xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “พิ้งกี้” ออกตัวไม่มีอารมณ์ทำการบ้าน รับไม่หวาน “เพชร” เหมือนเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พิ้งกี้ สาวิกา” โต้ชีวิตไร้เพื่อน ลั่นมีเพื่อนน้อยแต่เน้นคุณภาพ ยันหลังแต่งแฮปปี้ ปัดถูกตีกรอบจนสูญเสียความเป็นตัวเอง บอกแค่เรียนรู้โลกใหม่ เปิดใจอยากมีลูกทุกวัน ยอมรับลูกไม่มาเกิดซะที เพราะตนขี้เกียจทำการบ้าน



หายหน้าหายตาไปนาน กว่าจะออกงานอีเวนต์ให้แฟนคลับได้หายคิดถึง สำหรับ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ล่าสุด เจ้าตัวออกอีเวนต์แล้วเปิดใจว่ายังคิดถึงงานในวงการ แต่ที่ไม่ได้มาเต็มตัว เพราะกำลังลุยธุรกิจกับสามี “เพชร อิทธิ ชวลิตธำรง” ซึ่งอีกฝ่ายรับหน้าที่สอนทุกอย่าง

“ไม่ค่อยได้รับนานแล้วค่ะ ล่าสุด เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว และห่างหายมา 2 ปี ก็คิดถึงนิดหนึ่งค่ะ ก็มาให้หายคิดถึงค่ะ สาเหตุสำคัญคือไม่มีเวลา ถ้าเกิดมางานแบบนี้มาได้ค่ะ แต่ว่าถ้างานแบบยาว ๆ ก็คงไม่ได้รับค่ะ ก็มีติดต่อมานะคะ”

“ถามว่าไม่ค่อยเห็นไปไหนกับเพื่อน ก็ยังไปค่ะ แต่ว่าเพื่อนส่วนใหญ่ตอนนี้เขาทำธุรกิจกันเยอะ อย่างเพื่อน ๆ แก๊งกี้ก็จะมี 5 - 6 คน แล้วต่างคนช่วงนี้ทำงานไม่ค่อยได้เจอค่ะ เจอกันก็เจอแถวบ้าน คือ ไม่ได้ปาร์ตี้ หรือออกไปสังสรรค์กลางคืน คือ ไม่ได้ไปเลยจริง ๆ”

“ก็ยังสนิทค่ะ เดี๋ยวไปงานแต่ง เราก็ยังออกไปไหนมาไหนค่ะ แต่ไม่ได้อยู่บ้านแบบเป็นแม่บ้านนะคะ เราทำบริษัทก็เลยต้องใช้เวลาอยู่กับบริษัทให้มากที่สุดค่ะ ตอนนี้กี้ทำหลายอย่าง ทั้งบริษัทสามีและเราก็มีธุรกิจด้วยกัน 2 คน เดี๋ยวปลายปีคงจะได้เห็นกัน หลาย ๆ อย่างก็คงจะได้เห็นตอนปลายปี ถามว่าเป็นธุรกิจสื่อมั้ย อาจจะมีในสายนี้ด้วยค่ะ”

บอกพร้อมมีลูกทุกวัน ลั่นถ้าตนอยากมีข่าวดีต้องขยันทำการบ้านมากกว่านี้
“พร้อมทุกวันเลยค่ะ แต่ว่าไม่มี วันที่ 12 ก.ย. นี้ ก็จะครบ 2 ปีแล้วค่ะ ข่าวดีก็คือเราต้องขยัน คือเราไม่ค่อยแอ็กทีฟเท่าไหร่ จริง ๆ แล้วก่อนมีลูกเราต้องไปตรวจคุณหมอเนอะ แต่ว่าเราธรรมชาติมากจนกระทั่ง 2 ปีก็ยังไม่มีสักที คนรอบข้างก็บอกให้เราไปตรวจสุขภาพ จะได้ตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า แต่ด้วยความที่เราไม่ค่อยแอ็กทีฟนี่แหล่ะ เลยไม่มีค่ะ”

ไม่ได้เกี่ยวกับพี่เพชร หนูเอง (ยิ้ม) หนูทำงานเกี่ยวกับบริษัท กลับบ้านก็เหนื่อยแล้ว ขี้เกียจ ตอนแรกเราคิดว่าเราอยากมีนะคะ แต่ว่าตอนนี้คือน้องยังไม่มา และรู้สึกว่าเราไม่เร่งรีบ คนรอบข้างจะบอกให้เรารีบไปหา อย่างน้อยก็ไปตรวจดูบ้างค่ะ แต่เราเป็นคนไม่ไปเอง พี่เพชรก็พูดหลายรอบให้ไป เราก็ไม่ยอมไปสักที”

