xs
xsm
sm
md
lg

“แว่น สิริรัตน์” ขนลุกทุกครั้งที่นึกถึง ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้เข้าเฝ้าฯ “ในหลวง ร.๙”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แค่คิดถึงก็ขนลุก “แว่น สิริรัตน์” เผยครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ “ในหลวง ร.๙” พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักกีฬาทีมชาติ แม้จะเห็นห่างๆ แต่สุดตื้นตันใจ บอกเป็นกำไรชีวิต รับพ่อที่จากไปปลูกฝังให้รักในหลวง

อดีตนักบาสทีมชาติไทย “แว่น สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล” เปิดใจเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทนักกีฬาทีมชาติ บอกสุดตื้นตันเป็นกำไรชีวิต ไม่คิดว่าจะมีโอกาสแบบนี้ เผยพ่อที่จากไป ปลูกฝังให้รักในหลวง

“คือเราก็เห็นพระองค์มาตั้งแต่เด็กๆ ช่วยเหลือประชาชนชาวไทยมาตั้งแต่ก่อนเราเกิด และเวลาสองทุ่มก็ดูข่าวในพระราชสำนัก ซึ่งพูดทีไรก็ขนลุกทุกที และเราจะรู้มาตั้งแต่เด็ก เราเห็นในหลวงทรงงานหนักมาตลอดเพื่อประชาชนชาวไทยและมีอยู่ครั้งหนึ่งเราเคยได้รับใช้ทีมชาติตั้งแต่ปี 2538 ถึงปี 2547 และมีอยู่ปีหนึ่งประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเอเชียนเกมส์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งเป็นธรรมเนียมในทุกๆ ครั้งว่าถ้านักกีฬาจะไปแข่งกีฬาที่ต่างประเทศ เราจะได้รับโอกาสในการให้เข้าเฝ้าฯ และปีนั้นเป็นปีที่พิเศษมากสำหรับตัวเราและนักกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ร่วมในปีนั้น ซึ่งพระองค์ท่านเสด็จมาให้พระบรมราโชวาทกับเรา”

แม้จะเห็นพระองค์ห่างๆ ก็ตื้นตันใจ บอกเป็นกำไรชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวง ร.๙
“ซึ่งแม้จะไม่ได้รับเสด็จใกล้ๆ แต่แค่เราได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เราก็ภูมิใจแล้ว (ขณะให้สัมภาษณ์ ขนที่แขนก็ลุก) เพราะว่าก็พูดอะไรไม่ออก ถ้าเล่าเรื่องนี้ทีไร ขนลุกทุกที เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจ แล้ววันนั้นพระบรมราโชวาทที่ท่านพระราชทานให้กับพวกเรา มีใจความว่าพวกเราเป็นตัวแทนของประเทศไทยไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นเช่นไร ให้พวกเราทำให้ดีที่สุด ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นครั้งเดียวที่เราได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และในปีนั้นก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะการแข่งในระดับเอเชียนเกมส์นั้นจะมีทั้งญี่ปุ่นจีนเข้าร่วมซึ่งเขาเป็นทีมที่แกร่งอยู่แล้ว และตอนนั้นทีมชาติไทยได้อันดับประมาณไม่หกหรือเจ็ด หรือว่าเป็นอันดับที่ค่อนข้างดี ซึ่งบอกตามตรงว่าเกิดมาในชีวิตนี้ ไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าเฝ้าในหลวง ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต แม้จะเห็นพระองค์ท่านเพียงแค่ห่างๆ แต่ก็รู้สึกตื้นตันใจแล้ว”

ซึ่งคำสอนของพระองค์ได้สอนให้กับพวกเราไว้เยอะมาก แต่เราจะยึดคำสอนที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้ดีและทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และก็ไม่เป็นภาระให้กับคนอื่นแล้วถ้าเรามีกำลัง ในเรื่องของสุขภาพที่ดีแล้ว เราก็จะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย”

“อย่างเราเป็นนักกีฬา เราก็ยึดเอาพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างและก็มีคำพูดคำพูดหนึ่ง ที่พระองค์เคยให้ไว้นานแล้วตั้งแต่ก่อนที่เราเกิดว่ากีฬาเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ควรจะให้การสนับสนุน เพราะกีฬาจัดเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าชาตินั้นเป็นเช่นไร ถ้าเราสนับสนุนได้เยอะๆ คนในประเทศก็จะดีขึ้น”

พ่อที่จากไปปลูกฝังให้รักในหลวง ร.๙
แม้วันนี้คุณพ่อของเราเองจะจากเราไปแล้ว แต่คุณพ่อนี่แหละ ท่านปลูกฝังให้เรารักในหลวงเยอะๆ แล้วก็ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเราก็ได้ดูแลท่านอย่างเต็มที่ตลอด 5 ปี ก่อนที่เราจะเลิกเล่นบาส แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อจะต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชและในหลวงก็ทรงประทับอยู่ที่ศิริราชซึ่งเราก็ต้องเข้าออกตลอดเวลา และบางทีก็มีไปช่วยคนแถวๆ นั้นด้วย เราจึงคิดว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้ใกล้ชิดกับพระองค์ เราได้มองขึ้นไปที่ชั้น 16 แล้วพระองค์ท่านก็ได้มองมาจากชั้น 16 มันคือความรู้สึกที่ปลาบปลื้ม”


กำลังโหลดความคิดเห็น