ดูเหมือนว่าความอาดูรพูนเทวษในระยะนี้เริ่มบรรเทาเบาบางลงมากแล้ว
เปล่า.....ไม่ใช่ว่าเลิกเศร้า เลิกเสียใจ หากด้วยความตระหนักแน่แก่ใจว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ทุกคนจึงพยายามลุกขึ้นยิ้มสู้ แม้ว่าความโศก ความอาลัย ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหามหิดลอดุลยเดช พ่อหลวงของเหล่าพสกนิกรไทย จะยังคงกัดกินหัวใจอยู่ไม่รู้คลาย
แหละในสถานการณ์นี้เอง ที่ทำให้เราๆ ท่านๆ ได้มองเห็นปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความสมัครสมานพร้อมใจของผู้คน ที่ตั้งใจจะ “ทำดีเพื่อพ่อ” แม้บางสิ่งอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที
จะมีโอกาสไหนที่เราจะได้เห็นบรรดานักแสดงหญิง เกล้าผมสูง แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างวิจิตรบรรจงด้วยชุดผ้าไหม ไทยจิตรลดาบ้าง ชุดไทยบรมพิมานบ้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่แลดูสวยหรู เลอค่า และงามสง่าสมเป็นกุลสตรีไทย เพื่อเข้าร่วมแสดงความไว้อาลัยถวายแด่ในหลวง ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
และถ้าสังเกตดูให้ดีๆ แม้กระทั่งในสื่อออนไลน์ส่วนตัว เช่นในไอจีของบรรดาศิลปิน นักร้อง นักแสดง ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง จากที่เมื่อก่อนอาจจะชอบลงภาพแต่งตัวเซ็กซี่ในชุดออกกำลังกายบ้าง ในชุดวาบหวิวบ้าง ระยะนี้เท่าที่แอบไปสอดส่องดู แทบจะไม่เห็นภาพในลักษณะดังกล่าว ภาพที่พบเห็นบ่อยๆ ในช่วงนี้คือภาพพระราชกรณียกิจ หรือภาพพระจริยวัตรของในหลวง ตลอดจนภาพการร่วมประกอบกิจกรรมอาสาต่างๆ ของแต่ละคน
อีกเช่นกัน ที่ทำให้เราได้เห็นแง่มุมของบรรดานักแสดง ที่มีความคิดความเห็นที่หลากหลาย และบางครั้งก็ลึกซึ้งจน หลายคนคิดไม่ถึง อย่างเช่น “เจนี่ เทียนโพธิสุวรรณ” ซึ่งเป็นหนึ่งในนางเอกระดับตัวแม่ที่มักจะลงรูปในลักษณะเซ็กซี่ของตัวเองในไอจีมาโดยตลอด แต่นับจากวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหามหิดลอดุลยเดช ภาพในลักษณะดังกล่าวก็ไม่ปรากฏในไอจีของเธอเลย และเมื่อพิจารณาลงไปอีก ก็พบว่าเจนี่แทบไม่เคยลงพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวง เมื่อมีคนตั้งข้อสังเกต เธอก็ให้เหตุผลที่น่าฟังมากว่า ในความรู้สึกของเธอ พระองค์ท่านสูงส่งมาก ถ้าลงพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่านในวันนี้ แล้วในวันต่อๆ ไป มีรูป หรือมีโพสต์อื่นเข้ามาอยู่เหนือขึ้นไป เธอคงรู้สึกไม่ดี และเห็นว่าเป็นสิ่งไม่บังควร จึงเลือกที่จะลงภาพดอกไม้ หรือสิ่งอื่นใด ที่เป็นสัญลักษณ์แทนความโศกเศร้า แต่เธอก็ออกตัวว่า นั่นคือความรู้สึกส่วนตัว และไม่ได้ไปก้าวล่วงถึงผู้หนึ่งผู้ใด ที่ไม่ได้คิด และ/หรือทำในลักษณะเดียวกันกับเธอ
“พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” เราอาจจะเคยคุ้นกับความเป็นดาราที่แรง วีน เหวี่ยง พูดจาตรงไปตรงมา แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ทุกคนอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ เราก็ได้รับการบอกกล่าวว่า พลอยได้รับเชิญไปออกรายการประเภทนำเสนอขายสินค้ารายการหนึ่ง ซึ่งตามคอนเซ็ปท์แล้ว จะต้องแต่งเนื้อแต่งตัวเซ็กซี่ เพื่อให้เข้ากับรูปแบบและสรรพคุณของสินค้า แต่ไม่ว่าทางทีมงานจะเจรจาอย่างไร แม้จะบอกว่าเป็นการบันทึกเทปไว้ก่อน ยังไม่นำมาออกอากาศในระยะนี้ แต่พลอยก็ยืนยันว่าจะไม่แต่งตัวเซ็กซี่ในช่วงนี้เด็ดขาด เพราะเห็นว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะและควร ซึ่งทางทีมงานก็ยอมรับและเข้าใจในเหตุผล ชุดที่พลอยสวมใส่ถ่ายรายการในวันนั้น จึงเป็นชุดเดรสมิดชิดสีดำ ที่แม้ว่ามีดอกดวงสีเหลืองบ้าง เพื่อเป็นสีสันในรายการ ทว่าก็ดูสวยงาม เรียบร้อย และถูกกาลเทศะ (รายการจะออกอากาศภายหลังพ้นจากช่วงเวลา 30 วัน ที่มีประกาศให้งดรายการประเภทบันเทิงทุกชนิด)
“แอน ทองประสม” เป็นหนึ่งคนที่เดินทางมายังบริเวณพระบรมมหาราชวังแทบจะทุกวันที่มีโอกาส ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วสะท้อนใจเหลือเกินว่า ในชีวิตที่ขาดพ่อของแอนนั้น เธอมีเพียงในหลวงพระองค์เดียวเท่านั้น ที่เป็นเสมือนพ่อ เป็นเสมือนเสาหลักที่พึ่งพิงของชีวิต ของจิตใจ ยามเมื่อสิ้นพระองค์ท่าน จึงเสมือนชีวิตขาดเสาหลัก จึงไม่แปลกที่เธอจะต้องเศร้าโศกเสียใจต่อความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และการมาก้มกราบต่อหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง ก็เพียงเพื่อร่วมแสดงความไว้อาลัย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ โดยทุกครั้ง แอนจะมาในชุดไว้ทุกข์ ที่เรียบง่าย สุภาพ แต่ก็สวยหรู ดูสง่า
ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค” นักเขียนเพลงมือทอง ที่มีผลงานแต่งเพลงเทิดพระเกียรติในหลวงอยู่หลายต่อหลายเพลง อาทิ รูปที่มีทุกบ้าน , ต้นไม้ของพ่อ , ของขวัญจากก้อนดิน ก็ประกาศให้ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร และทุกคนสามารถนำเพลงเหล่านี้ไปใช้ได้ โดยไม่มีการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ หากเป็นการนำไปใช้ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ มิได้ทำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า
ในอีกมุ่มหนึ่ง เราก็ได้เห็นถึงน้ำจิตน้ำใจของหมู่มวลคนบันเทิง ที่มาร่วมเป็นจิตอาสาโดยสมัครใจ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ ชนิดใครถนัดงานอะไร ก็ช่วยเท่าที่เวลา และเรี่ยวแรงของตัวเองจะอำนวย
2 นางเอกแถวหน้า อย่าง “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” กับ “พลอย-เฌอมาลย์” ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ร่วมกับเพื่อนนักแสดงอีกหลายคน ในการเปิดรับบริการรับย้อมผ้าดำ เพราะรู้ดีว่าหลายคนอาจจะไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะหาซื้อชุดดำใส่เพื่อไว้ทุกข์ เธอจึงคิดริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชน มีทั้งที่นำเสื้อของตัวเองมารับบริการย้อม แล้วนำกลับไปใส่ แล้วก็มีทั้งที่นำเสื้อมาย้อม เพื่อบริจาคให้ผู้ที่ขาดแคลนต่อไป
“กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” ก็เป็นแกนนำในการนำเสื้อผ้าสีดำ และรองเท้าทรงสุภาพของตัวเอง และของคนรอบตัว มาให้ประชาชนทั่วไปใช้บริการยืม เพื่อสวมใส่เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพ ซึ่งก็สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้คนได้มากทีเดียว เพราะหลายคน โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพราะหากแต่งกายไม่เหมาะสม ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง
“อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม” ก็มานะที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปกลับมหาชัย-สนามหลวง เพื่อร่วมเป็นจิตอาสาให้บริการขับรถรับส่งผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามากราบสักการะพระบรมศพ และแสดงความไว้อาลัย ถวายแด่ในหลวง ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่เพียงแค่ได้รับรอยยิ้ม และคำของคุณจากผู้ที่มาใช้บริการ ก็ชื่นใจแล้ว
“แทค-ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” หลายคนอาจจะมองว่าเป็นแบดบอย นิสัยกระโชกโฮกฮาก แต่ก็ยังมีจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลือในการจัดแถวประชาชนที่จะเข้าไปกราบสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งถ้าเป็นเวลาอื่น การปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ก็ไม่พ้นจะต้องโดนนักข่าวเขียนจิกกัดกระแนะกระแหน แต่ครั้งนี้ นักข่าวทุกสำนักกลับมองอย่างเข้าใจ และชื่นชมด้วยซ้ำ โดยที่แทคไม่ต้องมานั่งอธิบายเหตุผล
คู่สามี-ภรรยา “ต๊อด-ปิติ” และ “นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี” ก็มีจิตอาสาในการจัดส่งรถสุขาเคลื่อนที่ Heaven toilet มาให้บริการประชาชนที่เดินทางมาถวายความอาลัย จำนวน 2 คัน จะจอดให้บริการอยู่ในราชนาวีสโมสร ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น.
“แตงโม-นิดา ภัทรวีระพงษ์” นอกจากจะไปช่วยเก็บขยะในบริเวณท้องสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบแล้ว ภาพที่ทุกคนมองด้วยความชื่นชม ก็คือภาพที่เธอตรงเข้าไปช่วยเข็นรถพาชายพิการ ที่ถือพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช มาถ่ายรูปหน้าบริเวณประตูวิเศษไชยศรี พร้อมนำดอกไม้มาเพื่อแสดงความอาลัย
เช่นเดียวกับนักแสดงสาวลูกครึ่ง “นาตาลี เดวิส” ที่มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับคุณยายวัย 68 ปี ที่ใช้เวลาถึง 3 วัน ขี่จักรยานเดินทางจากจังหวัดชัยนาท เพื่อมาสักการะพระบรมศพ เพราะไม่มีเงินที่จะใช้เป็นค่ารถโดยสาร โดยเธอได้เขียนเล่าเรื่องราวไว้ในไอจีส่วนตัว พร้อมทั้งบอกว่าจะหาซื้อจักรยานคันใหม่ให้คุณยาย เพราะจักรยานคันเดิมนั้นเก่ามาก
ถึงจะตัวดำ แต่น้ำใจงามเหลือเกิน สำหรับนักแสดงซิรี่ส์ทางช่อง Gmm 25 ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อย่าง “รัศมีแข ฟ้าเกื้อลั่น” ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ในความเสียสละ ยอมละทิ้งช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในการร่วมขับร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” รวมกลุ่มกับนักแสดงและประชาชนเรือนแสน เพื่อทำหน้าที่คอยช่วยเหลือคนที่เป็นลม เพื่อนำไปปฐมพยาบาล
นอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังมีดาราที่สมัครใจเป็นจิตอาสา ทำดีตามรอยพ่ออีกมากมาย ทั้งในรูปแบบของการช่วยกันเก็บขยะ ทำอาหาร, แจกน้ำ-ขนม , แจกยาดม , แจกพัด , แจกโบดำ ฯลฯ
จากเรื่องราวเล็กๆ นำพาไปสู่เรื่องใหญ่ระดับประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับปากท้อง และสภาพเศรษฐกิจ ในสภาวการณ์ที่ราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาดังกล่าว ส่งผลกระทบกับชาวนาในหลายพื้นที่โดยตรง อย่างหนึ่งที่ทุกคนจะสามารถร่วมด้วยช่วยกันได้ ก็คือการระดมสรรพกำลัง เพื่อคิดหาหนทางที่จะทำให้ชาวนาได้รับเงินจากการขายข้าวได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คุ้มค่ากับหยาดเหงื่อแรงกาย และความตรากตรำ เพราะว่าเรื่องของข้าว และวิถีเกษตรกรรม นับว่าเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจสำคัญ ที่ในหลวงทรงปฏิรูปและพัฒนา ด้วยพระวิริยอุตสาหะเพื่อปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด กระทั่งได้รับการเฉลิมพระเกียรติให้เป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” พร้อมๆ กับที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เอง ก็ได้รับการเฉลิมพระเกียรติเป็น “พระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย”
โดยงานนี้คนบันเทิงที่ยื่นมือเข้ามาขอเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะบรรเทาปัญหาดังกล่าว ก็คือพระเอก “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ” ที่โพสต์ข้อความลงในไอจีส่วนตัว @poh_natthawut ให้บรรดาชาวนา สามารถฝากร้าน โพสต์ขายข้าวได้อย่างอิสระ เพื่อเปิดช่องทางเรียกลูกค้าอีกทางหนึ่ง ต่างจากเมื่อก่อนที่ในไอจีของบรรดาดารา มักจะติด #ไม่ฝากร้านนะคะ
แหละภายหลังที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ค้าข้าวหลายรายออกมาโพสต์ช่องทางการติดต่อไว้ ก่อนที่ในเวลาต่อมา พระเอกหัวใจทองคำ ก็โพสต์ข้อความถึงผู้บริโภคที่ต้องการรับซื้อข้าวให้สามารถติดต่อเข้ามาได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือพระเอกป๋อ เสมือนเป็นพ่อค้าคนกลาง รับหน้าที่ประสานงานเรื่องซื้อ-ขายข้าวผ่านช่องทางการสื่อสารของตนเอง โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ตามมาด้วยนางเอกฝั่งหมอชิต “จั๊กจั่น-อคัมย์ศิริ สุวรรณสุข” ที่โพสต์ผ่านไอจีของตัวเอง ว่ารับออกแบบโลโก้สำหรับชาวนาที่อยากจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง เช่นเดียวกันนักแสดงสาวสองพันปี “เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” ก็โพสต์ข้อความขันอาสาในลักษณะเดียวกัน
นี่คือความสมัครสมาน ความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ที่ในยามที่เศร้าที่สุด อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจได้ว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกัน
นี่คือความงดงาม ที่ควรค่าที่จะจดจำ มากกว่าการจะไปให้ราคากับเรื่องราวดรามาต่างๆ นานาที่มีออกมาไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่องทางของโซเชียลมีเดีย
แค่ประเด็นว่า....ไปแล้วโพสต์... กับ....ไปแล้วไม่โพสต์.... ก็ต้องเอามาเป็นประเด็นทุ่มเถียงกัน เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทั้งที่ความจริงแล้ว จะโพสต์หรือไม่โพสต์ ก็ไม่มีใครถูก ใครผิด ขึ้นอยู่กับเจตนามากกว่า
คนที่โพสต์ภาพขณะตัวเองไปร่วมแสดงความอาลัยบริเวณพระบรมมหาราชวัง หรือไปร่วมกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ที่ท้องสนามหลวงนั้น ก็ไม่ผิดที่จะโพสต์ภาพเหล่านั้นลงในเฟซบุ๊ก หรือในไอจีของตัวเอง เพราะต่างก็อยากจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ ไว้ให้ระลึกถึง หรือเก็บไว้สอนลูกสอนหลาน ว่าเรามาทำไม ? พลังความรัก ความภักดีที่เรามีต่อในหลวงนั้น ยิ่งใหญ่เพียงไหน ?
สำหรับคนที่มาแล้วไม่ถ่ายรูปตัวเองลง ก็อาจจะมองว่า ไม่เหมาะไม่ควรที่จะมาถ่ายรูปในกาละและเทศะแบบนี้ เพราะถือว่าเป็นสถานที่สำคัญ และอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์โศก
เรื่องนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ถ้าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอดี
จริงๆ แล้วการไปไหน การทำอะไร แล้วนำมาโพสต์ในสังคมโซเชียล ก็นับเป็นค่านิยมพื้นฐานของคนในยุคนี้ เพียงแต่ที่ถูกหยิบมาเป็นประเด็น ก็เพราะทุกคนไปที่เดียวกัน ถ่ายรูปมาเหมือนๆ กัน โพสต์ลงพร้อมๆ กัน ก็เท่านั้นเอง
คิดดูง่ายๆ ว่า จะมีใครที่ยอมเดิน 3-4 ก.ม. นั่งรอเป็นวันๆ เพื่อแลกกับรูปเพียงไม่กี่รูป แต่ที่พวกเขาพร้อมใจกันมา ก็มาด้วยหัวใจล้วนๆ ย้ำอีกครั้ง ว่ามาด้วยหัวใจ ไม่ใช่มาด้วยหน้าที่ เพราะไม่มีข้อกำหนดใดๆ บังคับไว้ว่าทุกคนต้องมา
หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ดารามาเป็นจิตอาสาแล้วลงรูป ลงโพสต์ในไอจี คนก็ยังอุตส่าห์มองว่าสร้างภาพ จริงอยู่ว่าอาจจะมีดาราบางส่วนที่ทำเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง อันนี้ไม่เถียง แต่สำหรับคนที่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ แต่ถูกครหาแบบนั้น ก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกัน
ถามว่า ถ้าทำดี โดยไม่หวังสร้างภาพ แล้วลงรูปทำไม ?
คำตอบ คือถ้าดาราเหล่านั้น ไม่ลงรูป ไม่ลงข้อความ จะสื่อสารกับผู้คนทั่วประเทศได้อย่างไร ยกตัวอย่าง ถ้าชมพู่-อารยา ไม่ลงไอจีว่ารับย้อมผ้าดำ คนทั่วไปก็จะไม่รู้ว่ามีบริการนี้ หรือถ้ากาละแมร์ ไม่ลงข้อความว่ารับบริจาคชุดดำสุภาพ เพื่อให้ผู้คนยืมใส่เข้าไปสักการะพระบรมศพ ก็คงไม่มีชุดเพียงพอสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้คน และถ้าอาร์ต-พศุตม์ ไม่ลงจุดที่จะให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับส่ง ประชาชนก็คงไม่รู้ว่าจะไปใช้บริการตรงไหน ?
ทุกอย่างมีเหตุ และผลอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมองอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่มองแบบจับผิด หรือมองแบบ....คนที่มือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ
คนที่ใช้โซเชียล เพื่อทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติก็มี คนที่ใช้เพื่อทำลายคนอื่นก็มาก
ดาบยังมี 2 คม เหรียญยังมี 2 ด้าน ประสาอะไรที่คนจะไม่คิดต่างกัน !!
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 364 5-11 พฤศจิกายน 2559