เรียกว่าเป็นหนังสือขายดีที่เหล่ามนุษย์เงินเดือน พนักงานประจำ กรรมกรออฟฟิศ หรือสุดแท้แต่ใครจะเรียกคนที่ยังหลุดพ้นจากงานประจำไม่ได้ สำหรับพ็อกเก็ตบุคส์ “ปลดล็อกความคิด ชีวิตติดปีก” ที่จะช่วยปลดล็อกความคิดชีวิตในยุคดิจิตอล ซึ่งตอนนี้ขายดีและโดนใจเหล่ามนุษย์เงินเดือนสุดๆ
โดย “น้ำผึ้ง บัวเจริญ” เจ้าของพ็อกเก็ตบุคส์เล่มดังกล่าวได้ออกมาเผยเคล็ดลับที่จะช่วยปลดล็อกความคิด ให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนได้ค้นหาความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ และยังได้ทำตามความฝันของตัวเองอีกด้วย เหมือนกับเธอ ที่แม้จะยังเป็นหนึ่งในพนักงานออฟฟิศของบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ก็ยังเป็นนักเขียน มีผลงานพ็อกเก็ตบุคส์เป็นของตัวเอง เป็นหุ้นส่วนบริษัท, เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่กำลังวางจำหน่ายในท้องตลาด, เป็นวิทยากร เป็น MC และอื่นๆ อีกมากมาย
“ผึ้งเชื่อว่าทุกคนมีความฝันที่อยากจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ และน้อยคนที่อยากจะเป็นพนักงานประจำไปตลอดชีวิต ส่วนใหญ่อยากจะออกไปทำธุรกิจ ไปสร้างอาณาจักรของตัวเอง ผึ้งก็เคยเป็นคนหนึ่งที่เครียดกับงานประจำมากๆ จนถึงขึ้นไม่อยากลุกขึ้นไปทำงานเลยก็ว่าได้ แต่สุดท้ายก็หาทางปลดล็อกความคิดเหล่านี้จนได้ และคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคน เลยนำเคล็ดลับมาเผยไว้ในหนังสือเลล่มนี้ค่ะ”
“ซึ่งเมื่อเราปลดล็อกความคิดได้แล้ว นอกจากจะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เข้าใจความเป็นไปรอบตัวมากขึ้น และยังทำให้เราทำตามความฝันของตัวเองได้อีกด้วย อย่างผึ้งมีความฝันอยากเป็นนักเขียน เพราะเรียนจบด้านวารสารมา ผึ้งก็มุ่งมั่นและทำมันได้จนสำเร็จ แม้จะใช้เวลานานกว่า 2 ปี มากกว่านักเขียนคนอื่นๆ เพราะต้องแบ่งเวลาให้งานหลักด้วย แต่ก็ทำให้เราภูมิใจเมื่อได้เห็นผลงานที่เป็นความฝันของเราค่ะ”
“สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกสำหรับผึ้ง ก็คือเราต้องรู้จักความฝันตัวเอง พร้อมกับทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดค่ะ การบริหารเวลาเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ได้เป็นแค่คำพูดสวยหรู แต่ถ้าเราลองมาบริหารเวลาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่างจริงจังและมีวินัยกับมัน ก็จะทำให้เรามีเวลาทำอย่างอื่นที่เรารักด้วยได้ บางทีตื่นให้เร็วขึ้นแค่ 1 ชั่วโมง นอนให้ช้าลงแค่ 1 ชั่วโมง เราก็ทำอะไรได้มากมายแล้วล่ะ”
“คนรอบข้างเห็นผึ้งทำงานเยอะก็ถามเหมือนกันค่ะว่าไม่เหนื่อยบ้างเหรอ เอาแรงเอาเวลาไหนมาทำ ผึ้งก็จะตอบทุกครั้งว่าไม่เหนื่อยเลยค่ะ เพราะสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่เราชอบ แค่จัดสรรให้มันอยู่ในไลฟ์สไตล์ของเรา และผึ้งจะนึกภาพไว้ว่า ถ้าเราทำสิ่งนี้สำเร็จจะเป็นอย่างไร จะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นค่ะ คนที่เขาประสบความสำเร็จเขาก็เหนื่อยมาก่อนทั้งนั้นนะ ข้อแตกต่างระหว่างคนประสบความสำเร็จและล้มเหลวคือ คนสำเร็จมักไม่มีข้ออ้าง แต่คนล้มเหลวมักจะมีแต่ข้ออ้าง”
“หลายคนทำงานในเมืองใหญ่ มีคนเยอะแยะมากมาย รถราก็ติดมหาศาล อาจจะทำให้สุขภาพจิตใจของคนเมืองใหญ่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กลายเป็นคนหงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ซึ่งถ้าเราไม่หมั่นตรวจสอบและดูแลสุขภาพจิตใจให้ดี จะส่งผลต่อทุกสิ่งที่เราแสดงออกมาด้วยค่ะ”
“เคล็ดลับของผึ้งที่ใช้อยู่ก็จะมีประมาณ 10 ข้อด้วยกัน คือ 1) รู้จักและเข้าใจตัวเอง 2) คิดบวก 3) ปล่อยวาง 4) อยู่กับปัจจุบัน มีธรรมะ มีสมาธิ 5) เห็นคุณค่าของตัวเอง 6) หัดปฏิเสธบ้าง 7) คาดหวังต่อคนอื่นให้น้อย 8) มีชีวิตอยู่อย่างมีเป้าหมาย 9) มีความสุขง่ายๆ บ้าง และ 10) ขอบคุณในสิ่งที่มีและได้รับ รู้จักยอมรับ ให้อภัย ขอโทษ”
“ผึ้งว่าความทุกข์ในชีวิตคนเรามีหลายรูปแบบ แต่ถ้าเราคิดบวกมันก็เป็นยาสามัญประจำชีวิตเราได้ค่ะ เหมือนอย่างตอนหนึ่งที่ผึ้งเขียนไว้ในปลดล็อกความคิด ชีวิตติดปีก เรื่อง คิดบวกไม่ใช่โลกสวย คือการคิดให้ครบทุกมุม คิดในมุมที่เป็นประโยชน์ และส่วนตัวผึ้งก็ยึดคำสอนของท่านพุทธทาสที่ว่าอย่าเป็นทุกข์ให้โง่ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อมีหน้าที่เป็นทุกข์ ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนให้บทเรียน ความสุขอยู่กับเราไม่นาน ความทุกข์ก็เช่นกัน ถ้าไม่เคยทุกข์ก็จะไม่รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไร”
อยากรู้จักเธอคนนี้ให้มากขึ้น ลองแวะแผงหนังสือหยิบ “ปลดล็อกความคิด ชีวิตติดปีก” ขึ้นมาอ่าน นอกจากนี้ยังมีสามารถเข้าไปติดตามแฟนเพจ “ปลดล็อกความคิด ชีวิตติดปีก” ของเจ้าตัวกันด้วย เพราะมีข้อคิดดีๆ และกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเพียบเลย