เปิดโปง “ปอล ดัชชี่” ก่อคดีไว้เพียบ

ยิ่งกว่ามหากาพย์ที่ไม่รู้จะจบกันที่ภาคไหน ?
หลังจากที่มีข่าวคราวมาตลอด เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการเบี้ยวเงินค่าตัวนักแสดงในซิรีส์ “เจ้าเวหา” จาก ตอนแรก ที่ 2 ผัว-เมียผู้จัดป้ายแดง “อั้ม-อธิชาติ” กับ “นัท มีเรีย” ตกเป็นจำเลย กระทั่งทั้งคู่ต้องออกมาชี้แจงว่ามีการจ่ายเงินผ่าน “เอเยนซี่” มีเอกสารหลักฐานการจ่ายชัดเจน แต่ปัญหาเกิดขึ้น เพราะทางเอเยนซี่ไม่จ่ายต่อให้นักแสดง
แต่ “เอเยนซี่” ที่ถูกพูดถึงในครานั้น ยังไม่มีการระบุชื่อเสียงเรียงนาม อาจจะเนื่องมาจากมีบุญคุณต่อกันอยู่ หรือเพราะคิดว่าน่าจะเคลียร์กันได้ กระทั่งในภายหลังจึงได้ปรากฏชื่อในสื่ออย่างชัดเจน เมื่อทีมนักแสดงในซิรี่ส์ดังกล่าว ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิด กับ “นายวินัย เยี่ยมประเสริฐ” หรือที่รู้จักกันในวงการว่า “ปอล ดัชชี่”เจ้าของ บริษัท บลูริบบอน จำกัด ในข้อหาข้อโกง
ในเวลาต่อมา ทางปอล ดัชชี่ ก็ร่อนจดหมายถึงสื่อมวลชนว่าจะแถลงข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับหายตัวเข้ากลีบเมฆ ปล่อยให้ทนายของบริษัทรับหน้าเสื่อตามลำพัง ซึ่งเนื้อความที่ทางทนายแถ-ลง (แทน) ก็ราวกับหนังคนละม้วน เพราะกลายเป็นโยนความผิดกลับไปที่บริษัทหกหมุมานของอั้ม ว่ายังค้างค่าจ้างบลูริบบอนอีก 27 ล้านบาท
"ขอชี้แจงว่า บลูริบบอนไม่ได้เป็นบริษัทโมเดลลิ่งแต่อย่างใด เป็นบริษัทผลิตละคร การทำสัญญาว่าจ้างผลิตละครไม่ใช่สัญญาจัดหานักแสดง แต่หกหนุมานขอให้ระบุในใบเสร็จรับเงินว่าเป็นค่านักแสดงในการวางบิล บอกว่าถูกตรวจสอบเอกสาร เลยขอให้บลูริบบอนออกใบเสร็จรับเงินเป็นค่านักแสดง โดยระบุว่ามีค่านักแสดงอยู่ในนั้น

แต่เมื่อบริษัทหกหนุมานให้เงินมา ซึ่งเรื่องค่าจ้างนักแสดง อั้มและคุณวินัยได้สอบถามกันตลอด ถ้าอั้มมั่นใจว่าจ่ายหมดแล้วจริง จะไม่ยอมรับสภาพหนี้ที่พูดคุยกับคุณวินัยมาตลอด สุดท้ายค่านักแสดงตัวรอง ผู้รับผิดชอบเป็นใครยังไม่สามารถตอบได้ชัด รอให้อั้มมาคุยก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าอั้มโกง

ส่วนเรื่องการยกเลิกสัญญากับบลูริบบอนเพราะมีการฉ้อโกง เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการยกเลิก เพราะทางบลูริบบอนยังคงผลิตละครอยู่ จนถึง เม.ย 59 สำหรับประเด็น 4 นักแสดงที่เข้าแจ้งความ ไม่ได้ติดต่อบลูริบบอน และไม่ขอพูดถึง โดย 4 นักแสดงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ไม่ได้แจ้งความ ส่วนคุณวินัยจะไปพบตำรวจเมื่อใดไม่ทราบเลย

