“โบวี่ อัฐมา” น้ำตาคลอ เคารพบูชา “ในหลวง ร.๙” มากกว่าพระมหากษัตริย์ มากกว่าพ่อของแผ่นดิน บอกพระองค์ท่านคือพระโพธิสัตว์ คำสอนของพ่อคือแก่นแท้ศาสนา นั่งสมาธิเจริญภาวนาขอขมากรรมพ่อหลวงแทบทุกวัน ตั้งใจจะทำต่อเนื่อง 1 เดือน ขอเดินตามรอยพระองค์สืบทอดพระพุทธศาสนา
ได้มาเป็นส่วนหนึ่งร่วมร้องเพลงเพื่อถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับนักแสดงสาว “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจด้วยอาการน้ำตาคลอเบ้า คำสอนของพ่อคือแก่นแท้ศาสนา เชื่อพระองค์คือพระโพธิสัตว์
“เนื้อเพลงแต่งไว้ได้ดี โดนใจค่ะ โดนแทบทุกท่อนเลย มีท่อนที่บอกว่าลูกขอให้คำสัญญาจะพร่ำสอนลูกหลานให้จำไว้ ให้รู้ว่าเรามีวันนี้ได้เพราะใคร มันมีความรู้สึกว่าพระองค์จะต้องสถิตในใจเราตลอดไป และเราก็ต้องบอกคนรุ่นหลังถึงแม้ว่าจะเกิดไม่ทัน เราก็ต้องบอกให้เขารู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่านที่มีต่อแผ่นดินไทย นี่ขนาดเราเกิดเป็นยุคที่ไม่ค่อยทันพระเจ้าอยู่หัวสมัยทรงงานแล้วนะ แล้วถ้าเป็นยุครุ่นผู้ใหญ่กว่าเราที่ไปเห็นที่สนามหลวงทุกคนร้องไห้เหมือนใจจะขาด เพราะว่าผู้ใหญ่กว่าเราอยู่ทันตอนที่ท่านเสด็จทุกหย่อมหญ้า ไปพัฒนา ฟื้นฟูบ้านเขา จากแห้งแล้งให้มีกิน ถึงเราไม่ทันยุคนั้น แต่เราก็ต้องบอกให้รุ่นถัดจากเราไปให้มีจิตกตัญญูต่อท่าน ให้รู้ว่าแผ่นดินเราสงบสุขมาได้เพราะใคร”
“จริงๆ ตรงใจหลายท่อนเลยนะ เรื่องตั้งใจจะทำตามรอยพ่อเพื่อที่จะให้พ่อที่อยู่ข้างบนไม่ต้องกังวลใจ ไม่ต้องห่วงและรู้สึกดีที่ลูกๆ เป็นคนดีตามรอยท่าน เหมือนเป็นสิ่งที่เรามีความรู้สึกนั้นอยู่แล้ว มันก็เลยโดน อย่างที่เราตั้งใจไว้ส่วนตัวเลยคือตั้งใจที่จะสืบทอดศาสนาตามรอยท่าน เพราะมันเป็นสิ่งที่เราอินและถนัด เราก็เห็นว่าคำสอนของท่านทุกคำคือธรรมะแท้ๆ ท่านคือพระรูปหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าเราอยากเจริญรอยตามสืบสานคำสอนที่เป็นธรรมะแท้ๆ ไปให้กับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นหลังๆให้เขาได้มีคุณธรรมความดีอยู่ในใจ ไม่หมุนไปตามโลกของวัตถุจนเกินไป กลับมาดูที่จิตใจเรา”
“คือคำสอนของในหลวงไม่ได้เป็นคำสอนที่ให้เราบ้าไปกับวัตถุ ความสุขมันอยู่ที่ใจ พอมาศึกษาธรรมะถึงได้รู้ คือเมื่อก่อนเด็กๆ ฟังท่านสอนก็ไม่ได้ประทับเข้าไปในจิต แต่พอตอนนี้มาปฏิบัติธรรม มาศึกษาธรรม แล้วย้อนกลับมาแมตช์กับคำสอนของท่าน ก็รู้ว่าท่านสอนธรรมแท้ๆ คือ ธรรมะตอนนี้มันแบ่งเป็นหลายแบบ บางทีมีพุทธพาณิชย์ ธรรมที่เป็นแค่เปลือกนอกมากๆ อยู่เยอะ แต่คำสอนของท่านเป็นธรรมแท้ๆ เพื่อนำไปสู่การละวาง ซึ่งมันเป็นแก่นของศาสนาจริงๆ ไม่ใช่ทำบุญเพื่อหวังให้รวย เพื่อขอโน่นนี่เป็นการสร้างความโลภสู่ใจมากขึ้น อันนั้นคือเปลือก แต่ธรรมแท้ๆ คือ การละวาง ท่านคือพระแท้ๆ เลยยิ่งทำให้เรารู้สึกบูชา ใช้คำว่าเคารพบูชา มากกว่าพระมหากษัตริย์ มากกว่าพ่อของแผ่นดิน คือโบรู้สึกว่าท่านคือพระโพธิสัตว์ค่ะ”
เผยทุกวันนี้นั่งสมาธิตั้งจิตอธิษฐานให้ในหลวงทุกวัน พร้อมขอขมากรรมต่อพระองค์ หากตนเคยล่วงเกิน
“จริงๆ นั่งหลายครั้งมากค่ะ ทุกครั้งก็ประมาณ 60 นาที มีครั้งหนึ่ง 90 นาทีก็มี แล้วแต่ว่าวันนี้เราจะทำได้ขนาดไหน เราก็ตั้งเวลาไว้ ส่วนใหญ่เรานั่งเสร็จก็จะมาแชร์ๆ กันว่าวันนี้ภาวนากี่นาทีๆ แบ่งปันกันให้เพื่อนได้อนุโมทนาบุญค่ะ”
“โบเชื่อว่าหลายๆ คน น่าจะเคยประมาทพลาดพลั้งทั้งทางร่างกายทางคำพูด ทางจิตใจ คืออย่างบางทีเราอาจจะพูดหรือคิดโดยที่เราไม่ได้มีสติรู้ตัว วิธีการพูดหรือคำพูดที่ใช้อาจจะมีคำที่มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า มันมีอยู่แล้วแหละโบว่า โดยเฉพาะความคิดมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วมันเป็นเรื่องปกติ อย่างโบมาปฏิบัติการขอขมากรรมเป็นสิ่งที่ดี บางทีเราพลาดพลั้งเราไม่ได้ตั้งใจ ท่านก็สูงขนาดนี้เราก็ควรต้องขอขมากรรมท่าน จะได้ไม่ต้องติดค้างต่อไปค่ะ”
“บางครั้งเราพลาดพลั้งเอารัดเอาเปรียบแผ่นดินไปด้วย คือที่ผ่านมาในการที่เราใช้ชีวิตเราไม่รู้หรอกว่าการที่เราทำงาน ทำธุรกิจหรือประกอบกิจกรรมอะไรบางอย่างในชีวิต เราได้เอารัดเอาเปรียบแผ่นดินหรือเปล่า โดยที่เราทำไปตามคนหมู่มาก ทำไปโดยที่ไม่ทันยั้งคิด หรือทำไปโดยเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอกมั้ง คือมันอาจจะมีตรงนั้น โบก็อยากเชิญชวนให้ท่านอื่นๆ ได้ตั้งจิตถึงท่านและขอขมากรรมท่าน ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ พอได้ทำก็รู้สึกตื้นตัน ปิติที่เราได้ขอขมาในสิ่งที่เราอาจจะทำผิดติดค้างต่อท่าน และที่สำคัญ เราได้น้อมถวายกุศลแด่พระองค์ท่าน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้โดยง่าย”
“ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิประมาณ 1 เดือนค่ะ พยายามจะทำทุกวัน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะมีวันที่โบว่างโบก็จะภาวนาวันละ 3 รอบเลยค่ะ รอบละ 1 ชั่วโมง คือ ปกติโบนั่งเจริญภาวนานั่งสมาธิที่บ้านอยู่แล้ว หรือนัดเจอกับเพื่อนนั่งกันอยู่แล้ว แต่การอธิษฐานบุญในแต่ละทีก็แล้วแต่ บางทีก็ให้อาจารย์ท่านอื่น บางทีก็ให้พระรัตนตรัย สลับวนกันไปค่ะ”
ทึ่งในหลวงทรงพระอัจฉริยภาพในทุกๆ ด้าน ตั้งจิตภาวนาขอสืบทอดศาสนาต่อไป
