ดารารวมตัวแจกน้ำ อาหาร ให้ประชาชนที่เดินทางมาถวายอาลัย ด้าน “อั้ม พัชราภา” โผล่แจกด้วยทำฮือฮา “จ๊ะจ๋า พริมรตา” ปล่อยโฮ เผยไม่มีพ่อ ยึดในหลวงเป็นพ่อมาตลอดตั้งแต่เด็ก พอท่านจากไปชีวิตเคว้งคว้าง
แม้ว่าวันนี้สายฝนจะโปรยปรายมาทั้งวัน แต่ประชาชนก็ยังคงเดินทางมาร่วมถวายความอาลัยสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงเหล่าศิลปินดาราที่มารวมตัวกันด้วยหัวใจเดียวกัน ที่ต่างก็หอบเอาน้ำ ขนม ข้าว ไอศกรีม เสื้อกันฝน มาแจกประชาชน ไม่ว่าจะเป็น “อั้ม พัชราภา” ซูเปอร์สตาร์เจ้าแม่ตลาดที่ไปที่ไหนก็มักจะถูกรุมวงแตก วันนี้อั้มมาพร้อมกับ “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการส่วนตัว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ และยืนแจกน้ำอยู่พักหนึ่ง จนผู้คนเริ่มมามุงดูมาก ๆ อั้มจึงได้ปลีกตัวไปยังบริเวณอื่น เนื่องจากอยากจะเกิดความสงบเรียบร้อย เพราะทุกคนต้องใช้สมาธิในการถวายความอาลัยส่งใจรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙
นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีศิลปินดาราอื่น ๆ ที่มาให้บริการอาหาร เครื่องดื่มกับประชาชนประจำยังจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จ๊ะจ๋า พริมรตา , จิ๊บ วสุ , ติ๊ก ชิโร่ , แบงค์ แคลช , แมน การินทร์ - เกล , ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ และภรรยา ธีร์ วณิชนันทธาดา , ตั้ม สุธน บู่สามสาย และ ดิว อริศรา
“จ๊ะจ๋า พริมรตา”
ไม่มีพ่อ ยึดในหลวงเป็นพ่อตั้งแต่เด็ก พอท่านจากไปชีวิตสุดเคว้งคว้าง
“ต้องบอกเลยว่าหนูไม่มีพ่อ แล้วหนูก็ไม่เคยเห็นหน้าด้วย จำไม่ได้ เห็นแต่ในรูป มันเป็นความรู้สึกไม่มีตั้งแต่เล็ก ๆ มันจำอะไรไม่ได้ มันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เวลาวันพ่อหนูต้องไปรำที่โรงเรียนอยู่แล้วก็เฉย ๆ เวลาต้องกราบพ่อตอนเด็ก ๆ ก็งงว่ากราบพ่อแล้วแม่มานั่งทำไม เพื่อน ๆ คนอื่นเขามีพ่อ แม่บอกว่าเดี๋ยวเอาลุงมานั่งให้จะได้เหมือนเพื่อนหน่อย หนูก็โอเค ไม่ได้ติดใจอะไร คือ บ้านหนูมีลุงมีป้าครบ แต่ถามว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่หนูเอ่ยถึงพ่อขึ้นมา แม่ก็จะบอกว่าพ่อหลวงไง ในหลวงนี่คือพ่อของพวกเราทุกคน เป็นพ่อของแผ่นดิน สิ่งที่ในหลวงสอน เราเอามาใช้นะมันก็ดี เหมือนพ่อสอนเรานั่นแหละ”
“ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่รู้เรื่องตั้งแต่ประมาณอนุบาลค่ะ โตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงประถม มัธยม เวลาใครถามวันพ่อ ให้ส่งความรู้สึกถึงพ่อ รู้สึกยังไง พ่อในความคิดจ๊ะจ๋าคือในหลวงมาตลอด เพราะเราเห็นว่าท่านทรงงานยังไง ถ้าพูดภาษาเราเลย เราเห็นหน้าตาเขา เราเห็นว่าเขาทำงานยังไง เราเห็นว่าเขามีครอบครัวเป็นยังไง พอถึงวันนี้มันเหมือนมีใครมาบิดเอาหัวใจเราออกไป จ๊ะจ๋าบอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่จ๊ะจ๋ายังตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตได้ปกติ ยังทำได้ปกติ แต่ว่ามันเหมือนมันเคว้งคว้างไร้ทิศทาง”
