ต้องถือว่าเป็นการเปิดตัวบนจอเงินที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง สำหรับตัวละครที่เกิดมาในจักรวาลคอมิกส์ของมาร์เวลตั้งแต่ยุค 60 นามว่า “ด็อกเตอร์สเตรนจ์” เพราะแม้จะเป็นคาแร็กเตอร์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากเท่าไหร่ แต่จากนี้เป็นต้นไป “หมอแปลก” คนนี้ จะเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ขวัญใจของคนดูหนัง...
พื้นเพโดยย่อของ “ด็อกเตอร์สเตรนจ์ จอมพลังเวทย์” แต่เดิมนั้นเขาคือ “สตีเฟน สเตรนจ์” ศัลยแพทย์มือฉมังที่รับผิดชอบหน้าที่การงานได้ดีงาม แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้สูญเสียอวัยวะที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงาน นั่นก็คือ “มือทั้งสองข้าง” ที่สั่งการไม่ได้อย่างใจเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หลังจากพยายามค้นหาหนทางเยียวยารักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ก็มีคนแนะนำให้เขาได้พบกับ “คาร์มาทาซ” ณ เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล และเมื่อเขาไปยังสถานที่แห่งนั้น เขาก็ได้พานพบกับประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนตัวตนและชีวิตของเขาไปชั่วกาล
... อย่างที่กล่าวเกริ่นไว้ครับว่า นี่คือการเปิดตัวบนจอเงิน ของ “ตัวละครตัวใหม่” ใต้ชายคามาร์เวลได้อย่างงดงาม หนังสามารถทำให้เราได้ “ทำความรู้จัก” กับตัวละครตัวนี้อย่างหมดจดทุกแง่มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของตัวตนความคิดที่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนอันทรงพลังของหนัง เมื่อเกิดการปะทะกันระหว่าง “ความคิดแบบวิทยาศาสตร์” ของเขา กับ “ศาสตร์เร้นลับ” ที่มักจะอยู่นอกจักรวาลการยอมรับของเหล่านักวิทย์
ส่วนแรกๆ ที่ผมรู้สึกว่าน่าประทับจิตประทับใจเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ของมาร์เวลนี้ ก็คือตัวบทภาพยนตร์ ในความลื่นไหลของเรื่องราว ยังมีความลุ่มลึกเชิงเนื้อหาสาระ เพราะอย่างที่เราจะได้เห็นว่า ด็อกเตอร์สเตรนจ์นั้นเป็นพวกนิยมศาสตร์สมัยใหม่หรือวิทยาศาสตร์อย่างสุดกู่ ต่อเมื่อเขาได้พบกับ “แองเชี่ยน วัน” ผู้วิเศษโบราณ จึงค่อยคลายความอหังการ์ในวิทยาศาสตร์ เปิดหูเปิดตารับรู้สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากที่ “หูได้ยิน” และ “ตามองเห็น” โดย “ทิลดา สวินตัน” ซึ่งรับบทแองเชี่ยน วัน ก็เป็นผู้ส่งผ่านสารอันลึกซึ้งเหล่านั้นได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้สเตรนจ์และเราคนดูได้ตระหนักอย่างหนักแน่นว่ายังมีอะไรมากมายนักที่ชีวิตอันกระจิริดกระจ้อยร่อยของเรานี้ยังไม่รู้
ดังนั้น นอกเหนือจากอิทธิปาฏิหาริย์หรือพลังเวทย์ที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจซึ่ง “มาสเตอร์แองเชี่ยน วัน” ได้แสดงให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ประจักษ์แก่สายตา มันยังมีปรัชญาที่แหลมคมซึ่งค่อยๆ แง้มความคิดที่ปิดกั้นอยู่ของด็อกเตอร์สเตรนจ์ให้เปิดประตูกว้างออกไปด้วย เช่นเดียวกับเราคนดูผู้ชม ที่ยิ่งเป็นชาวตะวันออก ที่ผูกพันอยู่กับปรัชญาแนวคิดแบบตะวันออก ก็จะยิ่งรู้สึกลึกซึ้งไปกับอรรถาธิบายที่อาจารย์แองเชี่ยน วัน ได้กล่าวไว้
การดำเนินเรื่องมีความน่าติดตามและรื่นไหล เรียกว่าถ้าจะดูเอาเพื่อเก็บเกี่ยวความบันเทิงเริงใจก็ได้ไม่ติดขัด ตัวละครด็อกเตอร์สเตรนจ์นั้นก็ได้รับการนำเสนอออกมาอย่างมีเสนห์ ในบางมุมเขาอาจมีความกวนประสาทแบบเดียวกับตัวละครอีกตัวของมาร์เวลอย่างโทนี่ สตาร์ก หรือ “ไออ้อน แมน” คือเก่ง รวย และอีโก้จัด หรือเอาเข้าจริง ฮีโร่และซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลแต่ละตัว ก็ล้วนอีโก้กันทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้างก็อยู่ที่แต่ละคน เฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Civil War แต่อย่างไรก็ดี คนพวกนี้ มีพื้นฐานทางใจไม่ชั่วร้าย ดังนั้น สุดท้ายแล้ว เมื่อถึงวาระที่สำคัญ ก็เข้าสู่วิถีที่ถูกต้องได้
ด้วยเหตุนี้ ถ้าจะให้มอง เราก็จะไม่ต้องพูดเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกเหนือจากว่า นี่คือการเปิดตัวด็อกเตอร์สเตรนจ์ที่ประสบความสำเร็จมาก ทำให้คนหลายคนที่ไม่เคยรู้จัก เป็นที่รักของใครหลายคน ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าอาจจะมีคนที่อาจจะไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่กับหนังเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ในความเห็นส่วนตัวของผม ด็อกเตอร์สเตรนจ์สามารถเป็นหนังและตัวละครที่พัฒนาต่อยอดไปได้อีกไกลมาก เช่นเดียวกับหนังหรือตัวละครอื่นๆ ของมาร์เวลที่ไม่ได้มาแค่ภาคเดียวแล้วหายเลย ด็อกเตอร์สเตรนจ์ยังจะเป็นปรากฏการณ์ไปอีกยาวนาน และเท่าที่เห็นก็คือมีความสัมพันธ์ที่จะต้องพาดเกี่ยวไปถึงตัวละครอื่นๆ ในจักรวาลของมาร์เวล
จักรวาลของมาร์เวล ในภาพยนตร์ที่ผ่านๆ มา มีอย่างน้อย 2 – 3 ดินแดนแล้ว ไล่ตั้งแต่โลกมนุษย์ที่มีคนอย่างเช่นไออ้อนแมนและกัปตันอเมริกาประจำการอยู่ และคนพวกนี้ก็มีความเกี่ยวพันไปอีกหนึ่งพาร์ท ก็คือพวก “แอสการ์ด” ที่มีธอร์เป็นกำลังหลัก นอกนั้นก็มีอีกดินแดนที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ช่วงสองสามปีนี้ก็คือ ดินแดนของ “การ์เดี้ยนส์ อ๊อฟ เดอะ กาแล็คซี่” ขณะที่ด็อกเตอร์สเตรนจ์ก็เป็นอีกหนึ่งดินแดน นั่นคือดินแดนของเวทย์มนต์
ต้องยอมรับครับว่า ความมืออาชีพของมาร์เวลนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดมาแล้วในหนังทุกเรื่อง อย่างน้อยที่สุด คือเรื่องการเป็นหนังที่ดูสนุก บันเทิงเริงรมย์ นั้นมักจะไม่พลาด ซึ่งสามารถมองลึกเข้าไปได้ถึงกระบวนการทำงานที่ผ่านการทำการบ้านมาอย่างดี เข้าใจและเข้าถึงรสนิยมของผู้ชมในวงกว้างว่าต้องการจะเสพผลงานประมาณไหนอย่างไร ไม่หนักไป แต่ก็ไม่เบาเกิน ดูผิวเผิน หลายคนอาจมองว่ามาร์เวลนี่ก็ตลาดๆ แต่อันที่จริง มีหนังบางเรื่องที่พยายามใส่สาระอะไรลงไปแบบพอเหมาะพอควร และสำหรับด็อกเตอร์สเตรนจ์นี่ ว่ากันตามจริง ค่อนข้างเนื้อหาสาระหนักกว่าความสนุกสนานบันเทิงเสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ในฝั่งของนักแสดง... ช่วงปีหลังๆ มานี้ รู้สึกว่า มีดาราสองคนที่พลังล้นมากๆ คือเล่นหนังระดับ “เอากล่อง” ชิงรางวัลใหญ่ๆ อย่างออสการ์ ก็เล่นได้ เล่นหนังตลาดๆ แบบ “เอาเงิน” ก็ยอดเยี่ยมได้อีก สองคนนี้คือ “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” กับ “เอ็ดดี้ เร้ดเมย์น” และพวกเขาเป็นชาวอังกฤษทั้งคู่
สัปดาห์หน้า เราจะได้เห็น “เอ็ดดี้ เร้ดเมย์น” ในบทพ่อมดจากนิยายของเจ. เค. โรว์ลิ่ง เรื่อง Fantastic Beasts and Where to Find Them (สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่) “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” ก็แจ้งเกิดไปแล้วเรียบร้อยในฐานะฮีโร่จอมขมังพลังเวทย์ เขาคือส่วนประกอบที่ดีงามมากๆ ในการช่วยหนุนส่งให้ด็อกเตอร์ “สเตรนจ์” กลายเป็น “สตาร์” อีกหนึ่งดวงในใจของคนดู
“หมอแปลก” ไม่ “แปลก(หน้า)” อีกต่อไปแล้ว...
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม