xs
xsm
sm
md
lg

“ตุ่น” เลิกคร่ำครวญหา “ตั้ม เดอะสตาร์” หันมาทำมาหากินเลี้ยงลูก ลั่นไม่รักไม่ต้องกลับมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ตุ่น รจเลข” เลิกร้องไห้คร่ำครวญถึง “ตั้ม เดอะสตาร์” บอกกับตัวเองต้องเข้มแข็ง และทำมาหากินเลี้ยงลูก เผยที่ผ่านมาตั้มพิสูจน์ตัวเองและทำดีมาตลอด มีร้อยให้ร้อย มีพันให้พัน มีเงินแสนให้เงินแสน พึ่งจะเปลี่ยนไปตอนมีคนใหม่เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ไม่ขอให้ตั้มกลับมาหากไม่มีใจ ขอเวลา 2 อาทิตย์แล้วกลับมาเคลียร์กันเรื่องลูก

ดรามากันอยู่หลายวันสำหรับคู่ของ “ตั้ม เดอะสตาร์ 10” สุธน บู่สามสาย กับ “ตุ่น รจเลข” ภรรยาสาวรุ่นพี่ที่อายุห่างกันถึง 11 ปี โดยตุ่นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาถึงกระแสข่าวที่ฝ่ายชายทิ้งภรรยาและลูกไปหาพริตตี้ ด้านตั้มก็เปิดแถลงข่าวในรายการเช่นกัน ซึ่งก็บังเอิญว่าตรงกับวันคล้ายวันเกิดของตุ่นพอดี โดยยอมรับว่า เป็นคนผิดเอง พร้อมกับประโยคเด็ด “รักเราจืดจาง” ยินดีทำหน้าที่พ่อแต่ไม่ประสงค์ทำหน้าที่สามี เล่นเอาตุ่นร้องไห้โฮ รับไม่ได้ที่สามีประกาศกลางจอว่าเอาลูกไม่เอาแม่

มาวันนี้ตุ่นหอบลูกสองคนมาเปิดใจในรายการไนน์เอนเตอร์เทน ช่อง 9 ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสขึ้น บอกว่า วันนี้เข้มแข็งขึ้นจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น และจะตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเลี้ยงลูก และไม่ขอให้ตั้มกลับมาหากไม่มีใจ ขอเวลาตั้งตัว 2 สัปดาห์แล้วค่อยมาเคลียร์กันเรื่องลูกว่าจะเอายังไง

“เมื่อวานเป็นวันเกิดตุ่น ก็เพิ่งได้ทราบทีหลังว่าทางต้นสังกัดเค้าไม่ทราบว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดตุ่น แต่ที่เลือกเมื่อวาน เพราะเป็นวันที่ทางนั้นเขาสะดวกที่จะแถลง ตัวตั้มเองตุ่นเชื่อว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดตุ่น แต่ตุ่นก็ไม่ว่ากัน มันอาจจะเป็นวันเกิดที่ดูแย่ไปนิด ๆ แต่แน่นอนว่ามันย่อมมีสิ่งดี ๆ ในเรื่องอื่น อย่างน้อย ๆ เราก็ได้เห็นในอีกหลายมุมมอง ส่วนในเรื่องของคำพูดต่าง ๆ เป็นประเด็นที่หลายคนมาถามตุ่นมากเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่มันก็เป็นความรู้สึกของตั้มเขา ตุ่นคงไม่สามารถไปบังคับความรู้สึกเขาได้ คนเรามันก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่จริง ๆ แล้วมันจะดีกว่านี้ถ้ามีการพูดกันบอกกันก่อนหน้านี้”

 “ก่อนหน้าที่จะไปออกอากาศ ตั้มส่งข้อความมาเป็นข้อความคล้าย ๆ กับที่เขาตอบ ตั้มบอกว่าจริง ๆ แล้วตุ่นน่าจะรู้ว่า รักของเรามันจืดจางลง เขาส่งข้อความมาในไลน์ แต่ตุ่นก็ไม่ได้ตอบตั้มกลับไป แต่ตุ่นตอบตั้มกลับไปหลังจากที่คุยกันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงที่ก่อนเขาจะแถลงข่าว ตุ่นบอกตั้มว่า ถ้ารักมันจะจืดจาง มันเป็นรักของตั้มคนเดียวไม่ใช่ของตุ่น ตุ่นไม่เห็นไม่ทันได้รู้สึกว่ารักของเรามันจืดจางได้ยังไง เพราะก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันก็ยังดี ถ้ามันจะจืดจางก็น่าจะเป็นในช่วงระยะเวลาหลังมากกว่า”

หลังจากมีลูกคนที่สองความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยน
“หลังจากนั้น ทุกอย่างมันก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยน โดยที่ตุ่นไม่ทันได้สังเกตุว่ามีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้เลยเหรอ แต่มันก็มีสัญญาณมาเป็นระยะ ๆ อยู่บ้าง แต่ด้วยความที่ตัวเราเองเพิ่งคลอดลูก เราก็มัวแต่พุ่งประเด็นไปที่ว่า ฉันจะต้องมีนมให้ลูกกินให้ครบตามกำหนด 6 เดือน ฉันจะต้องให้นมลูกให้ได้”

“การดูแลเขาก็อาจจะน้อยลง อันนี้ยอมรับว่ามันอาจจะใช่ แต่มันก็ไม่มีอะไรบ่งบอกให้เรารับรู้ มันก็มีหลายๆ อย่างที่บ่งบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงไป มันมีช่วงเวลาที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเขาเลยเหมือนเดิม เพราะเราติดดูลูกอ่อน เขาก็จะเปลี่ยนไปกับน้องไปกับเพื่อน”

“ตั้ม” ทำงานหนัก เพราะหลังจากคลอดลูก “ตุ่น” ก็ไม่ได้ทำงาน
"จริง ๆ แล้วต้องขอบคุณคุณโตโน่ เพราะในช่วงหลังจากที่คลอดน้องมาร์ตินลูกคนเล็ก ตุ่นไม่ค่อยได้ทำงาน ตอนท้องแก่ก็ไม่ค่อยได้ทำงานเลย ทำให้เรื่องของรายได้ต่าง ๆ ตั้มต้องเป็นเสาหลักเป็นคนหา ถือว่าโตโน่เป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือ มีพระคุณกับครอบครัวที่ทำให้เขาได้งานได้เงินให้ตั้มเอามาจุนเจือครอบครัวในช่วงนั้น คุณโตโน่เขาจะพูดตลอดว่า เอาตั้มมาร้องเพลง นักร้องพ่อลูกอ่อน เพื่อจะได้มีค่านมค่าแพมเพิร์สให้หลาน ตุ่นกับคุณโตโน่ไม่ได้สนิทสนมกัน แต่รู้จักมีโอกาสได้พูดคุยกันแค่ครั้งเดียวตอนก่อนคลอดน้อง”

รักกันเมื่อตอนฝ่ายชายอายุ 23 ปี ส่วน “ตุ่น” อายุ 34 ปี
“ตุ่นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมในชีวิตของตุ่น จะมีแต่คนอายุน้อยกว่าหรืออายุเท่ากันเข้ามา ในชีวิตตุ่นไม่ค่อยได้เจอคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ตุ่นก็มักจะบอกกับคนอื่นว่า ตุ่นคบเด็ก ตุ่นไม่ต้องเจอแจ็กพอตว่าเขาจะมีลูกมีเมียแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ตุ่นไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเรือพ่วงมาหรือเปล่า หรือตุ่นจะต้องไปตามสืบว่ามันมีอะไร ตอนนั้นตุ่นคิดแค่ว่าเราเข้ากันได้ เรารักกัน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เราได้มีลูกกับคนที่เรารัก”

ที่ผ่านมา “ตั้ม” ดูแลเรื่องการเงินเป็นอย่างดี มีร้อยให้ร้อย มีแสนให้แสน แต่พึ่งจะมาเปลี่ยนไปเมื่อไม่นานมานี้
“ตั้งแต่ช่วงแรกที่คบกันตุ่นทำงานมานาน แน่นอนว่า ตุ่นมีมากกว่าตั้ม พอมันถึงเวลาที่ตุ่นท้อง มีลูก มันทำให้ตุ่นต้องดร๊อปการทำงานทุกอย่างเลย ตั้มก็เข้ามดูแลตรงนี้ เค้าเองมีข้อดีของเค้า ที่ผ่านมา เค้ามีร้อยให้ร้อย มีพันให้พัน มีหมื่นให้หมื่น มีแสนให้แสน เค้าให้หมด เค้าเป็นคนดีในจุดนี้ของเค้า แต่อย่างที่บอกในช่วง 4 เดือนหลัง มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนแปลงไป”

จับได้ “ตั้ม” มีคนใหม่เป็นสาวลำปาง โต้ “โตโน่” เป็นคนแนะนำให้รู้จัก
“ต้องบอกว่าตุ่นไม่ได้พยายามสืบหาข้อมูลเลยดีกว่า มีคนพยายามทำให้ตุ่นรู้ข้อมูล ต้องพูดอย่างนี้มากกว่า ในขณะที่เราเลี้ยงลูกอยู่ก็จะมีคนอินบ็อกซ์เข้ามา มีคนมาบอกว่าทำไมเราไม่ลองดูตรงนี้ล่ะ ทำไมเราไม่ลองสังเกตุล่ะ รวมไปถึงเขาเองก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เราก็เลยเริ่มมาอ๋อ..ว่าเอ๊ะทำไมถึงมีปัญหา ซึ่งข้อมูลกับพฤติกรรมของเขามันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มันสามารถจะเช็คได้จากที่เช็กอิน พอเอามาเทียบกันปุ๊บที่เดียวกันหมดเลย”

“กับมือที่สามไม่ได้เจอค่ะ เสียดายที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้นัดค่ะ เขาอยู่ต่างจังหวัดแต่ว่าเขาลงมากรุงเทพฯบ้าง มีโอกาสได้คุยได้เห็นหน้าตามรูปที่มีคนส่งมาให้ แล้วเราก็ไปตามต่อได้แต่ว่ามีโอกาสได้คุยค่ะให้ต่อสายได้คุยเขาไม่ตอบ ก็ถามว่าเขาคุยกันอยู่หรือเขาไม่ได้ตอบอะไร เขาบอกว่าพี่ก็ไปคุยกันเองสิ คุยกันไม่ได้นานมาก เขาอยู่ลำปางค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโตโน่ เชื่อว่าเรื่องนี้โตโน่ไม่รู้เรื่อง”

“จริง ๆ ตอนแรกจะไม่บอกให้ตั้มรู้ด้วยซ้ำว่ารู้ก็พยายามจะ ฝืนแต่ว่าบังเอิญหน้ามันคงฝืนไม่ได้ เลยทำให้มันทราบเรื่องราวต่าง ๆ มา ก็มีความคาดหวังว่าเขาจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ว่าในเมื่อไม่เป็นแบบนั้น ก็ต้องยอมรับ”

ลั่นถ้าหมดรักแล้วอย่ากลับมาดีกว่า ไม่ใช่ตั้มมีสิทธิ์เลือกคนเดียว
“ถ้าตั้มหมดรักอย่ากลับมาดีกว่า เพราะมันมาแต่ตัวมันไม่มีใจ เมื่อวานหรือวันอื่น ๆ ตุ่นรู้สึกว่าตั้มตอบคำถามกับสื่อหรือคุยกับตุ่นวันนี้เป็นอย่างอีกวันเป็นอย่าง เหมือนตั้มยังมีความสับสนในตัวเองอยู่เลยว่า ตั้มไม่รู้ว่าใจตั้มจริง ๆ แล้วต้องการอะไร ก่อนหน้านี้ที่มีการพูดคุยกัน คำพูดที่ตั้มพูดตุ่นก็เคยได้ยินบ้างบางคำอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นในอีกวันหนึ่งตุ่นกลับได้ยินไปอีกอย่างหนึ่ง บอกว่า ยังรักตุ่นนะ ยังอยากอยู่กับลูกมันเลยทำให้ตุ่นรู้สึกว่า ตั้มกลับไปทบทวนตัวเองให้ดี ๆ ก่อนไหมว่า ตั้มมีความคิดยังไง แน่นอนว่าตุ่นก็กลับไปคิดของตุ่นเช่นกัน เพราะตุ่นเองก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าตั้มมีสิทธิ์เลือกแค่คนเดียว”

“ถ้าวันนี้พูดอย่าง แล้วอีกวันพูดอีกอย่างหนึ่ง ตุ่นว่าการกระทำมันสำคัญกว่าคำพูด การกระทำสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ตั้มควรจะกระทำให้มันพิสูจน์ได้ ในการที่ตั้มบอกว่าตั้มรักลูก อยากจะดูแลลูก อยากจะทำหน้าที่พ่อให้ตลอด ก็มาดูว่าตั้มจะทำอย่างไร ตั้มต้องคิดให้ได้และกระทำให้ได้ตามที่คิดด้วย ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว”

ขอเวลาให้เข้มแข็ง แล้วจะให้ “ตั้ม” เจอลูก เพราะอยากเห็นภาพพ่อเล่นกับลูกเหมือนวันวาน
“อย่าเรียกว่ารอค่ะ ตุ่นยอมรับว่าเมื่อวานตุ่นอ่อนแอ แต่วันนี้ตุ่นเข้มแข็งขึ้น ลูกทำให้ตุ่นคิดได้ ลูกเป็นสิ่งที่ทำคัญที่สุดถ้าลูกมีแม่ที่เข้มแข็ง ถ้าลูกมีแม่ที่ยิ้ม ลูกก็จะมีความสุข แต่ถ้าลูกมีแม่ที่ร้องไห้เอาแต่เศร้าไปวัน ๆ เอาแต่ทุกข์ใจ ไม่ใช่ว่าเด็กเขาไม่รับรู้นะคะ เด็กเขารับรู้โดยเฉพาะน้องเฌอร์ตาร์ลูกสาวคนโต ลูกสาวเห็นตุ่นร้องไห้ ทุกวันนี้เขายังฟ้องเพื่อนอยู่เลยว่าแม่ร้องไห้ ตุ่นแค่เผลอร้องไห้ให้ลูกเห็นแค่ครั้งสองครั้งเอง ลูกยังพูดอยู่จนถึงตอนนี้เลย เพราะฉะนั้นตุ่นเลยคิดว่า ตุ่นจะต้องหาวิธีอะไรก็ได้ที่จะทำให้ตัวเองเข้มแข็งที่สุด ไม่ให้ลูกต้องมาเห็นน้ำตาของแม่ ไม่ให้ลูกต้องมาเห็นว่าเราเศร้าเสียใจ ลูกต้องเห็นแม่ที่เข้มแข็ง ลูกจะต้องเห็นแม่ที่จะต้องยืนในวันพรุ่งนี้ต่อไปได้แบบมีความสุข แม้ในวันนี้มันจะยาก”

 “ตอนนี้ลูกก็ยังร้องหาพ่ออยู่ ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าบอกว่าพ่อตั้มไปทำงาน เพราะปกติพ่อเขาเองก็ไปคอนเสิร์ต ไปไหน ๆ เขาก็มีหายไปหลายวันบ้างอยู่แล้วมันยังจะพอพูดแบบนี้ได้อยู่ แต่นอกเหนือจากนี้ถ้าตุ่นกับตั้มยังไม่ได้เจอกันตอนนี้ก็อนุญาตให้เขาเฟซไทม์ลูกสาวเขาได้ ยังให้เขาได้เห็นหน้าลูก แต่เรื่องระหว่างสามีภรรยาก็ให้เป็นเรื่องของสามีภรรยา แต่ความเป็นพ่อลูกเขาก็ไม่ไปกีดกั้นเขา เราต้องให้โอกาสลูกได้มีความสุข แต่ตัวตุ่นยังไม่พร้อมเจอ ตุ่นก็ต้องขอเวลารักษาตัวเองเหมือนกัน ก็ไม่ใช่ไม่เจ็บ ตุ่นก็เจ็บแต่เราต้องเข้มแข็ง ตุ่นไม่แน่ใจว่า ถ้าตุ่นเจอพ่อของลูกนั่งเล่นกับลูกเหมือนคืนวานที่ผ่านมาตุ่นจะยังเข้มแข็งมากพอที่จะรับความรู้สึกตรงนั้นได้หรือเปล่า ต้องให้เวลาตุ่นตรงนี้ด้วย”

ขอดูแลลูกเอง ยอมรับที่ผ่านมาขายทองเพื่อจุนเจือครอบครัว “ตั้ม” ดีมาตลอดยกเว้นช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
“ขอให้ลูกได้อยู่ในความดูแลของตุ่น ตุ่นมั่นใจว่าลูกจะมีความสุขและตุ่นน่าจะเลี้ยงลูกได้ดี ก่อนหน้านั้นก็ยอมรับว่าเอาทองออกมาขายบ้าง เพราะเราไม่มีรายได้เข้ามา ยังอยู่ในช่วงที่เรารอรายได้ เราก็ต้องทำทุกทางเพื่อเอามาทำให้ครอบครัวอยู่ได้ ตั้มจะมีข้อดีที่เขาไม่เป็นคนคิดเรื่องเงินจุกจิก ยกเว้นช่วงหลังสี่เดือนที่ผ่านมา”

“ตอนนี้ตุ่นกลับมาทำงาน ต่อไปก็จะหาอะไรทำมากขึ้น ทำยังไงก็ได้ให้หาเงินมาได้มากที่สุดเพื่อที่เราจะสามารถดูแลเลี้ยงลูกต่อไปให้ได้ ตุ่นก็ต้องมาเป็นเสาหลักให้ที่บ้านตุ่นด้วย ส่วนของตั้มตุ่นรู้ว่าตั้มปราถนาดีที่จะช่วยดูแลตรงนี้ในเมื่อมันเกิดเรื่องเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แน่นอนมันต้องกระทบกับงานของเขา อย่างตอนนี้ตั้มเขาก็กำลังโอเคมีรายได้ที่รอเขาอยู่ในอนาคตอีกบ้าง ซึ่งแน่นอนตุ่นรู้อยู่แล้วแหละว่าเขายังพร้อมที่จะช่วย แต่เขาเองก็ยังไม่ได้เอ่ยปากมาว่าจะดูแลให้อย่างไร ยังไม่ได้ตกลงกัน แต่ถ้างานเขาไม่มีหรือไม่เหลือเลยตุ่นก็ไม่รู้ว่าจะให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกในการดูแลตรงจุดนี้ได้อย่างไร เขาก็คงไม่สามารถดูแลลูกได้ คงก็ต้องเป็นตัวตุ่นที่ต้องดูแลลูกคนเดียว”

หวนนึกถึงอดีตก่อนที่ “ตั้ม” จะเป็นเดอะสตาร์ และแต่งงานกัน ขณะนั้นตั้มยังเด็กแต่ก็เลือกที่จะจบชีวิตวัยรุ่นและมีครอบครัว
“พีกมากเลย...เขาได้ขอแต่งงานวันที่ 9 เดือน 9 สมัยที่ตั้มยังไม่ได้เป็นเดอะสตาร์ เขายังเป็นคนธรรมดาที่เพิ่งเรียนจบแล้วก็มาทำงานเป็นสตาฟฟ์ จนวันนี้เราแต่งงานกันแล้วเขาก็มีชื่อเสียง แน่นอนค่ะว่าคนเราทุกคนย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทุกคนต้องโตขึ้น ทุกคนย่อมมีความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ชีวิตวัยรุ่นของตั้มตอนที่ตั้มมาเจอกับตุ่น ตั้มเคยบอกว่าตั้มใช้มันพอแล้ว ตอนที่ตัดสินใจว่าเราจะมีลูกกัน”

หลังจากนั้น ตุ่นก็ให้อิสระกับตั้มทุกอย่าง ตั้มรู้อยู่แล้วว่าตุ่นเป็นคนยังไง ไม่ว่าตั้มจะไปไหน จะมีเพื่อนหรือจะอะไรตุ่นก็ยังให้อิสระตั้มเหมือนเดิม ตุ่นจะพูดตลอดว่าเดี๋ยวพอตั้ม 30 ตั้มก็จะเบื่อเที่ยวไปเองแหละ เดี๋ยวตั้มก็เหนื่อยไปเอง เราก็ให้ทุกอย่างกับเขา แต่เมื่อมาถึงวันนี้วันที่ตั้มอาจจะได้กลับไปใช้ชีวิตอิสระอีกครั้ง ตุ่นไม่แน่ใจว่าตั้มจะดีใจหรือตั้มจะเสียใจกับอิสระครั้งนี้ที่ตั้มได้ไป ตุ่นขอให้เวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างที่ตุ่นบอกการกระทำมันสำคัญกว่าคำพูด”

“ถ้าเลือกได้ตุ่นก็ยังอยากให้เขาอยู่ในวงการเหมือนเดิม เพราะมันเป็นส่วนที่เขารักเขาเป็นคนมีความสามารถเพียงแต่เป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ตุ่นแค่เป็นคนช่วยให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง มีคนถามตุ่นเยอะเหมือนกัน ถ้าย้อนกลับไปได้จะอยากให้เขาเป็นเดอะสตาร์ เป็นคนที่มีชื่อเสียงไหม ตุ่นก็ตอบไปว่าชีวิตใครก็ชีวิตคนนั้นคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ถ้าเกิดว่ามีความคิดอะไรต่าง ๆ มันก็สามารถดำเนินไปในทิศทางที่ดีได้โดยที่ไม่เป็นแบบนี้ก็ได้”

ไม่เสียใจที่ได้มีลูกกับคนที่รัก ถึงแม้ความรักจะจบลง
“ตอนเราคบกันก็ถูกห้ามทั้งสองฝั่ง จุดที่เรามั่นใจคือเรารักกันไงคะ ตุ่นชอบพูดประโยคหนึ่งมากเลย มันอาจเป็นข้อเสียของตุ่นด้วยว่า ตุ่นชอบใช้หัวใจ ใช้ความรักในการตัดสินมากกว่าใช้สมอง ซึ่งถ้าคนเราใช้สมองมันจะมีพื้นฐานทางความคิด พื้นฐานทางครอบครัวจะคิดเยอะกว่านี้ อันนี้ก็ยอมรับว่า จริง ๆ แล้วที่จะหาใครมาเป็นคู่ชีวิตต้องใช้สมองบ้าง แต่ว่า ด้วยเราอยากมีลูกกับคนที่เรารัก ถ้าวันหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมันเป็นแบบนี้ อย่างน้อยที่สุดตุ่นได้รับของขวัญที่วิเศษที่สุด คือ ลูกสองคนที่เกิดจากความรักของพ่อแม่ ไม่ใช่เกิดจากความเหมาะสม แต่เกิดจากความรักของเรา ณ ขณะนั้น”

“บอกจริง ๆ ว่าไม่ได้โลกสวยไม่ได้ดี ถ้าพูดความโกรธโอเคเรามีบ้างตามปุถุชน แต่ถ้าให้พูดถึงหลักของเหตุผล คือถ้าตั้มอยากรับผิดชอบดูแลลูก อยากหาเงินให้ลูก ตั้มจะพิสูจน์ว่า ตั้มหาเงินมาให้ลูก แต่ถ้าไม่มีงานก็คงไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่า จะหาเงินมาตามที่พูดเอาไว้หรือเปล่าถ้าเขาไม่เหลือที่ยืนเลยไม่เหลืองานให้ทำเลย เขาคงไม่สามารถจะพิสูจน์ตัวเองได้ อันนี้เป็นส่วนของความคิดที่ตุ่นจะมาใจอ่อน สงสาร แต่ว่ามันคือความคิดที่จะมาจากความรู้สึกจริง ๆ มันคือเหตุผล”

เสียใจที่ชีวิตคู่ต้องจบลง เพราะมาจากครอบครัวที่ไม่สมบรูณ์แบบ เลยอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์
“ที่เมื่อวานร้องไห้ค่อนข้างเยอะ เพราะว่าเรื่องเป็นเรื่องสะเทือนใจกับตุ่นมากที่สุด เพราะว่าเราเคยคุยกันตั้งแต่แรกว่า เราทั้งคู่มีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่ว่าเราสองคนจะทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์ มันคือสิ่งที่เราสองคนคุยกันไว้ตั้งแต่แรก เราทั้งคู่อยากมีลูก เขาชอบเด็กเราถึงตัดสินใจมีลูกด้วยกัน เราอยากให้ครอบครัวมีความสุข ไม่อยากให้เขาเป็นอย่างที่เราเคยเป็น”

“แม่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอดเพราะเขาช่วยเลี้ยงหลาน เขาเสียใจมากเพราะว่าตั้งแต่แรกแม่ตุ่นไม่เห็นด้วย เขาสงสัยว่าตั้มจะดูแลลูกเราได้หรือ แล้วตั้มก็มาบอกแม่ว่า ตั้มจะดูแลเป็นอย่างดี ตั้มไม่ได้หวังอะไรในตัวตุ่น แล้วตั้มก็พิสูจน์ให้เห็นเรื่อยมา พอเขาเข้าวงการเขาก็ดูแลทำได้ แม่เขาก็ภูมิใจว่าตั้มทำได้”

“เชื่อว่า ทุกครอบครัวสามารถมีปัญหา อยู่ที่การปรับตัวกับการใช้ชีวิตร่วมกัน แม่ตุ่นรักตั้มนะคะดูแลดี การใช้ชีวิตร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง แม่ยอมรับในตัวตั้มออกจะภูมิใจด้วยซ้ำ ว่าดูแลเราดีและเปิดเรื่องครอบครัว พอมาในวันที่มีปัญหากัน แล้วตั้มพูดว่า รักลูกแต่ตุ่นไม่รักแล้ว แม่ก็เลยรู้สึกว่าพูดอย่างนี้ได้อย่างไร ลูกเขานะ มันเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยหรือ”

ขอเวลา 2 สัปดาห์ค่อยมาเจอกันและตกลงกันเรื่องลูก
“คนเราเจ็บแล้วต้องจำนะ คนเราต้องเข้มแข็งเพื่อตัวเอง ตุ่นให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ใครก็พูดได้สำนึกผิดถ้าเป็นแค่ลมปากก็แค่คำพูด รักไม่รักมันแค่พูด ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ทำอย่างไรให้พิสูจน์ตัวเองได้ ไม่ได้คาดหวังจะเขาจะมาขอโอกาส ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร การกระทำจะพิสูจน์เอง ว่า ตั้มจะอยู่ในสถานะไหน แต่ว่าเคารพการตัดสินใจของตุ่นด้วย เพราะว่าอยากคุยกับตั้มในสถานะไหนสุดท้ายต้องใช้เวลา เราต้องกลับไปทบทวนว่าสุดท้ายแล้วเราเจออะไรมาบ้าง และในอนาคตเราจะเจออะไร ตั้มต้องไปพิจารณาตัวเองเหมือนกัน”

“สถานะใหม่สำหรับตุ่นยังไงก็ได้ ไม่ได้ซีเรียส แต่ว่าต้องตกลงกัน อีก 2 อาทิตย์จะเจอกัน แล้วมาคุยกันว่า ที่ผ่านมา วันนั้นความต้องการของเราคืออะไร ตุ่นไม่ได้ให้หรือตัดโอกาสต้องคุยในความต้องการของเราสองคน ตั้มอยากเจอลูก ตุ่นจะให้โอกาสในการเจอลูก ส่วนข้อตกลงในเรื่องของตุ่นและตั้มมันต้องยาวกว่านั้น แค่สองอาทิตย์ตอบไม่ได้ว่าเราจะกลับมาดีกัน ให้โอกาสรักเหมือนเดิม มันไม่ได้อยู่ในความเป็นจริง มันโลกสวยไป”

“เวลาที่เสียไป มันไม่มีค่าอะไรกับเวลาของเราในอนาคต เวลาที่มันจะเดินไปในอนาคต สำคัญกว่าอดีต ทางนี้เราเลือกเอง ยอมรับในสิ่งที่เลือก”




กำลังโหลดความคิดเห็น