“เรารู้สึกว่าเราเป็นคนในครอบครัวท่าน ใต้ร่มพระโพธิสมภาณของท่านทุกคนรักเคารพท่าน คุณยายเป็นคนจีนแต่ก็รักในหลวงมากค่ะ รักราชวงศ์ทุก ๆ พระองค์ เราก็คอยเฝ้าดูว่าอาการพระประชวรจะเป็นยังไงบ้าง อยู่ ๆ ก็มีประกาศจากสำนักราชวังเกี่ยวกับหลอดเลือดดำ ตรงนี้หนูรู้สึกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด มันเป็นคำที่ฟังแล้วหวิว ๆ คนติดเชื้อในกระแสเลือดนี่คือเลือดมันไหลทั่วตัว มีเชื้อโรคไหลทั่วตัวเหรอ ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่หรอก แต่แม่ก็บอกว่าคนเราก็ต้องมีเกิดแก่เจ็บตายนะลูก จ๊ะจ๋าก็โอเคเข้าใจ แม่บอกว่าวันหนึ่งคุณยายก็ต้องตายไป แม่ก็ต้องตายไปมันเป็นเรื่องปกติมีเกิดมีตายมียินดีเสียใจเป็นเรื่องปกติ”
“จ๊ะจ๋าเตรียมใจไว้พอสมควร จากเดิมที่เราคิดว่าสัก 5 ปี ค่อย ๆ เป็นหลักเดือน หลักอาทิตย์ แต่ไม่เคยมีหลักวัน ก็ยังตัดชุดสีเหลือง ชมพู เพราะว่าวันที่ 5 วันพ่อ แม่ว่าวันที่ 5 ท่านจะออกมาทักทายประชาชนไหม แม่บอกว่าท่านต้องออกมาอยู่แล้ว ก็พูดกันอย่างนี้ จนมีแถลงการณ์มาปุ๊บ ใจมันไม่ดี หนูต้องไปทำงานที่ลำปาง พอกลับจากลำปาง วันที่ไปก็ได้ยินข่าว 13 ต.ค. จำได้แม่นเลย นั่งเครื่องบินกลับมา พอมาถึงก็ตรงเข้าบ้านแล้วไปหยิบกล่องผ้า ไม่รู้อะไรทำให้อยากจะปักผ้าเป็นรูปพระองค์มันไม่มีเหตุผล จ๊ะจ๋าก็เพิ่งจะปัก แต่ใจอยากจะปักก็เลือกลายที่ง่ายที่สุดมา จำได้ว่าเริ่มปักตอนบ่ายโมง เริ่มเลือกสียังลงเวลาในอินสตาแกรมอยู่เลย ระหว่างให้แฟน ๆ เลือกสีไหม เราก็วาด Long Live the king ไปก่อน พี่จิ๊บก็ชวนไปกองถ่าย แต่วันนั้นอากาศไม่ดีค่ะ อาการขมุกขมัว อึมครึมเหงาเศร้าบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก รู้แค่ว่าอยากจะทำทีนี้ปักผ้าไป”
“ประมาณบ่ายสองกว่ามีคนแชร์บอกว่าท่านสวรรคตแล้ว เราก็เช็กกันเลยว่าจริงเหรอ ขณะที่เช็กไปมือมันสั่น น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ว่าทำไมต้องไปอินข่าวที่แชร์ในโซเชียลขนาดนี้ มันไม่จริงหรอก มันไม่รู้จริงไม่จริง เพราะใครแชร์ก็ได้ มันบ่ายสองกว่า ประกาศจากราชวังก็ยังไม่มี ก็เช็กไปเช็กมาไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง จนมีเฟซบุ๊กของท่านหนึ่งที่บอกว่าเสียใจจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว ให้ติดตามประกาศจากพระราชวังแล้วกันนั่นแหละค่ะ มันเหมือนข้างในรู้แล้วแหละ ปักผ้ายังไม่เสร็จเลย ใจมันบอกไม่ถูกค่ะ มันเคว้งคว้าง น้ำตาไหล เราฟังด้วยหัวใจที่มันสั่นไปหมด ทั้งที่เตรียมตัวแล้ว เรารู้ถึงเหตุและผลของความเป็นไปของชีวิต แต่เมื่อถึงวันที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันรับไม่ได้ค่ะ วันรุ่งขึ้นตื่นมาถามแม่ว่าเมื่อวานจริงหรือเปล่า หรือหนูฝันไป แม่บอกจริงลูก (เสียงเครือ) มันคือเรื่องจริง”
“จ๊ะจ๋าต้องทำยังไงต่อ จ๊ะจ๋าคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไร แม่บอกก็ทำชีวิตปกติ นี่คือชีวิตปกติ ทุกอย่างของท่านยังอยู่ ลูกมองรูปในบ้านเราสิ (ร้องไห้) รูปในหลวงในบ้านเราก็ยังอยู่ (ร้องไห้) พอจะเปิดโซเชียลก็กกลายเป็นว่าแต่ละคนก็แชร์ (ร้องไห้สะอื้น) เขาก็แชร์รูปในหลวง จ๊ะจ๋าไม่อยากเปิดโซเชียลเลย ไม่อยากทำอะไรเลย แต่เราต้องไม่ฟูมฟามต้องมีสติ อย่าทำให้ท่านห่วง เมื่อวานใช้ชีวิตปกติไปดูหนัง เพลงสรรเสริญขึ้นเป็นเพลงที่เราฟังมาตลอด 30 กว่าปี แต่ละภาพที่ขึ้นจอมา มีภาพพระราชกรณียกิจแค่ภาพเดียวแต่ภาพที่ซ้อนในหัวจะจ๋ามีเป็นสิบเป็นร้อยภาพ เวลาที่เราได้ดูทีวีมันถ่ายทอด มันอยู่ในใจของเรามาก จ๊ะจ๋าได้รับรู้เยอะขึ้นมาก ๆ จ๊ะจ๋าก็ร้องไห้มันไม่กล้าร้องเสียงดัง ได้แต่ก้มหน้า น้ำตาไหลออกมา กลัวไปรบกวนเขา ก็เงียบ ๆ แต่หันข้างไปพี่จิ๊บ วสุ ก็เป็น คุณแม่ก็เป็น เลยดูว่าโอเคเราทุกคนหัวใจเชื่อมโยงกัน”