วันนี้แค่ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้รับเงินจากอั้มและทางคุณวินัยได้รับความเสียหายมาโดยตลอด อยากให้อั้มและภรรยามาชำระเงินกับบลูริบบอน ซี่งถ้าชำระเงิน ทางบลูริบบอนจะจ่ายให้กับนักแสดงสมทบทันที"
สรุปการให้ทนายเป็นหนังหน้าไฟออกมาชี้แจงคนเดียว ก็ไม่ต่างอะไรกับการปัดสวะออกไปให้พ้นตัว สุดท้ายก็ไม่ได้มีความกระจ่างใดๆ เพิ่มเติม

ถามเรื่องที่ถูก 4 นักแสดงเอาเรื่อง ก็บอกว่า “ไม่ขอพูดถึง”

ถามว่าปอล ดัชชี่ จะไปพบตำรวจตอนไหน ก็ “ไม่ทราบ”

แล้วเชิญนักข่าวไปเพื่อ ?
ร่ายยาวมาถึงตรงนี้ หลายคนที่ไม่ได้เกาะติดเรื่องราวในแวดวงบันเทิงโดยตรง อาจจะงงว่า “วินัย” หรือ ที่เรียกกันว่า “ปอล ดัชชี่” คือใคร ? มีอิทธิพลในวงการบันเทิงมากขนาดไหน ? และไปมีบุญคุณคุ้มหัวอะไรนักหนา จึงทำให้ตอนแรกอั้มถึงกับน้ำท่วมปาก พูดอะไรมากไม่ได้?

ที่หลายคนคุ้นชื่อปอล ดัชชี่ มากกว่าที่จะเป็นปอล บลูริบบอน ก็เพราะบลูริบบอนเป็นเอเยนซี่ที่รับจ้างทำการตลาดให้ผลิตภัณฑ์ดัชชี่ และโปรเจ็กต์ที่สร้างชื่อก็คือการจัดการประกวดดัชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล เป็นเวทีปั้นพระเอก-นางเอกสู่วงการบันเทิงหลายต่อหลายคน ตั้งแต่รุ่นของอั้ม-อธิชาติ , เขตต์ ฐานทัพ , น้ำ-รพีภัทร , ยุ้ย-จีรนันท์ มากมายนับไม่ถ้วน

กระทั่งทางบลูริบบอนกับทางดัชมิลล์ถึงคราวแตกหักกัน เวทีดัชชี่บอย แอนด์เกิร์ลก็ถึงกาลอวสาน ปิดตำนานกันไป แต่คนก็ยังคุ้นชินที่จะเรียกปอล ดัชชี่เหมือนเดิม

ว่ากันว่าสมัยที่ดูแลเด็กดัชชี่ ก็มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินล่าช้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเขตต์ , น้ำ ,ยุ้ย ฯลฯ ทุกคนเจอมาหมด แต่ละคนโดนกันไปไม่ต่ำว่าหลักล้าน สังเกตดูว่านักแสดงที่หมดสัญญา ไม่มีใครเซ็นต่อซักราย บางคนถึงขนาดฉีกสัญญาด้วยซ้ำ แค่นี้ก็น่าคิดแล้ว

กระทั่งอั้มเอง ก็ใช่ว่าจะไม่โดน เผลอๆ อาจจะโดนหนักกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ไหนจะเรื่องค่าตัวที่ได้ครบบ้างไม่ครบบ้าง ซ้ำยังมีชื่อเป็นหุ้นส่วนของบริษัทอีก เพราะถือว่าเป็นเด็กปั้นรุ่นแรกๆ แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินปันผลกลับคืนมาเลย พอสอบถามไป ก็ผลัดนั่นผลัดนี่ อ้างนั่นนี่ไปเรื่อย ซึ่งอั้มก็ไว้ใจ เชื่อใจมาตลอด เพราะเห็นว่าดูแลกันมา หนำซ้ำบางครั้งยังต้องควักเงินตัวเองให้อีกต่างหาก เวลาที่อีกฝ่ายออกปากขอความช่วยเหลือ ซึ่งอั้มก็มาปรับทุกข์กับคนสนิทในภายหลังว่าเสียดายที่ไว้เชื่อเนื้อใจมาตลอด โดยไม่เคยรู้ความจริงที่ถูกซุกอยู่ใต้พรม

แม้แต่โปรเจ็กต์ “เจ้าเวหา” นี่ก็ตาม ว่ากันว่าตอนแรกทางช่องทรูฯ จะไม่อนุมัติ เพราะรู้กิตติศัพท์ของปอล ดัชชี่ดี แต่อั้มเอง ก็เอาตัวเองไปค้ำประกันการันตี พูดง่ายๆ ก็คือเอาหน้าตัวเองออกรับแทนทุกอย่าง สุดท้ายก็โดนแว้งกัดซะเอง
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า โปรเจ็กต์ “เจ้าเวหา” ปอล ดัชชี่ ก็ฉกไอเดียมาจากผู้จัดเชื้อเจ้าคนหนึ่ง ที่เตรียมจะผลิตให้อีกช่องหนึ่ง ตอนแรกใช้ชื่อโปรเจ็กต์ “พุทธานุภาพ” และผู้จัดเชื้อเจ้าคนนี้เอง ที่เป็นคนฟ้องร้องปอล ดัชชี่ในข้อหายักยอกทรัพย์ค่าผลิตซิรี่ส์ 3 เรื่อง ซึ่งเบิกเงินจากทางช่องมาแล้ว แต่กลับไม่นำมาจ่ายให้ผู้ผลิต (ลักษณะคล้ายๆ กับกรณีที่รับเงินจากอั้ม แล้วไม่จ่ายค่าตัวนักแสดงนั่นแหละ) ตอนนี้คดียังอยู่ที่ สน. ลุมพินี ซึ่งจะต้องไปรายงานตัวต่อศาลทุก 3 เดือน

ยังไม่หมด ยังมีคดียิบย่อยอีกหลายกรณี ที่พอจะยกตัวอย่างก็อย่างกรณีของ “เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง” ที่รับงานรายการทีวี ที่ปอล ดัชชี่เป็นผู้ผลิต สนนค่าตัวตกลงกันไว้ที่ 1.5 แสน เป็นราคาเพื่อนฝูง เพราะใช้ชื่ออั้มออกหน้า แต่สุดท้ายพอรายการจบ เจ้าหญิงฯ ได้เพียงกระเป๋าถือเป็นของกำนัล แต่ไม่ได้ค่าตัวซักบาท เพราะทางนั้นอ้างว่ารายการขาดทุน เจ้าหญิงฯ ก็พูดไม่ออก โวยวายไม่ได้ เพราะเห็นแก่อั้ม

พระเอกเกรียนก็เคยเหมือนกัน เมื่อครั้งที่รับงานโฆษณาไว้ชิ้นหนึ่ง ตกลงค่าตัว 4 ล้าน แต่ทางปอล ดัชชี่เสนอตัวมาว่า จะไปเรียกค่าตัวเพิ่มให้เป็น 5 ล้านบาท แต่ขอส่วนแบ่ง 5 แสน พระเอกเกรียนก็ตกลง เพราะยังไงก็ยังได้ 4.5 ล้านบาท มากกว่าที่เรียกไปตอนแรก แต่พอถ่ายทำเสร็จ กลับได้รับเช็คค่าตัวมา 4 ล้านเท่าเดิม แถมยังต้องจ่ายเงินให้ปอล ดัชชี่ที่ส่งโนติ๊สมาทวงเงินค่าส่วนแบ่ง 5 แสนบาทตามตกลง

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือปอล ดัชชี่หรือ “วินัย เยี่ยมประเสริฐ” มักทำตัวลึกลับ ขนาดว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของดาราดังหลายต่อหลายคน แต่กลับไม่เคยปรากฏรูปในข่าวใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งในเฟซบุ๊กตัวเอง ก็ไม่ลงรูปโปรไฟล์ ทำตัวเสมือนว่าเป็นบุคคลไร้ตัวตน หรืออีกนัยหนึ่ง เหมือนว่าต้องการหลบซ่อนจากอะไรบางอย่าง
เสียดายที่ต้องปิดต้นฉบับล้วงหน้า ก่อนวันที่อั้มขึ้นโรงพัก เลยไม่รู้ว่า งานนี้ปอล ดัชชี่ จะโดนกระชากหน้ากากด้วยข้อหาอะไรบ้าง
ระหว่างอั้มกับปอล ดัชชี่ตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบุญคุณ เรียกว่าตอนนี้ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันแล้วดีกว่า
ซ้ำร้ายว่ากันว่าตอนนี้ฝ่ายหลังถูกกาดอกจันตัวแดง ที่หลายค่ายในวงการบันเทิง ประกาศไม่ขอร่วมสังฆกรรมด้วยแล้ว

ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 355 3-9 กันยายน 2559