“ภาพจำที่มีต่อพระองค์ท่านมันไม่มีภาพไหนที่เด่นชัดขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นความประทับใจคือมีครั้งหนึ่งโบได้ไปถ่ายรายการได้ไปดูสถานที่ที่แสดงผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ แสดงพระอัจฉริยภาพทางฝีพระหัตถ์ของท่าน คิดเลยว่าทำไมในหลวงเก่งขนาดนี้ วาดรูปสวยมาก วาดพระราชินีเยอะมาก และวาดหลายแบบ ไม่ใช่วาดลายเส้นอย่างเดียว แต่มีหลายแบบมาก มีทำรูปปั้น เล่นดนตรีก็ได้เยอะมาก พระราชนิพนธ์พระมหาชนก อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่รวมโครงการต่างๆ ที่ท่านคิด โอ้โห ทำไมเก่งรอบด้านขนาดนี้ ท่านทรงมีพระอัจฉริยภาพในทุกๆ ด้าน คือ เก่งมาก เพอร์เฟกต์เลย มีธรรมในใจ เก่งทุกอย่าง ฉลาดปราชญ์เปรื่อง ประทับใจมากค่ะ”
“ล่าสุดโบไปเจอคนต่างชาติ เขาก็คุยกันเรื่องนี้ เขาบอกว่าแปลกใจมากเลย เขาเห็นข่าวว่าคนรักในหลวงมากขนาดนี้ ขนาดผู้นำของแต่ละที่ส่วนใหญ่จะโดนเกลียด แต่ทำไมในหลวงของเราคนเกือบทั้งประเทศถึงได้รักท่านมากขนาดนี้ เขาบอกไม่เคยเห็นมาก่อน โบก็บอกว่าท่านเป็นคนดีและท่านทำเพื่อประชาชนมากจริงๆ คือ ท่านอยู่ในจุดที่สูง แต่อัตตาท่านน้อย เหมือนปกติคนที่อยู่ในจุดที่สูงเขาจะมีอัตตาอันแก่กล้าของตัวเอง แต่ท่านอยู่ที่สูงแล้วท่านอ่อนน้อมถ่อมตนและติดดินมาก โบก็อธิบายให้คนต่างชาติฟัง แต่อาจจะไม่ได้ทั้งหมดนี้นะคะ แต่ก็จะบอกโดยภาพรวมว่าท่านทำเพื่อประชาชนคนไทยเยอะ และท่านเป็นคนดีมาก”
“ตอนนี้โบโอเคค่ะ คือ เราผ่านการฝึกจิตมาประมาณหนึ่ง ในฐานะของนักภาวนาคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วเราก็รู้ว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ และท่านก็ได้แสดงธรรมมาให้เราเห็นว่า ไม่ว่าคนที่จะอยู่จุดไหนก็ตาม สุดท้ายก็หนีไม่พ้นไปจากธรรมชาติอันนี้คือเกิดแก่เจ็บตาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่จีรัง แต่สิ่งที่ยังอยู่ในใจตอนนี้เหตุที่ทำไมถึงยังน้ำตาไหล มันคือความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มันคือความชื่นชมในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านเป็น มันเป็นความปลื้มปิติ ตื้นตัน ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดมาอยู่ในรัชสมัยของท่านค่ะ”
“สิ่งที่อยากบอกกับท่าน จริงๆ เคยตั้งจิตบอกกับท่านไว้แล้วก็คือว่าหนูจะตั้งใจดำเนินรอยตามท่าน โดยการสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ท่านและราชวงศ์จักรีได้สืบทอดรักษามาเพื่อผืนแผ่นดินของไทย หนูก็จะสืบทอดตรงนี้ เป็นกำลังธรรมให้กับแผ่นดินค่ะ”