“ตั้งแต่เล็กจนโตมา 30 กว่าปี เราได้เรียนรู้คำสอนของในหลวงเยอะมาก สิ่งที่จ๊ะจ๋าทำได้และง่ายมากคือการรู้จักหน้าที่ของตัวเองค่ะ แม่บอกว่าเราเป็นลูก ต้องรู้จักหน้าที่ของการเป็นลูก แม่ให้หนูไปโรงเรียน รู้วิธีการเป็นนักเรียน วันหนึ่งหนูโตไปเป็นคนของประชาชน ทำงาน เราก็ต้องรู้ว่าเราอยู่ในแผ่นดินไทย หน้าที่ของคนที่เกิดในแผ่นดินไทยต้องตอบแทนแผ่นดิน ทั้งหมดแม่ไม่ได้คิดเอง ในหลวงท่านทรงตรัสและบอกกับประชาชน วันนี้เรามีหลายหมวก เป็นลูก เป็นทุกอย่าง ทำงานเป็นพิธีกร ทุกอย่างมีหน้าที่ของมัน ต้องทำหน้าที่ให้กับเพื่อนๆ คนไทย ครอบครัวคนไทยรู้ว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน ในวันที่เขาหวั่นไหวเราจะอยู่ข้าง ๆ ให้กำลังใจกันตลอดค่ะ”
“ติ๊ก ชิโร่” และ “จิ๊บ วสุ”
นับเป็นบุญที่เกิดภายใต้กษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรม พระองค์จากไปเพียงพระวรกาย แต่สิ่งที่ท่านฝังรากหยั่งลึกเอาไว้จะยังคงอยู่
ติ๊ก :“วันนี้ผมตื่นมาตั้งแต่ตี 4 ตี 5 มาเตรียมว่าจะต้องทำอะไรบ้าง พี่ ๆ บางคนก็มีจิตกุศลมาส่งมอบน้ำบ้าง เอาเงินมาช่วย
ต่างคนก็อยากมาช่วยกันครับ ก็เอาน้ำมา 1,000 ขวด เดี๋ยวจะมีข่าวมีอย่างอื่นมาอีก คนไทยเราพอถึงเวลาก็ช่วยกันคนละมือคนละไม้นิด ๆ หน่อย ๆ ผมว่ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ สมมติว่าเจอภัยพิบัติ เจอวิกฤตอะไรต่าง ๆ ก็จะเห็นว่าคนไทยเรามีน้ำใจมากเลย ฝรั่งเห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เป็นวันที่ประชาชนชาวไทยที่มีความศรัทธา มีความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ก็เดินทางมาจากทั่วสารทิศเลย"
จิ๊บ :“ณ นาทีที่ได้ทราบข่าวผมกำลังถ่ายละครอยู่หน้ากล้องกับคุณบิลลี่ โอแกน ครับ ปิดกล้องหนังเรื่องหมอผี ข่าวมาทางไลน์ คือ คุณบิลลี่เขาหยิบมือถือขึ้นดู เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่โชว์ให้ทุกคนดู ขึ้นจอดำบอกว่าเสด็จสวรรคตแล้ว ก็หยุดถ่ายเลยเดี๋ยวนั้น เพราะทุกคนหมดแรง และผมกับคุณบิลลี่เป็นฉากที่ต้องมองหน้ากันอยู่สองคน น้ำตาไหลเลย คือ มันไหลออกมาเองเลย ปกติผู้ชายไม่ร้องไห้นะ แต่วันนั้นทุกคนคงรู้สึกเหมือนกันมันหมดเรี่ยวหมดแรง มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว วันนั้นทั้งทีมงาน นักแสดงทุกคนก็ร้องไห้กันหมด ต้องหยุดไปพักใหญ่ แต่ก็ต้องถ่ายต่อให้จบ เพราะมันเป็นวันปิดกล้อง แต่ทุกคนก็คือจิตใจมันหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทุกคนรู้สึกเศร้าสลดไม่ต่างกัน แต่เราก็ต้องทำงานต่อเพราะมันเหลืออยู่ไม่มากครับ”
ติ๊ก : “ถึงแม้ว่าเราก็มีเตรียมใจไว้บ้าง แต่พอถึงเวลาจริงๆ ที่ท่านเสด็จสวรรคตจากเราไป นอกจากน้ำตาไหลแล้วมันเจ็บอยู่ในอกสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราเทิดทูนเคารพบูชาได้สูญเสียไป ผมว่าเป็นสิ่งที่พวกเราคงจะลืมเลือนไปไม่ได้เด็ดขาด ผมเชื่อเหลือเกินว่าจากวันนี้เป็นต้นไปทุกคนคงไม่ได้มาเฉพาะวันนี้ ก็คงจะมากันเท่าที่ทุกคนมีโอกาส ผมเชื่อว่าไม่ได้มีแค่เฉพาะเรา ต้องมีคนมาขช่วยสนับสนุนช่วยทำสิ่งดีๆ แบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ต่อกันและกัน ในขณะหนึ่งที่เรากำลังโศกเศร้ากันอยู่”
จิ๊บ : “เป็นวาระที่ได้รวมใจคนทั้งประเทศด้วยกัน อย่างผมได้คุยกับคุณจ๊ะจ๋าว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะแปลเปลี่ยนความเศร้าโศก ความรันทด ความเสียใจให้เป็นพลังบวกให้ได้มากที่สุด ก็คือให้รักกันมาก ๆ สามัคคีกันมาก ๆ และดำเนินรอยตามทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงวางแนวทางเอาไว้ให้ ตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องความรักความสามัคคีในสังคม ผมเชื่อว่าทุกคนตอนนี้หัวใจมารวมอยู่ที่เดียวกัน เราทำตรงนี้ให้เป็นพลังให้ได้ดีที่สุดครับ”
ติ๊ก : “สำหรับผมแล้วได้มองเห็นอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านเป็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้ชีวิต เช่นเรื่องของดนตรี พระองค์ท่านได้ทรงประพันธ์เพลงไว้เยอะแยะมากมาย และเพลงเหล่านั้นยังอยู่ในหัวสมองอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราตลอดเวลา ในเรื่องของกีฬาไม่ว่าจะเป็นเทนนิส เรือใบหรืออะไรก็แล้วแต่ เราสามารถเอาคำสอนของพระองค์ท่านกลับมาใช้ได้ในทุก ๆ เรื่อง เรื่องของการเกษตร เรื่องการทำฝนเทียม ซึ่งผมก็ได้นำแนวทางนั้นมาแต่งเป็นเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ผมได้ขึ้นไปทำฝนเทียมกับโครงการของพระองค์ท่านด้วยตัวเอง”
“ฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพยายามมอบให้กับพสกนิกรของพระองค์ท่าน มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องขมวดและนำเอาความคิดนั้นตกผลึก เพื่อให้พวกเราได้รับรู้รับทราบ นอกจากความประหยัดแล้ว การมองไปข้างหน้า และการทำดีโดยไม่หวังอะไรตอบแทน มีข้าราชบริพารบางท่านที่ร่วมทำงานกับพระองค์ท่านถามพระองค์ท่านว่าแล้วข้าพเจ้าจะได้อะไร พระองค์ท่านบอกว่าเราอย่าคิดว่าเราจะต้องได้อะไร เราไม่มีอะไรให้หรอกนะ มีแต่บางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นจากในใจของคนที่มาร่วมทำงาน”
“เห็นไหมครับว่าพระองค์ท่านนอกจากจะเป็นกษัตริย์ที่ปิดทองหลังพระแล้ว พระองค์ท่านยังชี้แนะเส้นทางดำเนินชีวิตให้กับพวกเราแทบจะทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมะ ผมกล้าบอกเลยว่าทุกๆ สิ่งที่พระองค์ท่านได้สร้างขึ้นมาได้ทรงชี้แนะให้พวกเราเนี่ย สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเราได้ในทุก ๆ วัน ทุก ๆ สิ่ง และผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี ไม่เช่นนั้นรางวัลต่างๆ ที่พระองค์ท่านได้รับจากนานาประเทศเป็นสิ่งการันตีได้ว่าพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่เอาใจใส่ต่อพสกนิกรของพระองค์ท่านอย่างแท้จริงครับ”
จิ๊บ. “ชีวิตตอนนี้เกือบมาถึง 50 ปี ผมก็รู้สึกว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุดอีกคนหนึ่งที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน ซึ่งผมเชื่อว่าจะอีกกี่ชาติโอกาสที่จะได้เกิดมาในแผ่นดินของมหากษัตริย์ที่ทรงยิ่งใหญ่อย่างนี้โอกาสมันน้อยเหลือเกิน เราเองก็ต้องมีบุญพอด้วยที่จะเกิดมาในแผ่นดินที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม และเป็นศูนย์รวมใจได้มากขนาดนี้”
“ณ วันนี้พระองค์ท่านไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว แต่พระองค์จากไปเพียงแค่พระวรกายครับ ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ฝั่งรากหยั่งลึกเอาไว้ให้กับสังคมไทยเรา ความรู้สึกของคนไทยเรา 70 ปี และ 89 พรรษาเทียบเท่าพระชนมายุท่านจะยังถูกจดจำจารึกอยู่ในหัวใจ อยู่ในความรู้สึกของพวกเราต่อไปอีกชั่วลูกชั่วหลานนะครับ”
“แบงค์ แคลช”
ถ้าให้พูดถึงในหลวง 1 ปี ก็พูดไม่หมด ขอให้พระองค์พักให้สบาย แค่นี้ลูกก็ไม่รู้จะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณนี้อย่างไร มันไม่สามารถตอบแทนได้ มันมากเสียจนเยอะไปหมด”
“ถ้าพูดถึงพระองค์ท่านคุณมีเวลาปีหนึ่งไหมล่ะ พูดยังไงก็ไม่จบ พูดไม่หมดหรอก โดยเฉพาะทุกคนที่เกิดมาท่านกางแผนที่ ถือกล้อง แต่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็นมุมนั้น เพราะท่านทรงประชวรมานานพอควร อย่างที่ทราบกันว่าพระองค์ทรงงานหนักทุกวินาทีจริง ๆ เพราะฉะนั้นผมคงไม่ต้องพูดอะไรหรอก คนไทยทุกคนก็คิดเหมือนกัน จริง ๆ ผมก็พอรู้ข่าวมาก่อนแล้วนะ ในกลุ่มคนที่ถวายงานรักษาที่เรารู้จัก บางท่านก็เป็นทหารที่ดูแลซึ่งเราก็ใจหาย เราพยายามคิดว่าผมไม่เชื่อ เราไม่เชื่อว่าจะเกิดแบบนี้ขึ้น ขอให้แค่เป็นข่าวลือได้ไหม พอเราเห็นข่าวในสำนักพระราชวังขึ้นเราก็สลาย จำได้ว่าผมอยู่ใต้โรงละครเวทีกำลังประชุมกันว่าจะเล่นละครเวทียังไง พอทราบข่าวว่าเป็นเรื่องจริง พอก่อนที่เพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นเราก็เล่นอะไรไม่ได้ ก็ร้องไห้น้ำตาแตกกันกว่า 50 - 60 ชีวิต”
“เบื้องลึกของจิตใจ ไม่อยากให้พระองค์ไป ผมสัมภาษณ์หลายครั้งว่า ทรงพระเจริญ คงไม่พอ พระองค์ท่านเป็นอมตะ แต่ผมคิดไปคิดมาแล้ว อยากจะให้พระองค์ท่านพักให้สบาย แค่นี้ลูกก็ไม่รู่จะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณนี้อย่างไร มันไม่สามารถตอบแทนได้ มันมากเสียจนเยอะไปหมด”
“แมน การิน - เกล”
วันหนึ่งที่มีลูก เราจะให้เขาดูพระราชกรณียกิจของพระองค์ และบอกว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีพ่อที่ทำทุกอย่างเสียสละเพื่อแผ่นดิน
เกล : “ถ้าหนูมีลูกจะเอาพระราชกรณียกิจ เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาสอนให้กับลูก อ่านใหัเขาฟังว่าเราเคยมีพ่อที่ทำทุกอย่างและเสียสละเพื่อแผ่นดินให้เรามีชีวิตที่ดี”
แมน :“ผมคงจะบอกลูกว่า พ่อยังอยู่นะครับและจะบอกลูกว่า นี่คือสิ่งที่เรามีวันนี้ได้คือคำสอนพ่อ ประเทศไทยมีวันนี้ได้ก็เพราะพ่อเหมือนกัน สำหรับตัวผมเองว่าพ่อยังไม่ได้ไปไหน ยังอยู่ตลอด ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้เห็นท่าน ผมก็เชื่อว่าท่านไม่ได้ไปไหน ท่านยังอยู่ ผมยังนับถือท่านจนผมตายไปครับ”
“ไม่ทีประเทศไหนเหมือนประเทศนี้ ผมเชื่อว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่อบอุ่นที่สุด คนไทยใส่เสื้อสีเดียวกัน ยืนอยู่บนถนนที่รถติดมากที่สุด เป็นคนทั้งหมดที่ยืนเต็มถนน ไม่มีที่ไหนที่ว่างเลย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดแล้วที่เกิดมาแผ่นดินไทย”
