ถูกแชร์ไปทั่ว สำหรับภาพน้ำตาเบื้องหลังของ “วีระศักดิ์ ขอบเขต” ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในการทำหน้าที่อ่านประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต เมื่อค่ำวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกมา กระทั่งมีคนเข้ามาร่วมแสดงความเห็นกันอย่างมากมายถึงความเป็นมืออาชีพของเจ้าตัว ล่าสุด ผู้ประกาศหนุ่มวัย 44 ก็ได้มีโอกาสเผยความรู้สึกถึงการทำหน้าที่ดังกล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ โดยระบุว่า การทำหน้าที่อ่านข่าวที่คนไทยไม่อยากฟังครั้งนี้ถือเป็นการทำหน้าที่เป็นการทำงานที่ยากที่สุดในชีวิตตนแล้ว
“ผมจึงรักพระองค์ท่าน รักมากด้วย เมื่อถึงวินาทีที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ ผมยอมรับว่า ถามตัวเองเหมือนกัน ว่า จะทำได้หรือไม่ จะทำไหวหรือเปล่า เพราะส่วนตัว แค่วินาทีที่ได้รับประกาศจากสำนักพระราชวัง ผมก็ร้องไห้ ไปรอบหนึ่งแล้ว”
“มันเป็นเรื่องยากเหลือเกิน.....ที่จะต้องแจ้งข่าวให้คนไทยทั้งประเทศได้รับทราบ และเป็นข่าวที่ไม่มีใครอยากฟัง สำหรับผม มันหนักมาก และทำใจได้ยากและแย่ที่สุดในชีวิตแล้ว สำหรับการทำหน้าที่ครั้งนี้ เพราะขนาดตัวเราเอง ทราบข่าว ยังร้องไห้ แล้วต้องไปสื่อสารในสิ่งที่คนไม่อยากฟังทั้งประเทศ มันจึงต้องใช้พลังเยอะมาก”
“ผมก้มหน้านิ่ง ทำสมาธิ ขอพลังใจจากเพื่อนร่วมงานทุกคน ผมถามพวกเขานะ ว่า พี่จะไหวไหม พี่ไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าพี่จะไหว? จากนั้น ก็ช่วยกันรวมพลังนั่งสมาธิ สงบจิตใจไปด้วยกัน”
“เมื่อฝ่ายข่าว มาเรียกให้ไปทำหน้าที่ ยอมรับครับว่า เพียงไม่กี่วินาที สำหรับการก้าวเดินไปทำหน้าที่ ผมรู้สึกว่า ทำไมมันยากเหลือเกิน ที่จะต้องถือกระดาษแผ่นนี้ไปแจ้งข่าวให้ชาวไทยทั้งประเทศได้รับทราบ ทั้ง ๆ ที่ เราเองก็ทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว …(เสียงสะอื้น)”
“ตอนนั้น ผมยกมือขอพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ว่า จะขอทำงานถวายพระองค์ท่าน เพราะนี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำงานถวาย จะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ….(เสียงสะอื้น ร้องไห้) แม้เบื้องหลัง เราจะรู้สึกเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็ตาม ในใจ นึกเพียงแต่ว่า จะทำงานถวายพระองค์ท่านๆ เท่านั้น”
“ตอนอ่าน ก็พยายามตั้งสติ พยายามประคองให้ได้มากที่สุด พออ่านจบ โชคดีที่มีสารคดีช่วย...จึงตัดไปยังสารคดี...อ่านจบ ผมก็ไปแล้ว...ร้องไห้ เสียใจที่สุดในชีวิต”
“ผมเอง จริงๆ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปัจจุบัน อายุ 44 ปีแล้ว ทำงานเป็นนักข่าวมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2537 และได้รับหน้าที่อ่านข่าวพระราชสำนัก มาตลอดด้วย (สะอื้นร้องไห้) แต่เมื่อต้องรู้ข่าวนี้ แม้มันจะเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่แสนเจ็บปวดใจมากเหลือเกิน”