นับว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ภายหลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพแสงเงาที่ปรากฏขึ้นมาบริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราช ซึ่งเงาดังกล่าวคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทำให้ประชาชนที่ไปกราบสักการะได้ก้มกราบ พร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล จนได้รับการยกย่องว่าเป็นไอเดียที่ดี
วันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นายทรงยศ มีสมวิทย์” ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าของไอเดียดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า จุดเริ่มต้นของความคิดนี้ ได้แรงบันดาลในมาจากภาพเด็กชายก้มกราบพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะเสด็จพระราชดำเนินที่ท่าอากาศยานบ่อทอง จังหวัดปัตตานี เลยให้เพื่อนที่เล่นหนังตะลุงช่วยฉลุลาย และตั้งใจจะเดินทางไปถวายความอาลัยที่พระบรมมหาราชวัง
“จุดเริ่มต้นของความคิดนี้ มาจากที่ผมอยากจะเสนอวิธีแสดงความจงรักภักดีในรูปแบบที่สามารถจดจำไปตลอด จึงเกิดไอเดียจากภาพเด็กชายก้มกราบพระบาท ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะเสด็จพระราชดำเนินที่ท่าอากาศยานบ่อทอง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2516 ซึ่งตนเองอยากให้ประชาชนทุกคนมีภาพก้มกราบพระบาทเหมือนเด็กชายคนดังกล่าว แล้วเหมือนท่านเอ็นดูเรา เป็นภาพที่ผมมองว่าสวยที่สุด ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ในภาพไม่ใช่เด็กคนนั้นแต่เป็นเราแทนเราคงมีความสุขมาก ถึงแม้จะไม่ใช่พระองค์จริง ๆ ก็ตาม”
“พอคิดแบบนั้น เราก็เริ่มลองนำแบบมาคำนวณดู แต่อีกใจผมก็กลัวนะว่าหากทำภาพแบบนั้นขึ้นมาจะดูไม่ดีหรือเปล่า และถ้ามีเจ้าหน้าที่มาตักเตือน ผมก็จะบอกว่า ผมตั้งใจมาทำจริง ๆ และพอผมได้แบบก็ไปปรึกษาเพื่อนที่ทำหนังตะลุงให้เขาฉลุลายให้หน่อย ซึ่งตัวผมเองก็ขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ผมก็ไปหยิบขาตั้งกล้อง แบตเตอรี่แห้ง และหลอดไฟ มาทดลองทำ ซึ่งตนทำแล้วทำอีกก็ไม่สวย เงาของท่านไม่เด่น จึงได้พนมมือพูดภาษาบ้าน ๆ ว่า พ่อครับ วันนี้ผมจะไปกราบพ่อที่บ้านของพ่อ ขอให้ความคิดผมโลดแล่นหน่อย พอผมพูดเสร็จผมก็นำรูปของพ่อขึ้นหิ้ง ผมก็เดินไปพบกับหลอดไฟรถยนต์ไส้สีแดง ผมก็ได้นำมาต่อกับระบบไฟพอเปิดมาผมดีใจสุด ๆ เลย เงาชัดมาก ชัดทุกรายละเอียด สวยสุด ๆ ผมก็บอกเพื่อน ๆ ว่า เราจะไปถ่ายรูปกับพ่อหลวงที่กำแพงวังเพื่อเก็บรูปนั้นไว้เป็นประวัติศาสตร์”
“หลังจากนั้น ผมและเพื่อนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ท้องสนามหลวง พอร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จ ก็ได้นำอุปกรณ์ที่เตรียมมาติดตั้ง ตอนนั้นคนเยอะมาก เขาก็มองว่าผมทำอะไร พอติดเสร็จผมก็ถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง ปรากฏว่า ผมหันหลังไปตกใจมากมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพจำนวนมาก ผลเลยทำหน้าที่ถ่ายให้โดยใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ที่ให้ถ่ายภาพ หลายคนปลาบปลื้มมากที่ได้ภาพก้มกราบพระบาทในหลวง ซึ่งวินาทีนั้นผมดีใจที่สุดเลย ผมพูดด้วยความดีใจว่า ได้ครับ ผมถ่ายให้ได้ครับ วันนั้นผมถ่ายภาพให้ทุกคนจนถึงตี 4 เลยครับ”
บอกรู้สึกเป็นปลื้มที่คนให้ความสนใจภาพถ่ายแสงเงาของ “ในหลวง ร.๙”
“ผมพูดไม่ออกเลยครับ ตอนที่คนมาแสดงความคิดเห็นทั้งชอบและไม่ชอบ ซึ่งผมเองก็น้อมรับคำตินะครับ คือผมเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ไม่เคยเจอท่านเลย ไม่เคยได้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่สิ่งที่ผมทำคือ ผมอยากกราบพระบาทของพระองค์ท่าน และภาพนี้คงเป็นภาพประวัติศาสตร์ของผมเลย ซึ่งผมคิดว่าวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลาประมาน 22.00 น. ผมจะไปถ่ายภาพให้กับประชาชนจำนวน 500 ภาพ ในฐานะลูกพ่อหลวงคนหนึ่ง การที่ผมทำเงาก้มกราบพระบาทพระองค์ท่านครั้งนี้ ผมไม่ได้ต้องการจะเป็นกระแส ผมทำให้ทุกคนได้ถ่ายรูปใกล้ชิดกับพ่อ รูปเหล่านี้จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ของผมและทุกคนครับ”