เกล :“รู้สึกดีใจที่ได้อยูบนแผ่นดินนี้ ดีใจที่ได้อยู่กับทุก ๆ คนที่เกิดในประเทศไทยของเรา วันนี้สิ่งที่เราเห็นก็คือ ทุกคนสามัคคีกันร่วมมือร่วมใจกันเพื่อจุดหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้นในอนาคตข้างหน้าถ้าเราร่วมมือกัน เราก็สามารถทำให้ประเทศก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เช่นกัน”
“ดิว อริสรา”
รู้จัก “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ตั้งแต่เกิด ยึดคำสอนของพ่อหลวง “ทำดีต้องเริ่มจากตัวเราก่อน”
“คำพูดดิวอาจจะไม่ได้สละสลวยเหมือนที่พ่อได้พูดไว้ แต่ว่าดิวชอบคำสอนหนึ่งที่พ่อเคยบอกว่าเราเริ่มทำดีจากตัวเราก่อน และเมื่อเราทำดี ผลดีก็จะตามมาจากตัวเราเอง คือหมายความว่าเริ่มจากตัวเราทำจากตัวเรามองที่ตัวเรา ซึ่งดิวชอบอันนี้ เพราะเหมือนกับทุกวันนี้ทุกคนจับจ้องไปที่คนอื่น ดิวก็เลยอยากให้ทุกคนยึดคำสอนพ่อที่ว่าเราเริ่มจากตัวเรา และเราก็ทำดี และก็เผยแพร่ความดีของเรา มาชวนคนอื่นทำความดี สุดท้ายความดีมันก็จะกระจายวงกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ”
“ดิวบอกได้แค่ว่าตั้งแต่ดิวเติบโตมาดิวก็รู้จักท่าน และดิวก็ชอบในคำสอนของท่าน การใช้ชีวิตของท่านในหลาย ๆ อย่างที่ท่านเป็น ซึ่งดิวก็เป็นอีกคนที่รักท่านเหมือนกัน ก็อยากจะบอกว่าวันนี้พวกเราทุกคนก็ยังรักพ่ออยู่เหมือนเดิม คิดถึงพ่ออยู่เหมือนเดิม และวันนี้ถ้าพ่อมองลงมาดิวก็เชื่อว่าทุกคนต้องทำให้พ่อยิ้มได้”
“ตูมตาม - ญิ๋งญิ๋ง”
ทำริบบิ้นแจกประชาชน อยากเห็นภาพคนไทยรักกันตลอดไป
ตูมตาม : “ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ ใครมือเสื้อดำเยอะ ๆ มือสองก็ได้ เอามาแบ่งปันให้กับคนที่ไม่มีจริงๆ ผมว่าเป็นโอกาสดีครับ จะได้ออกมาช่วยเหลือกัน”
ญิ๋งญิ๋ง : “จริง ๆ เรามาตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม บรรยากาศก็มีทั้งความเศร้า แต่ยังไงเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้พวกเราก็ยังได้รวมทุนกันทำยาดมขึ้นมาเองด้วย เพราะทุกคนต้องการมาก และส่วนหนึ่งเราจะทำริบบิ้นสำหรับคนที่ไม่มีแรงทุนที่จะซื้อเสื้อดำ แต่ไม่ใช่สนับสนุนให้ใส่แทนเสื้อดำนะคะ คือสำหรับคนที่ไม่มีจริง ๆ หรือถ้าใครมีก็เอามาแบ่งปันกัน มันอาจจะไม่มีคุณค่าสำหรับเรามาก แต่สำหรับบางคนมันมีคุณค่าจริง ๆ”
ตูมตาม : “หลังจากนี้ ทุกคนตั้งใจจะเป็นคนดีครับ ผมว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นสิ่งเตือนใจคนไทยทั้งประเทศครับว่าต่อไปนี้ เรามัวเสียเวลาแค่เรื่องของเราคนเดียวมันไม่ใช่เรื่องครับ เราเป็นคนไทย เราต้องรักกัน ทำทุกอย่าง และรู้อยู่แล้วว่านี่คือประเทศของเรา เราต้องทำเพื่อทุกคนให้มากกว่านี้ครับ”
ญิ๋งญิ๋ง : “ก็เป็นคนดี คิดดี ทำดี หลังจากนี้ ทุกคนก็จะมีทัศนคติที่ดีขึ้น บวกขึ้น เห็นได้ชัดจากที่ทุกคนออกมาช่วยกัน ไม่ว่าจะเก็บขยะ หรือคนที่เดินผ่านมาเอาข้าวมาแจก เอาน้ำมาแจกค่ะ ทำให้เห็นว่าคนไทยไม่ได้แล้งน้ำใจ อยากใหัทุกคนจำภาพ จำความรู้สึกนี้ไว้ รู้สึกดีต่อกัน และอยากช่วยเหลือกันค่ะ”
ตูมตาม : “อยากให้ภาพแบบนี้มันเกิดขึ้นตลอดไปครับ อยากให้ภาพของการช่วยเหลือกัน รักกันมันเกิดขึ้นทุกวันไม่ใช่เฉพาะแค่หนึ่งปีนับจากนี้ หรือหนึ่งเดือนนับจากนี้ ผมว่าคนไทยวางเรื่องแย่ ๆ ไปเถอะ เราเริ่มต้นกันใหม่ เราสร้างสิ่งใหม่ ๆ กันดีกว่าครับ”
“แจ็ค แฟนฉัน”
มีลูกจะปลูกฝังลูก “ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง รัชกาลที่ ๙”
“ก็ยังเศร้าอยู่ครับ และทุก ๆ เช้าที่ตื่นมาก็ยังร้องไห้อยู่ ผมเชื่อว่าประชาชนหลายๆ คนก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน รวมถึงสิ่งที่ทำได้ก็คือต้องเข้มแข็งและผ่านไปให้ได้ ตัวผมเองก็เหมือนกัน จากที่ปกติเป็นคนร่าเริงแต่ช่วงนี้ถ้าหากใครเจอก็อาจจะไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยขำ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะเราก็ไม่เคยอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งพอมันเกิดขึ้นเราเองก็เครียดและนอยด์มาก ๆ ครับ”
“วันที่เราไปส่งเสด็จ ความรู้สึกมันเหมือนกับไม่ใช่เรื่องจริง ในหัวคิดแค่ว่าท่านยังอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเลยก็คือคนไทยรักกันมากๆ และก็รักท่านมาก ๆ ความดีของพ่อที่มีเยอะมาก ๆ ให้คนไทยได้นำไปใช้ ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำได้ก็คือตามรอยพ่อหลวงในเรื่องดีๆ ที่พ่อเคยสอนไว้ ส่วนใหญ่เวลาเรียนหนังสือคุณครูก็จะสอน และก็บอกเกี่ยวกับเรื่องราวของพ่อหลวง รวมถึงพ่อแม่ผมก็สอน ซึ่งนั่นทำให้ผมปลูกฝังว่าเราคนไทยทุกคนรักในหลวง”
“ผมนำคำสอนเรื่องความกตัญญูมาใช้ครับ ผมทำทุกอย่างที่ท่านสอนมา และก็เรื่องเกี่ยวกับความพอเพียง รวมถึงการเป็นคนดี ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำนำไปเปรียบเทียบกับพระองค์ท่านไม่ได้เลย เพราะสิ่งดีๆ ของพ่อหลวงมีเยอะมาก ๆ”
“ตั้งแต่เด็ก ๆ แม่ผมจะบอกอยู่เสมอว่าทำไมคนถึงรักในหลวง รวมถึงพ่อผมก็บอกด้วยเหมือนกัน ตอนเด็กเราอาจจะไม่รู้อาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อเราโตขึ้นเราได้ศึกษา ได้เห็นในหลวงท่านทรงเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน ได้เห็นสิ่งดี ๆ ได้เห็นสิ่งที่ท่านทำให้กับคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ประชาชนรักพ่อหลวง และผมก็ตั้งใจว่าผมจะมีพ่อหลวงเป็นแบบอย่างต่อไป รวมถึงบอกลูกของผมในอนาคตด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ผมก็จะเล่าให้เขาฟัง จะพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดอย่างที่พ่อเคยบอก”
“ผมรักพ่อมากครับ และก็จะทำสิ่งดี ๆ ที่พ่อเคยสอน ผมเชื่อว่าตอนนี้พ่อก็ยังคงดูพวกเราอยู่ทุกคน และผมอยากให้เราทุกคนรักกันเหมือนในวันนี้ ช่วยเหลือกัน ไม่ทะเลาะกันให้พ่อเห็น ผมเชื่อว่าพ่อก็จะต้องมีความสุขอย่างแน่นอนครับ”
“โย่ง เชิญยิ้ม”
ตะโกนบอกฟ้าพ่อจะอยู่ในใจตลอดไป
“ความรู้สึก (นิ่งไป) ใจสลาย วันแรกที่จอดำ ที่บ้านก็มีเสียงร้องไห้กันเต็มไปหมด เหมือนทุกคน ใจตกวูบไปเลย ทีวีขึ้นจอดำ พอได้ทราบข่าวจริง ๆ ก็หัวใจสลาย วันนี้เราอยากมา ได้แต่คิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง เห็นบรรยากาศในวันนี้แล้วเรารู้สึกดีมาก และรู้สึกว่าเรารักกันมากยิ่งขึ้น เรามีหัวใจเดียวกัน และจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทุกคนที่มา มาด้วยความรู้สึกเดียวกันเลย เราได้มาเจอกัน ไม่ต้องพูดคุยกัน แต่เรารู้สึกเหมือนกัน”
