เป็นคอนเสิร์ตที่รอคอยกันมานานนับศตวรรษเลยทีเดียว สำหรับการแสดงสดครั้งแรกของวง Queen ที่เมืองไทย โดยครั้งนี้ Queen ได้พาหนุ่มมากความสามารถ “อดัม แลมเบิร์ต” จากเวทีอเมริกันไอดอล มาร่วมทัวร์ “Queen + Adam Lambert On Tour 2016” ด้วยกัน ซึ่งจัดขึ้นไปอย่างสุดมันเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางสาวกแฟนคลับที่แห่ไปชมแน่นฮอลล์
โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ชาวไทยตั้งตารอคอยกันมาอย่างยาวนานสำหรับการได้รับชมการแสดงสดของศิลปินระดับตำนานจากเกาะอังกฤษอย่างวง Queen เพราะหลังจากที่สูญเสีย เฟรดดี เมอคิวรี นักร้องนำไปตั้งแต่ปี 1991 แฟนคลับก็แทบจะหมดหวังกับการจะได้ชมโชว์ของวงนี้อีกครั้ง
แต่เมื่อไบรอัน เมย์ กับ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกีตาร์และมือกลอง 2สมาชิกที่ยังคงเหลืออยู่ของวง Queen ที่ยังคงต้องการเดินบนเส้นทางสายดนตรีนี้ต่อไปโดยพาศิลปินชั้นนำมากมายมาทำหน้าที่ถ่ายทอดบทเพลงของวง ก็ได้ทำให้แฟน ๆ กลับมามีความหวังขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งครั้งนี้พวกเขาได้ค้นพบ อดัม แลมเบิร์ต นักร้องชาวมะกันมากความสามารถผู้ปลุกวิญญาณความเป็นร็อกแอนด์โรลของพวกเขาให้โชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านการร่วมงานกันครั้งแรกจากการทำโชว์ในรายการ American Idol ก่อนที่จะจับมือทำการแสดงร่วมกันอีกครั้งอย่างสุดประทับใจบนเวที MTV European Music Awards ซึ่งได้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในตัว 2 ศิลปินจากวง Queen จึงเกิดการออกทัวร์ร่วมกันครั้งนี้ขึ้น
และแน่นอนว่า ทันทีที่มีการประกาศทัวร์ สาวกแฟนคลับศิลปินรุ่นตำนานของวง Queen รวมถึงแฟนคลับของศิลปินรุ่นลูกผู้มากความสามารถอย่าง อดัม แลมเบิร์ต ก็พร้อมใจกันที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร่วมชมโชว์ของพวกเขา
โดยคอนเสิร์ตที่มาเปิดการแสดงที่เมืองไทยครั้งนี้ ได้จัดเต็มโปรดักชันแบบอลังการผ่านฝีมือทีมโปรดักชันระดับโลกที่เคยฝากฝีมือกับศิลปินชั้นนำมาแล้วมากมาย นอกจากนั้น ยังมีการนำเพลงสุดฮิตและเพลงในตำนานของวงมาแสดงอีกเพียบ โดยอดัม สามารถทำหน้าที่ถ่ายทอดบทเพลงสุดฮิตได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มต้นเปิดตัวโชว์พลังกันด้วย Seven Seas of Rhye ซึ่งเรียกเสียงเฮจากแฟนๆได้กระหึ่มก่อนตามติดด้วย Hammer to Fall จากนั้นบนเวทีก็ยิงเลเซอร์สีฟ้าไปทั่วเพื่อเข้าสู่เพลง Stone Cold Crazy และตามด้วย Fat Bottomed Girls โดยแต่ละบทเพลง อดัม ใส่ความเป็นตัวแม่ลงไปวาดลีลากรีดกรายและเยื้องย่างที่มีทั้งความหนักหน่วงแบบขาร็อกและความเป็นดีวาอยู่ในคนๆเดียวกันได้อย่างลงตัว
โดยหลังจากปล่อยให้ ปู่ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ บรรเลงกีตาร์และกลองปิดท้ายแบบยาว ๆในเพลง Fat Bottomed Girls เพื่อให้ตนเองกลับไปหลังเวทีเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า อดัม แลมเบิร์ต ก็ได้กลับขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ช่วงแห่งความควีนแบบเต็ม ๆ โดยคราวนี้มาในชุดเสื้อกล้ามซีทรู กางเกงเอวสูง และรองเท้าบูตส้นสูง ด้วยลีลาแบบราชินี เดินโพสท่าเยี่ยงนางพญาพร้อมกับโชว์ลีลากวน ๆเรียกเสียงหัวเราะกับบทเพลง Don’t Stop Me Now ก่อนที่เจ้าตัวจะหายไปหลังเวทีเพื่อกลับมาอีกครั้ง โดยมีเสื้อคลุมขนนกในเพลง Killer Queen โดยครั้งนี้นอกจากเสื้อผ้าจะมาเต็มแล้วยังมีพร็อพเป็นพัดและบัลลังก์เก้าอี้ที่เจ้าตัวก็ใช้พร็อพทุกชิ้นได้อย่างคุ้มค่า โชว์ลีลาความเป็นนางพญาพร้อมกับที่ยังคงหลีกทางให้ โรเจอร์ เมย์ ได้เฉิดฉายในช่วงที่เขาต้องโซโลกีตาร์ ซึ่งอดัมยังได้โชว์ลีลาสนุกด้วยการหยิบถ้วยรางวัลที่ใส่น้ำไว้ข้างในยกขึ้นมาดื่มเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวง Queen ผู้เป็นตำนาน ก่อนจะเดินไปหาผู้ชมพร้อมบ้วนน้ำและสาดน้ำใส่ เรียกเสียงหัวเราะได้ลั่นฮอลล์ด้วย
และเมื่อเข้าสู่ช่วงพูดคุย อดัม ยังได้กล่าวขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่มาร่วมชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันที่ได้มาร่วมทัวร์กับศิลปินที่เขาชื่นชอบและเป็นตำนานอย่างวง Queen ก่อนขอร้องให้ทุกคนปรบมือให้ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ 2 สมาชิกวงที่ยังคงทำหน้าที่อยู่ พร้อมกับกล่าวขอบคุณอีกหนึ่งบุคคลที่แม้ไม่ได้มีตัวตนมาอยู่บนเวทีแห่งนี้ แต่เชื่อมั่นว่าทุกคนจะสัมผัสได้กับจิตวิญญาณของเขา “ผมรู้ว่าทุกคนมาอยู่พร้อมกันที่นี่เพราะพวกคุณรัก เฟรดดี เมอร์คิวรี” ซึ่งประโยคนี้เรียกเสียงปรบมือและโห่ร้องอย่างกึกก้องเพื่อส่งไปให้ถึงนักร้องนำตัวจริงผู้ล่วงลับ ซึ่งอดัมก็เรียกเสียงหัวเราะกลบความซึ้งของแฟน ๆ ด้วยการกล่าวว่า เชื่อว่า ทุก ๆ คนรักเฟรดดี แต่เขารักเฟรดดีมากกว่าทุก ๆ คนแน่นอน โดยขอให้ดูได้จากเสื้อผ้าแถมยังบอกด้วยว่าเขาใส่รองเท้าบูตส้นสูงมาเพื่อเฟรดดีโดยเฉพาะทำเอาฮากันลั่นทีเดียว
จากนั้นเจ้าตัวก็เกริ่นอยากให้มีคนมารักเพื่อเข้าสู่เพลง Somebody To Love โดยเขายังได้มานั่งพักผึ่งลมด้วยลีลาเหมือนกำลังถ่ายแฟชันทำเอาฮากันสนั่นพร้อมกับโชว์พลังเสียงสูงปิดท้าย
มาถึงช่วงที่ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ได้ออกมาโชว์เสียงร้องของตนเองบ้าง โดยเจ้าตัวมาพร้อมกีตาร์อคูสติกเพื่อนั่งบรรเลงอยู่กลางเวที โดยก่อนจะเริ่มเขาก็ได้กล่าวว่าเขาดีใจมากที่ได้มาเปิดการแสดงที่เมืองไทยซึ่งถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ พร้อมกับขอให้ทุกคนร่วมร้องเพลงไปด้วยกันกับบทเพลง Love of My Life ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีพร้อมกับเปิดแฟลชจากโทรศัพท์มือถือโบกไปมาเป็นดวงดาวเจิดจรัส โดยพอถึงท่อนกลางก็ทำเอาทุกคนขนลุกเมื่อขึ้นภาพของ เฟรดดี เมอคิวรี ที่กำลังร้องเพลงนี้เสมือเขามายืนร้องเพลงบนเวทีนี้ด้วยตนเอง โดยไบรอันเองก็หันไปที่จอพร้อมผายมือเพื่อแสดงความชื่นชมเขา ซึ่งในจอเฟรดดีเองก็ได้โค้งกลับเป็นภาพชวนประทับใจท่ามกลางบทเพลงซึ้งๆนี้ โดยไบรอันยังขอให้ทุกคนร่วมปรบมือให้กับเฟรดดีด้วย
