ส่งเสียงเพลงกุมหัวใจคนไทยมาครึ่งทศวรรษแล้ว สำหรับรายการ "เดอะวอยซ์ เสียงจริง ตัวจริง" ที่เปิดฉาก ซีซั่น 5 ไปได้ 4 อาทิตย์พร้อมๆ กับการทำหน้าที่ของโค้ชคนใหม่ป้ายแดงอย่างนักร้องสาวเสียงทรงพลัง "ดา ธนิดา ธรรมวิมล" หรือ "ดา เอ็นโดรฟิน" ที่มาแทน รุ่นใหญ่ "เจนิเฟอร์คิม" ขณะที่ 3 โค้ชหนุ่ม ทั้ง "โค้ชก้อง สหรัถ", "โค้ชโจอี้ บอย" และ "โค้ชสิงโต นำโชค" ยังคงทำหน้าที่กันอย่างพร้อมหน้า
สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นแฟนรายการนี้ประจำ การออกอากาศในรอบ Blind Audition ไปร่วมเดือนอาจจะรู้สึกว่าทำไมเดอะวอยซ์ซีซั่นนี้ถึงดูเงียบๆ ไป ทว่าสำหรับใครที่ติดตามผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของรายการนั้นน่าจะตรงกันข้าม เพราะนอกจากจะไม่เงียบแล้ว ปีนี้ต้องบอกว่าบรรดาผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาทีเดียว วัดได้จากจำนวนคลิกของคนที่เข้าไปชมผ่านเวบไซต์ยูทูบซึ่งแต่ละคนมีจำนวนสูงๆ กันแทบจะทั้งนั้น
วันนี้เราขอนำเอาลีลาของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในรอบ Blind Audition มีใครกันบ้าง หน้าตาเป็นยังไง ถ้าจะวัดตัวเต็งเอาง่ายๆ เราขอดูกระแสจากโลกโซเชียล และฟังเสียงร้อง ความชื่นชอบของผู้คนทางบ้าน ผ่านเวบไซต์ยูทูบกันเพื่อดูว่า 5 อันดับที่มียอดคนคลิกเข้าไปดูสูงสุดมีใครกันบ้าง
อันดับที่ 1 ต้องยกให้สาวคนนี้ "กิ๊ฟท์ จุฑาทิพย์ สุมนารถ" ที่มาพร้อมเสียงหวานทรงพลังใน เพลง "ตัวร้ายที่รักเธอ " และมียอดผู้เข้าชมทั้งหมด 11,471,717 วิว ซึ่งภายหลังจากที่สาวกิ๊ฟท์ร้องเพลงตรงท่อนที่ร้องว่า "ถึงกูจะร้ายกูก็รักไม่น้อยกว่าเขา แล้วเหตุใดเล่าที่เป็นตัวเราที่แพ้เสมอ" นั้น ทำเอาโค้ชสิงโต และ โค้ชโจอี้ บอย ต้องกดปุ่มหันมาพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะโค้ชสิงโตถึงกับหยิบปากกาขึ้นมาเขียนชื่อผู้เข้าประกวดไว้ในสมุดรายชื่อทีม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเชื่อเสียงเชียร์ในห้องส่งด้วยการขออยู่ทีมของโค้ชโจอี้ บอย ในที่สุด
อันดับที่ 2 หนุ่มชาวร็อคน้ำเสียงบาดใจ "ไนท์ วิทวัส สันกลกิจ" เพียงแค่เอ่ยเสียงร้องในเพลง Highway to Hell มาไม่กี่คำก็ทำให้ โค้ชก้อง, โค้ชโจอี้ บอย และโค้ชสิงโต กดปุ่มหันมาพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ก่อนโค้ชก้องจะชวนไนท์ร้อง Black in Black พร้อมโชว์ลีดกีตาร์ให้เป็นครั้งแรกใน 5 ปี !! เรียกได้ว่าเวทีเดอะวอยซ์แทบลุกเป็นไฟด้วยพลังของชาวร็อค และในที่สุดไนท์ก็ขอเลือกอยู่ทีมโค้ชก้อง โดยที่โค้ชโจอี้ บอย และโค้ชสิงโต แทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย ซึ่งถึงตอนนี้เจ้าตัวมีจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด 9,586,733 วิวแล้ว
อันดับที่ 3 มียอดผู้เข้าชมทั้งหมด 7,180,702 วิว สำหรับหนุ่ม "เกิบ ณัฐพงศ์ ทองเมือง" ดีกรีแบ็คอัพของวงสล็อตแมชชีน ที่ตัดสินใจเข้ามาสมัครเพราะตั้งใจอยากจะมาร้องเพลงให้ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วได้ฟัง ด้วยเสียงสูงที่เป็นเอกลักษณ์สามารถทำให้โค้ชทั้ง 3 คน อย่าง โค้ชสิงโต, โค้ชก้อง และ โค้ชดา กดปุ่มหันมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนุ่มเกิบได้เลือกเข้าร่วมทีมของสาว "ดา เอ็นโดรฟิน" โดยหนุ่มเกิบได้ให้เหตุผลว่า ตนและภรรยามีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเพลง "เพื่อนสนิท" ของสาวดา เพราะเป็นเพลงที่ภรรยาร้องจีบตนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และนี่จึงเป็นเหตุผลที่เลือกเข้ามาร่วมในทีมของสาวโค้ชดานั่นเอง งานนี้ก็เรียกยอดไลค์จากชาวเน็ตถล่มทลาย พร้อมด้วยช็อตพิเศษจากโค้ชดา ที่ร้องเพลง เพื่อนสนิท ให้กับหนุ่มเกิบบนเวทีด้วยน้ำเสียงทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ บอกเลยว่า ซึ้งมาก ๆ
อันดับที่ 4 นับเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคนที่น้ำเสียงมีเสน่ห์เอาซะเหลือเกิน สำหรับหนุ่ม "คิง ภัชรพงษ์ บุญชู" ที่มาโชว์พลังเสียงในเพลง "คนที่ฆ่าฉัน" จนเรียกยอดผู้เข้าชมทั้งหมด 5,434,970 วิว งานนี้ก็ทำเอา "โค้ชสิงโต" กับ "โค้ชดา" ถึงกับกดปุ่มหันมา และเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้เลือกเข้าไปอยู่กับทีม "โค้ชดา" นั้นเอง
อันดับที่ 5 เปิดโชว์มาได้อย่างน่าประทับใจตั้งแต่ท่อนแรกทีเดียว สำหรับแร็พเปอร์สาวตาคมผมยาวอย่าง "นายศิลปิณฑ์ กิลล์" หรือ "ซีโมน" หนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน The Voice Thailand Season 5 ในรอบ Blind Auditions ที่มาในเพลง Airplanes เรียกได้ว่า ซีโมน ทั้งร้องทั้งแร็พออกมาดีเยี่ยม แถมเสียงแหบนิด ๆ มีเสน่ห์หน่อยๆ จนคนฟังอดโยกตามไม่ได้ ถึงขนาดที่ "โค้ชโจอี้ บอย" ตบปุ่ม want เพื่อรับเข้าทีมจนปุ่มหลุดออกจากแป้น พร้อมกับชมว่า "ผ่านมา 5 ปี เพิ่งมีแร็พขนาดนี้ ตบจนปุ่มแตกเลย" นอกจากนี้กระแสตอบรับของซีโมนยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเพียงแค่ปล่อยคลิปออกมาก็เรียกยอดวิวไปแล้วกว่า 5,145,333วิว บอกเลยว่าซีโมนไม่ได้มาเล่นๆ
"ดา เอ็นโดรฟิน" กับรอยรั่วที่ต้องอุด
นับตั้งแต่มีข่าวคราวการเปลี่ยนตัวโค้ชจาก "เจนิเฟอร์ คิ้ม" เป็นสาว "ดา เอ็นโดรฟิน" หลายคนต่างก็พากันแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ต่างตั้งอยู่บนการเปรียบเทียบ และคำถามที่ว่าเจ้าตัวจะทำหน้าที่ได้ดีเพียงไร?
แน่นอนว่าพลันที่รายการออกอากาศ นอกจากคนดูจะโฟกัสไปยังผู้เข้าประกวดแล้ว ตัวของโค้ชสาวหน้าใหม่คนนี้ก็ถูกจับจ้องไม่แพ้กัน
ทั้งนี้เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ที่ออกมาผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของรายการนั้นก็ต้องบอกว่าค่อนข้างจะเป็นไปในทำนองติติงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น..."โค้ชดาทำไมต้องแอ๊บเสียงเวลาพูดด้วย ฟังดูไม่ค่อยโอเคเลย"....."ทุกอย่างดีหมด ตอนร้องกับผู้แข่งขันก็ดูดี มีความเป็นกันเอง มาเสียตรงแอ๊บเสียงนี่ล่ะ"
"ช่วงแรกๆแอบอึดอัดเล็กน้อย ทั้งที่ดาเป็นคนมั่นใจแต่บางครั้งกลับดูลังเล การพูดจาก็เหมือนยังไม่กล้าพูดเยอะพูดมาก อีกทั้งการเลือกลูกทีมก็เหมือนไม่กล้ากดต้องคอยหันถามรุ่นพี่หาความมั่นใจ โค้ชดาให้โค้ชคนอื่นคอมเม้นบ้างสิคะ ถามชื่อปุ้บ ปิดการสนทนาปั้บ เฮ้อ"
"จริงๆเป็นแฟนเพลงคุณดา แต่พอมาเป็นโค้ช กลับไม่ชอบเลย บางทีเหมือนโค้ชดา จะพยายามเหมือน Jessie j ของ the voice uk เลย"....."ดารู้สึกจะโอเวอรแอ๊คชั่นเยอะเกินจะขโมยซีนโคชคนอื่นจนเลอะเทอะ"....."คือรายการดีแต่ดาโอเวอร์ไปนิดนึงคือจะโชว์อะไรกันแน่ปีนี้จะโชว์ดาหรือโชว์คนเข้าแข่งขันแต่คนอื่นก็พอดีขำๆไป ปีหน้าเปลี่ยน ดา ออกเหอะ"
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาความตลก โปกฮาที่พร้อมจะเล่นมุกหรือแม้กระทั่งความปากร้ายที่พร้อมจะฟาดฟันกับโค้ชคนอื่นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของโค้ชคิ้มนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตรงนี้มันคือ "สีสัน" ของรายการเดอะวอยซ์นับตั้งแต่ที่มีรายการมา เมื่อขาดเธอไปสีสันที่ว่าก็หายไปในทันที ขณะที่การมาทดแทนของ ดา เอ็นโดรฟินนั้น ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายังไม่สามารถอุดรอยรั่วตรงนี้ได้แต่อย่างไร
ไม่นับรวมไปถึงเรื่องของแนวเพลงของเธอที่หลายคนมองว่าเธอนั้นมาสายร็อก สายเดียวกับโค้ชก้องซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันนั้นไม่มีความหลากหลาย แตกต่างไปจากโค้ชคิ้มที่ค่อนข้างจะชัดเจนในถนนสายแจ๊สนั่นเอง
อันที่จริงเหตุการณ์ทำนองนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงที่มีการเปลี่ยนตัวโค้ชจากนักร้องหนุ่ม "สแตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข" มาเป็นหนุ่ม "สิงโต นำโชค" ทว่าในครั้งนั้นรอยรั่วอาจจะไม่กว้างเท่าครั้งนี้ เนื่องจากบุคลิกของทั้งสองดูจะมีความไม่แตกต่างกันมากนัก และถึงตอนนี้ทางหนุ่มสิงโตเองก็เริ่มที่จะสร้างความรู้สึกคุ้นชินให้กับคนดูได้บ้างแล้วในแนวทางความเป็นตัวของตัวเองแม้จะยังไม่เต็มร้อยเสียทีเดียว
ทั้งนี้ก็คงจะต้องดูกันต่อไปว่าสาวดาเองเธอจะใช้ความสามารถอุดรอยรั่วและใช้จุดเด่นในความเป็นตัวของตัวเองสร้างความคุ้นชินให้กับคนดูได้เร็วขนาดไหน...