง่เรื่องราวเนื้อหา จึงพร้อมจะนำพาไปสู่โลกแห่งความหลอนได้ไม่ยาก และหนังก็ไม่พลาด ตัวละครเด็กหญิงอายุไม่กี่ขวบ กลายเป็น “ซิกเนเจอร์” หรือ “ลายเซ็น” แห่งความหลอนของหนังได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ว่า ถ้าใครจะเอ่ยถึงงานชิ้นนี้ต่อไปในกาลภายหน้า จะต้องพูดถึงคาแร็กเตอร์ตัวนี้ ลำพังแค่กิริยาทางสายตาและวาจาคำพูดของเธอ เราก็กลายเป็นถูกสูบให้เข้าไปอยู่ในภาวะที่ชวนขนลุกขนพองได้แล้ว
ในแง่เทคนิค “วีจี 2” เป็นหนังผีที่มีความแม่นยำสูงครับกับการใช้จังหวะในการสร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้กับคนดู ช่วงแรกๆ อาจจะดูเหมือนค่อยๆ แย็ป คือ “เค้นแล้วคลาย” เหมือนจะบี้ให้เราตกใจสุดขีดแต่แล้วก็ปล่อย และทำอย่างนี้เรื่อยไป ก่อนจะค่อยๆ ยกระดับพัฒนาความตึงเครียดขึ้นทีละน้อย พร้อมกับเนื้อหาเรื่องราวที่เขม็งเกลียวขึ้นเรื่อยๆ
จากเรื่องราวในหนึ่งครอบครัว มันลุกลามข้ามเขตแดน ข้ามกาลเวลาไปอีกแสนไกล เพื่อเฉลยว่า “Origin of Evil” หรือ “ต้นกำเนิดของภูตผีปีศาจ” อันเป็นชื่อรองของหนังนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร และเมื่อบทสรุปเดินทางมาถึง ก็ทำเอาเราอึ้ง! ไปเลย...
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