“กี้ว่าบางทีเราทำงานหนักมาก่อน จริง ๆ แล้วบางคนอาจจะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่ต้องไปดูระบบนิดหนึ่ง อาจจะมีอะไรบางอย่าง ถ้าคุณหมอดูปุ๊บอาจจะโอเคก็ได้ค่ะ เราไม่นอยด์ค่ะ รู้สึกว่าตอนแรกพยายามมีแล้วมันไม่มี พอมาถึงจุดหนึ่งแล้วยังไม่มีสักที เราก็เลยรู้สึกสบาย ๆ แล้ว ไม่กดดัน เร่งรีบอะไร”

บอก “เพชร” อยากมีลูก พักเรื่องสวีต อยากลุยธุรกิจให้สำเร็จ
พี่เพชรก็อยากมีค่ะ ช่วงนี้คือ 2 คนต้องช่วยกันทำมาหากินกันก่อน ตอนนี้ยังไม่หวังมีน้องค่ะ เรื่องจัดทริปเดี๋ยวไปเดือนหน้าค่ะ ไปทำรายการต่างประเทศที่รัสเซียค่ะ เรื่องสวีตก็สวีตเยอะแล้ว ไปทุกประเทศแล้ว เลยอยากทำธุรกิจให้มันสำเร็จหลาย ๆ อย่างก่อนค่ะ”

“ตอนนี้ก็สวีตเบา ๆ เหมือนคนทั่วไปแหละ แรก ๆ พี่เพชรหวงค่ะ หลัง ๆ ต้องถามเอาเอง ถ้ามีงานก็ถามเขาว่าหวงรึเปล่า จริง ๆ ชีวิตเราไม่ได้ถูกขีดให้อยู่แต่ในกรอบ แต่ว่าพี่เพชรค่อนข้างจะเป็นคนที่สอนเรา และค่อนข้างที่แบบว่าถ้าเราทำธุรกิจเราไม่สามารถปลีกตัวมาทำในวงการได้เต็มที่ เพราะอยู่ในขั้นที่บริษัทกำลังสร้างอยู่ค่ะ ก็เลยต้องใช้ในการเรียนรู้และสอนมากกว่า พิ้งกี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพราะว่าไม่มีสามีคนไหนที่มาสอนเราทุกอย่างในขั้นตอนการเรียนรู้ธุรกิจค่ะ”

“ก็ไม่อึดอัด แต่รู้สึกบางทีเราทำงานอีกสายงานหนึ่ง เราจะรู้สึกเครียดค่ะ เพราะไม่เหมือนงานที่เราทำ แต่ตอนนี้เรียนรู้หลายอย่าง และรู้สึกว่ามันมีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่เรียนรู้ เราก็ยอมรับในจุดนั้น แต่ว่าสามีก็ชอบในงานบันเทิงเหมือนกัน เขาชอบถ่ายรูป เดี๋ยวเราจะทำรายการด้วยกันค่ะ ก็ยังอยู่ในวงการบันเทิงนะ เป็นเบื้องหลัง ไม่หายไปไหน ก็ยังวนเวียนอยู่ในสายงานนี้ค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่ได้เล่นละครค่ะ”

ย้ำเป็นคู่รักมองการณ์ไกล เปิดใจไม่ต้องห่วง ไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเอง ส่วนเพื่อนมีน้อยเน้นคุณภาพ
“คู่เราเป็นคู่รักมองการณ์ไกลค่ะ คือ ไม่ได้มองแค่วันต่อวัน แต่เรามองไป 5 - 10 ปีข้างหน้าค่ะ ตอนแรกมีคนติดต่อละครมาตลอด พอเราปฏิเสธเขาก็รู้ว่าช่วงนี้เราทำงาน แต่เขาก็บอกว่าถ้าเกิดพร้อมเมื่อไหร่มาเล่นกันนะ (แฟนคลับห่วงหลังแต่งสูญเสียความเป็นตัวเอง?) ไม่นะ จริงๆ แล้วเราไม่ได้ออกงานเยอะ คนเลยคิดว่าเราหายไปไหน ก็ยังทำงานอยู่ค่ะ คือเวลาคนเหนื่อยงานและทำงานในทางนั้น ไม่มีเวลาจะโพสต์ถ่ายรูป แต่ถ้ามีก็ช่วงเวลาว่างจริง ๆ เสาร์ - อาทิตย์”

“เพื่อนเราก็มี แต่เราไม่ได้ออกงานบ่อย ๆ เลยอาจจะไม่ได้เห็นเราเฮฮาสังสรรค์ แต่เราก็ยังติดต่ออยู่นะ เพื่อนหนูเองส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มเราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เขาจะอยู่กับคู่รักเขาบ้าง หรืออีกคนก็ทำธุรกิจ ในวงการไม่ค่อยได้เจอจริง ๆ ก็จะเจอนอกวงการมากกว่า เพราะเราไม่ได้เล่นละคร เราห่างหายไป ก็ไม่สูญเสียความเป็นตัวเองค่ะ แต่รู้สึกดีซะมากกว่าที่ได้เรียนรู้อะไรในชีวิตมาก เพื่อนไม่เยอะแต่คุณภาพค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น