จับตามองอยู่ว่า หลังจากช่อง One รูดม่าน “พิษสวาท” ที่กวาดเร็ตติ้งถล่มทลาย สร้างประวัติศาสตาร์หน้าใหม่ให้กับละครในช่องดิจิตอล โดยเฉพาะตอนอวสาน ละครเรื่องต่อไป ที่จะสร้างกระแส #กันทั้งเมือง จะเป็นเรื่องอะไร ? จากช่องไหน ? แต่ดูทรงว่าช่อง One เอง ดูเหมือนจะดับฝันตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว เพราะละครล็อตใหม่วันจันทร์-อังคาร กลายเป็นเรื่อง “ร่างใหม่ หัวใจเดิม” ที่แม้จะได้นักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล” มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก แต่โดยพล็อตของเรื่องแนวผู้หญิง 2 คนสลับร่าง สลับวิญญาณ กันนั้น เพิ่งจะถูกหยิบมาใช้ไปหมาดๆ กับละคร “หัวใจมีเงา”
และแล้วฟ้าก็ส่ง “นาคี” ฝีมือผู้จัด “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” มากอบกู้เร็ตติ้งให้ช่อง 3 ตั้งแต่ออกสตาร์ทแค่ 2 ตอนแรก โดยเร็ตติ้งแตะที่ตัวเลข 5.9% ในตอนแรก และเขยิบสู่ 7.6% ในตอนที่ 2 ครองอันดับหนึ่งของละครที่ออกอากาศในวัน และเวลาเดียวกัน (อ้างอิงจากเว็บไซต์ เอจีบี นีลเซ่น)
มันช่างดีงามพระราม 4 อะไรเบอร์นั้น !!
ในที่นี้ขออนุญาตละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า จะไม่พูดถึงความพิถีพิถันของผู้จัดอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ เพราะไม่ว่าจะหยิบจับเรื่องไหนมาทำ ก็เปรี้ยงทุกครั้ง ปังทุกเรื่อง เครดิตที่ผ่านมา ก็กวาดรางวี่รางวัลจนคู่แข่งค้อนกันจนตากลับมานักต่อนัก
แต่ปฐมบทความดีงามของ “นาคี” ต้องยกให้นางเอก “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” เป็นสำคัญ
บอกเลยว่าแต้วเป็นนางเอกเพชรน้ำดี ที่ช่อง 3 จะต้องหวงแหนไว้ให้จงหนัก เพราะฝีไม้ลายมือทางการแสดงนับวันยิ่งจัดจ้านขึ้น วินาทีนี้ไม่ต้องเทียบกับนางเอกร่วมรุ่น เพราะเธออัปเลเวลข้ามขั้นไปอยู่ระดับเดียวกับนางเอกตัวแม่เรียบร้อยแล้ว ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ในละคร “คุณชายรัชชานนท์” ก็คว้ารางวัลโทรทัศน์ทองคำ ปาดหน้า “นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี” ที่เต็งหามจากบท “อีลำยอง” จาก “ทองเนื้อเก้า” มาแล้ว
จาก “คุณชายรัชชานนท์” ที่ว่าดีงามแล้ว ในเรื่อง “นาคี” ดีงามยิ่งกว่า เรียกว่าจ้างหนึ่ง เล่นถึงสาม เพราะต้องแสดงเป็น 3 ร่าง คือ กายหยาบ (คำแก้ว) , กายทิพย์ (ชุดสีชมพู) และเจ้าแม่นาคี (ชุดสีแดง) และที่หินที่สุด คือต้องพูดภาษาอิสานแทบทั้งเรื่อง หลายคนอาจจะมองว่างานหมู เพราะเคยผ่าน “คุณชายรัชชานนท์” มาแล้ว แต่จะบอกว่าถึงจะพูดอิสานเหมือนกัน แต่ก็คนละสำเนียง กล่าวคือใน “คุณชายรัชชานนท์” เป็นอิสานสำเนียงหนองคาย แต่ใน “นาคี” เป็นอิสานสำเนียงอุบล
งานนี้บอกเลยว่าไม่หมู แต่ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเท และสปิริตล้วนๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความสามารถทางการแสดง เพราะฝีมือยังไงก็ฝึกฝนให้ทันกันได้ แต่สปิริต มันฝังอยู่ไหนจิต วิญญาณ และสามัญสำนึก ว่าพร้อมจะเต็มที่ให้กับงานที่ได้รับมอบหมายขนาดไหน
สังเกตมั้ยว่าช่วงที่ผ่านมา แต้วแทบไม่เคยปรากฏตัวในงานอีเว้นต์ใดๆ เลย จนมีข่าวว่าเธองานหด เพราะโดนคลื่นลูกใหม่แซงหน้า แต่หารู้ไม่ว่า แต้วเองต่างหากที่เลือกจะไม่รับงานอีเว้นต์ เพราะต้องทุ่มเทเวลาให้กับละครเรื่องนี้ โดยเฉพาะการฝึกพูดภาษา อิสาน ซึ่งเบื้องหลังก็คือเธอจะใช้วิธีให้คนอิสานอ่านบทแล้วอัดเสียงไว้ แล้วเอามานั่งฟัง ฟัง ฟัง แล้วก็ก็ฟัง ตลอดเวลาที่ว่าง เพื่อเลียนสำเนียง ไม่ใช่แค่สักแต่ว่าพูดเหน่อๆ แต่ว่าต้องพูดให้เป๊ะที่สุด นั่นคือความทุ่มเทแบบใจเกินร้อยของแต้ว ยังไม่นับว่าต้องแสดงโดยอาศัยจินตนาการล้วนๆ เพราะจะต้องเล่นกับงู ที่จะเป็น CG แล้วยังจำต้องเรียนร่ายรำเพิ่มเติมอีก
ต้องนับว่าเป็นความตาถึงจริงๆ ของผู้จัดอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ที่หยิบแต้วขึ้นมาเจียระไน กลายเป็นเพชรประดับยอดชฎา จากนางเอกละครเย็น ผงาดขึ้นมาเป็นนางเอกระดับหัวแถวได้อย่างสง่าผ่าเผย นับจาก “ดงผู้ดี” ที่เปิดหัวแหวนการเป็นนางเอกละครหลังข่าวเรื่องแรกของแต้ว จากนั้นก็ใช้บริการมาตลอด เพราะไว้เนื้อเชื่อใจในความสามารถ ที่จ่อคิวรออยู่ก็ “รากนครา” ซึ่งจะเป็นงานโชว์อีกครั้งของแต้ว เพราะในเรื่องจะต้องพูดภาษาเหนือ จึงเมื่อมีข่าวว่าอ๊อฟจะหยิบ “คู่กรรม” กลับมารีเมกใหม่ ในใจก็เดาไปล่วงหน้าแล้วว่า บท “อังศุมาลิน” น่าจะไม่พ้นมือแต้วแน่นอน เพราะด้วยรูปร่าง หน้าตา อันสวยงามหมดจดแบบไทยแท้ๆ บวกกับฝีมือการแสดงระดับเทพ ถ้า “คู่กรรม” ถูกนำมาปัดฝุ่นสร้างใหม่จริงๆ ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่จะมองข้ามแต้ว
ความดีงามลำดับต่อมา ก็คือเพลงนำละคร ชื่อเพลง “คู่คอง” ที่ได้ “ก้อง ห้วยไร่” เจ้าของบทเพลงม้ามืด อย่าง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” โชว์ฝีมือแต่งเอง ร้องเอง เป็นเพลงละครเพลงแรกในชีวิต เป็นการนำภาษาอีสานหลากหลายสำเนียงมาผสมผสานกัน โดยคงเอกลักษณ์ความเรียบง่ายตามแบบฉบับหนุ่มบ้านนาไว้ (คำว่า “คู่คอง” ในภาษาอิสาน หมายถึง “คู่ที่รอคอยกันตลอดไป” ซึ่งก็ตรงกับธีมสำคัญของละคร ที่ว่ากันด้วยเรื่องราวของความรักที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็จะคงอยู่ตลอดไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หรืออุปสรรคข้างหน้าจะใหญ่หลวงเพียงใดก็ตาม)
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้อีกเช่นกัน ก็คือเรื่อง CG ที่ต้องบอกว่าทำออกมาได้เนียน สมจริงมาก ทุกฉาก ทุกตอน คุ้มค่าการรอคอย สมดังที่ผู้จัดเคยลั่นวาจาไว้ ว่า ถ้าใครบอก CG ไม่สมจริง จะโกรธมาก พอเห็นผลงานก็รู้เลยว่าไม่ใช่แค่ราคาคุย แต่มันยอดเยี่ยมเหมือนที่พูดไว้จริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโดดเด่นแค่เรื่อง CG เท่านั้น หากในส่วนของโลเกชั่นถ่ายทำ ก็ต้องบอกว่าดีงามทุกฉาก สามารถเลือกเฟ้นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มาให้คนดูได้เพลินตา และอิ่มเอมหัวใจ ว่าความงดงามเหล่านี้ แฝงตัวอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยบ้านเรานี่เอง มันอยู่ที่ว่าทีมหาสถานที่ของละครกองไหน จะช่างเสาะแสวงหามากกว่ากัน งานนี้ถือเป็นการคืนกำไรให้คนดูล้วนๆ เพราะดูละครเรื่องเดียว เสมือนได้ท่องเที่ยวทั่วไทย
ไม่ว่าจะเป็น “ถ้ำพุหวาย” ซึ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ อยู่ภายในวนอุทยานถ้ำเขาวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งภายในอุดมไปด้วยหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ เลอค่า อลังการ และคะเนกันว่าน่ามีอายุหลายล้านปีเลยทีเดียว
และที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คือ “เทวาลัย” (ในเรื่อง) ซึ่งใช้ “ปราสาทเมืองสิงห์” จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำ ในบรรยากาศที่รายล้อมด้วยมนต์ขลัง มลังเมลืองสวยสมกับเป็นเมืองโบราณจริงๆ
นี่ยกตัวอย่างมาเบาะๆ แค่น้ำจิ้มๆ ต้องไปติดตามดูในละคร รับรองว่าเป๊ะ ปัง อลังการ ตั้งแต่ต้นจนจบ
จาก “คุณอุบล” ถึง “เจ้าแม่นาคี” ขอบคุณละครน้ำดี ที่มีให้พวกเราได้ชมกันตลอดๆ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 359 1-7 ตุลาคม 2559