“ที่ผ่านมา เราได้เล่นละครเทิดพระเกียรติ เคยเล่นเรื่องลูกระนาด เราเล่นกันหลายคน มี อาอี๊ด สุประวัติ, กุ้ง สุทธิราช ที่จำได้คือเป็นการกำกับของ คุณธงชัย ประสงค์สันติ เวลาที่เรานั่งอยู่หลังครัวในบ้าน เราจะเห็นปฏิทินรูปพ่อหลวงอยู่ทุกวัน ตอนนี้เรามองไปที่ปฏิทินใบเก่า แต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง โดยที่ไม่ต้องพูด ไม่มีคำอธิบายเลย บอกไม่ถูก”
“จริง ๆ อยากจะหาคำพูดมาบอกลูกบอกหลานว่าพ่อหลวงของเราทำงานหนักเพื่อพวกเรา เอาเป็นว่าตั้งแต่เราเกิดมา จำความได้ก็เห็นพ่อหลวงของเราทำงานเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด แล้วดูพ่อหลวงทำงาน แต่ละภาพที่ออกมา ท่านตั้งใจ สนใจจริง ๆ เพื่อที่จะทำให้ลูกของท่านภายในประเทศสบายกันทุกคน เราซาบซึ้งและอยากจะเล่าให้ลูกหลานฟังให้ละเอียด เรายึดหลักคำสอนของพ่อหลวงคือความพอเพียง คุ้มที่สุดแล้ว อยากจะตะโกนให้พ่อได้ยินว่าพ่อยังอยู่ในใจเราเสมอ และจะอยู่ตลอดไป”
“เกรซ กาญจน์เกล้า”
ใจสลาย เหมือนเสียเสาหลักของบ้าน ขอยึดมั่นในความดีและเสียสละตามรอยพ่อหลวง
“มันเป็นบรรยากาศของความอบอุ่นท่ามกลางความมืดมิด เราก็ยังมีน้ำใจซึ่งกันและกัน หันไปทางไหนก็เจอคนที่เจ็บปวดเหมือนกับเรา เพราะเรามีดวงใจดวงเดียวกัน ทุกวันนี้หัวใจเราสลายไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราน้องทำคือเราต้องจับมือและข้ามผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดนี้ไปให้ได้ เพื่อคนบนฟ้าจะได้มองลงมาแล้วไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว เรามาในวันนี้เราก็เป็นจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่ง เราได้เดินตามรอยเท้าพ่อ วันไหนที่ว่างเราก็จะมาค่ะ มันเป็นสิ่งที่เราหยิบยื่นให้กันได้ แบ่งปันให้กันได้ ในยามมืดมิดเรายังได้เจอกัลยาณมิตรที่ดี”
“เกรซรู้สึกว่าท่านเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก การที่คน ๆ หนึ่งจะทำอะไรเพื่อหลายสิบล้านคน หรือการที่จะทำให้หลายสิบล้านคนรัก มันเป็นสิ่งที่ยากมากจริง ๆ ที่จะมีใครสักคนที่ทำได้ เวลาที่เราหลับ ท่านก็ยังทรงงาน คือในสิ่งที่ทุกคนได้เห็น เกรซว่าในภาพวิดีโอต่าง ๆ ที่เราได้เห็นพระราชกรณียกิจคงเป็นแค่เสี้ยวเดียวของความลำบาก และที่เรามาวันนี้จะลำบากแค่ไหนมันก็หาที่เปรียบไม่ได้เลยกับความลำบากของท่าน ที่ท่านทำมาตลอดหลายสิบปีเพื่อพวกเรา”
“เกรซอยากให้คนไทยจับมือกันค่ะ จับมือกันให้แข็งแรง เรามีหัวใจดวงเดียวกัน ตอนนี้ใจเรามันสลาย มันเป็นแผลในใจที่พูดไม่ถูก นับจากนี้ถึงเราจะขาดเสาหลักของบ้าน เราก็ต้องไม่ทำให้ท่านทรงเป็นกังวล สิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ไม่มีจะอะไรจะดีไปกว่าการจับมือกัน ลืมเรื่องบาดหมางหรือการทะเลาะอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้น”
“เกรซอยากบอกพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้พ่อเห็นแต่น้ำตาของคนไทย เห็นแต่ความโศกเศร้า เราออกมาทำอะไรแบบนี้เพื่อส่วนรวม เพื่อทุกคนที่มีหัวใจที่แตกสลายดวงเดียวกัน ค่อยๆ ประคับประคองและจับมาเป็นพลังด้านบวกในการใช้ชีวิตต่อไป ในการดำเนินรอยตามในสิ่งท่านได้ตรัสเอาไว้ ในเรื่องของความดี ความดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ให้ทุกคนท่องไว้ให้มั่นและให้ก้องไว้ในใจไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องยึดและจำไว้ตลอดไม่ลืมคือเรื่องความดีและความเสียสละค่ะ”