จากนั้น โรเจอร์ เทย์เลอร์ ก็ได้เดินนำกีตาร์มาส่งให้กับมือ ไบรอัน เพื่อนร่วมวงด้วยตนเอง เพราะบทเพลงต่อไปอย่าง A Kind of Magic โรเจอร์ จะเป็นผู้โชว์เสียงร้องเอง ซึ่งคนที่มาทำหน้าที่ตีกลองแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น รูฟัส ลูกชายมาดเซอร์ของเขาเอง ความน่ารักของโรเจอร์ กับ ไบรอัน ในเพลงนี้ยังอยู่ตรงที่ทั้งคู่ขยับเท้าเต้นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างที่ปล่อยให้ไบรอันโชว์ลีดกีตาร์และตัวเขาเคาะแทรมโบรีนประกอบจังหวะ แน่นอนว่า แม้ทั้งคู่จะอายุมากเข้าสู่วัยคุณปู่กันแล้ว จะให้วิ่งหรือกระโดดแรง ๆ แบบเป็นขาร็อกจอมเฟี้ยวเหมือนแต่ก่อนคงไม่ไหว ซึ่งแม้จะขยับได้น้อย ๆ กระโดดได้เบา ๆ แต่น้ำเสียงของเขาก็ยังคงหนักแน่นทำให้เพลงนี้มันดีทีเดียว
อีกหนึ่งเหตุผลที่โรเจอร์ต้องขยับน้อย ๆ ยังเป็นเพราะว่าเขาต้องมาโชว์พลังต่อกับช่วง Drum Battle ที่โรเจอร์ต้องดวลกลองสู้กับ รูฟัส ลูกชายของเขา ผลัดกันไป - มา โชว์ให้เห็นศักยภาพของตัวพ่อและตัวลูกที่ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ โดยตัวลูกมีแอบหลุด ๆ ไปบ้าง งานนี้ทุกคนจึงต้องยอมให้กับความเก๋าของโรเจอร์ตัวพ่อที่แสดงฝีมือออกมาให้ประจักษ์
และโรเจอร์ก็ขอโชว์ยาวแบบรัว ๆ ต่อกับบทเพลง Under Pressure ซึ่งเพลงนี้ยังเป็นการอุทิศให้กับ เดวิด โบวี อีกหนึ่งตำนานผู้ล่วงลับผู้ที่เคยมาร่วมร้องนำให้กับวง Queen เช่นกัน ซึ่งหลังจบเพลงนี้อดัมก็ได้แนะนำนักดนตรีรายอื่น ๆ ซึ่งไบรอันก็ต้องขอคว้าไมค์มาพูดเพื่อให้ทุกคนได้ปรบมือให้กับหนุ่มน้อย อดัม แลมเบิร์ตของพวกเขาด้วย ซึ่งอดัมก็ได้กล่าวขอบคุณพร้อมแสดงความนอบน้อมต่อศิลปินในตำนานที่ให้เกียรติเขาด้วย
จากนั้นก็ต่อด้วย Crazy Little Thing For Love , I Want It All และ Who Wants to Live Forever ซึ่งในเพลงหลังนี้ยังมีการปล่อยลูกบอลดิสโกมาเล่นกับลำแสงที่ส่องไปยังบอล ส่งให้ทั้งฮอลล์แทบไม่ต่างจากกาแล็กซีในจักรวาลเป็นภาพที่สวยงาม ก่อนจะตามมาด้วย The Show Must Go On
มาถึงช่วงโชว์โซโลเดี่ยวของตำนาน ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์กันบ้าง และเพื่อให้สมกับดีกรีดอกเตอร์ด้านดาราศาสตร์ โชว์โซโลเดียวของเขาจึงมีความเป็นอวกาศอย่างยิ่งยวด โดยไบรอัน เมย์ ขึ้นไปยืนอยู่บนแท่นไฮโดรลิกที่ยกตัวเขาขึ้นลอยโดยมีจอแอลอีดีด้านหลังเป็นแบ็คกราวนด์ของดวงดาวท่ามกลางลำแสงสีน้ำเงินที่ยิงออกมารายล้อม ทำให้เขาเป็นเหมือนดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่ในห้วงอวกาศ พร้อมกับที่มือยังบรรเลงกีตาร์ในเพลง Last Horizon จากนั้นการลีดกีตาร์ก็ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางแบ็คกราวนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นภาพของเปลวเพลิงของพระอาทิตย์
เวทียังคงร้อนแรงต่อเนื่องกับบทเพลง Tie Your Mother Down ซึ่งอดัมยังได้เอนเตอร์เทนให้ผู้ชมได้ร้องเพลงไปกับเขา รวมถึงการออกเสียงตามเป็นทำนองต่าง ๆ พอถึงท่อนไหนที่ยากเกินไปเสียงก็เบากันมากทีเดียว ตามมาด้วย I Want To Break Free
และต่อด้วยบทเพลงที่โด่งดังสุดๆอย่าง Bohemian Rhapsody เพลงตำนานที่อดัมก็มาทำหน้าที่ได้ดี ซึ่งพอถึงจังหวะหนึ่งเขาก็ได้ผายมือไปที่จอพร้อมๆกับที่ในจอเป็นภาพของ เฟรดดี เมอคิวรี ที่กำลังร้องเพลงนี้อยู่ ขณะเดียวกัน ไบรอัน เมย์ ก็มาพร้อมกับผ้าคลุมหนังสีดำมาลีดกีตาร์เพลงนี้ที่กลางเวที จากนั้นภาพของมิวสิควิดีโอเพลงนี้ก็ปรากฏขึ้นในท่อนที่มีการร้องแบบมิวสิคัล ก่อนจะสลับการร้องไปมาระหว่างอดัมและเฟรดดีในจอ ซึ่งสร้างความประทับใจปิดท้ายโชว์ให้ผู้ชมมากทีเดียว
และก็เข้าสู่ช่วงอังกอร์ที่แฟนๆต่างปรบมือเป็นจังหวะเพื่อหวังจะได้ฟังเพลง We Will Rock You กันแบบสดๆ และพวกเขาก็ไม่ปล่อยให้รอนานได้ออกมาพร้อมกับเพลงดังกล่าว พร้อมลีลาลีดกีตาร์ของไบรอันและการสร้างจังหวะโดยฝีมือตีกลองของโรเจอร์ ส่วนทางอดัม ก็ออกมาพร้อมกับมงกุฎเพื่อแสดงถึงความเป็นควีน ซึ่งทุกคนก็ร้องเพลงนี้คลอไปด้วยได้เป็นอย่างดี และปิดท้ายส่งกลับบ้านด้วยเพลง We Are The Champion อย่างสุดประทับใจ
ก็ต้องบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จัดว่าเต็มอิ่มสำหรับสาวกวง Queen รวมถึงของ อดัม แลมเบิร์ต ทีเดียว กับความประทับใจตลอด 2 ชั่วโมงเต็มที่พวกเขาแสดงกันแบบสดทุกสิ่งเพื่อที่สาวกวง Queen จะได้ไม่รู้สึกผิดหวัง
โดยตลอดการแสดง อดัม แลมเบิร์ต ได้เผยให้เห็นถึงศักยภาพและพลังที่เขามีผ่านบทเพลงของ Queen ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสได้ว่าเขามาทำหน้าที่แทน และไม่ได้คิดจะมาแทนที่แต่อย่างใด เพราะอดัมสามารถเอนเตอร์เทนผู้ชม และร้องเพลงของ Queen ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งไม่มีการดัดแปลงให้ตัวเองดูเหมือนเฟรดดี เมอร์คิวรี แต่ให้ดูเหมือนอดัม แลมเบิร์ต ที่มาทำหน้าที่ร้องนำแทนเท่านั้น ซึ่งก็ทำได้ดีและทำให้ทุกคนยอมรับในตัวเขาแบบไร้ข้อกังขา
นอกจากนั้น ท่าทีที่นอบน้อมถ่อมตน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเทิดทูนที่เขามีต่อศิลปินในดวงใจตลอดระยะเวลาที่เขาทำการแสดงอยู่บนเวที ก็สะกดใจคนดูให้ชื่นชมและชื่นชอบในตัวของอดัมได้ไม่ยากเช่นกัน เพราะตลอดโชว์อดัมแสดงความเคารพทั้งกับ ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ รวมถึง เฟรดดี เมอร์คิวรี อยู่เสมอ โดยที่เขาจะหลบฉากและเปิดทางให้สมาชิกวง Queen ได้เป็นราชันในนามราชินีอย่างแท้จริงบนเวทีแห่งนี้ โดยที่เขาพยายามแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าแท้จริงเขามีหน้าที่มาเสริมทัพให้ราชันได้ผงาดอย่างภาคภูมิอีกครั้งเท่านั้น
และแม้ว่าพระเอกทั้ง 2 คนของงาน ทั้งไบรอัน และ โรเจอร์ จะมีวัยที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา รวมถึงพละกำลังให้วิ่งเอนเตอร์เทนคนดูเหมือนสมัยหนุ่มๆจะไม่สามารถเหมือนแต่ก่อน แต่การขยับน้อยแต่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังของนิ้วที่บรรเลงลนไปบนกีตาร์ และแขนที่พลิ้วไหวเพื่อสร้างจังหวะกลองก็ทำให้ดนตรีละเมียดระรื่นหูอย่างมากด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นตามเวลาด้วยเช่นกัน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่คอร็อกชาวไทยโชคดีที่ได้เห็นกับตา ได้ยินกับหู และได้ซึมซับทุกรสสัมผัสด้านดนตรีของวงดนตรีระดับตำนานวงนี้จริง ๆ
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม